ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 95 ชายชุดดำของจวนแม่ทัพ



บทที่ 95 ชายชุดดำของจวนแม่ทัพ

เมื่อออกจากจวนอ่องเสียน จุนฉูฉูก็แย้มยิ้มที่หาได้ยาก ยิ่ง อ่องตวนยังรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลนั้น

เมื่อรู้ว่าพระชายาเสียนไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ฉูฉู กลับดีใจยิ่งนัก

แต่นี่กลับเป็นสิ่งที่อ่องตวนไม่อยากเห็นที่สุด

เมื่อคิดถึงคำพูดของเสด็จแม่ อ่องตวนกลับเอ่ยอย่างเสีย ไม่ได้ “ฉูฉู เจ้ายังจำคำพูดของเสด็จแม่ได้หรือไม่? จุนซูฉุมองไปยังอ่องตวน เนิ่นนาน “จำได้”

“เสด็จแม่ให้ข้าเลือกหาพระชายารอง เรื่องนี้เจ้าคิดดีแล้ว หรือยัง? ” ก็ไม่มีหนทางอื่น เขาเดิมไม่อยาก ตอบรับ เพียงแต่

ตัวเขาไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าเป็นเรื่องดีหรือแย่ เมื่อไม่ ทะเลาะกัน แต่ก็ไม่ควรส่งสามีที่เพิ่งแต่งกันออกไป

หากมีพระชายารองแล้ว นางจะไม่อิจฉาสักนิดเลย

หรือ?

อ่องตวนไม่สบายใจ ไม่สามารถก้าวพ้นความรู้สึกเจ็บ ปวดไปได้ มีความรู้สึกที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ทำได้เพียง ขึ้นรถและโคลงเคลงไปกับรถม้าเท่านั้น

จุนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างของนาง จึงเอ่ย ขึ้น “ท่านอ๋องวางใจเถิด ตัวฉูฉูเองอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือท่านอ่อง ต่อไปภายภาคหน้าท่านอ่องก็คงไม่ได้มีเพียงฉูฉู เท่านั้น การเลือกสนมนับเป็นเรื่องที่ต้องทำ หากฉฉคิดเพื่อ ท่านอ่องจริงๆ ก็ต้องคิดเผื่อท่านอ่องด้วย”

จิตใจของท่านอ่องตวนเย็นแข็งไปแล้ว แต่เขาก็ม่ได้พูด อะไรออกมา เพียงพยักหน้าเท่านั้น พลางเอ่ยชม “ฉูฉูคนดี ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก”

จุนฉูฉูลอบยิ้มในใจ ให้เจ้าพัวพันอยู่แต่กับข้าทั้งวันนะ หรือ?

เป็นบุรุษชายฉกรรจ์ เรื่องสำคัญกลับไม่ทำ ทั้งวันเพียง พัวพันอยู่กับสตรี ไม่เอาเรื่องเอาราวเลย

ส่วนเรื่องพระชายารอง นางสนใจเสียเมื่อไหร่? ขอเพียงมิใช่สตรีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์ นางจะไปกลับ

ใคร?

อันหลิงหยุนตกลงกับไทเฮาไปสามเรื่อง ดำเนินการไป แล้วสองเรื่อง ส่วนในเรื่องที่สามนับว่าง่ายดายยิ่งนัก แต่ก็ ไม่นับว่าต้องเร่งรีบอะไร

นานๆ ที่จะว่างได้ขนาดนี้ อันหลิงหยุนตัดสินใจกลับไป ยังจวนแม่ทัพและอยู่ที่นั่นสักหลายวัน

และเพื่อลดความกระวนกระวายในตัวนางลงด้วย

ขณะที่กำลังเก็บของอยู่นั้น อันหลิงหยุนกอดจิ้งจอกหาง สั้นออกจากห้อง เตรียมตัวจะออกจากจวน

เพียงเดินผ่านประตูลานโอวหลานเท่านั้น ก็ถูกกงชิงวี่บังทางไว้

เมื่อเห็นนางหอบกระเป๋ายา พลางอุ้มจิ้งจอกหางสั้น กล ชิงวี่ประหลาดใจแล้ว “เวลานี้แล้วยังจะออกไปอีก?

“ตอบท่านอ่อง ข้าคิดถึงบ้านแล้ว อยากกลับไปดู”

อันหลิงหยุนไม่ได้พูดความจริง วี่ก็ไม่คิดอะไรมาก นัก ทำเหมือนอันหลิงหยุนกลับบ้านในทุกๆ ครั้ง เพียงกลับ ไปเอาส่วนประกอบยามาแล้วกลับมายังจวนเสียนอีก

กงชิงจึงเอ่ยปากขึ้น “ให้อาหยู่ไปส่งเจ้า”

“ขอบพระทัยท่านอ่อง”

อันหลิงหยุดอุ้มจิ้งจอกหางสั้นพลางเดินอ้อมไป ตรงออก ไปกลับไปยังจวนแม่ทัพ

แม่ทัพอันระยะหลังมานี้มักจะยืนมองอยู่ตรงประตู เขา เรียกได้ว่ายอมรับใช้บุตรสาว การออกไปออกรบเป็นเพียง ช่วงเวลาเดียวที่เขาแยกจากบุตรสาว ในเวลาปกติแล้วหาก ไม่ได้พบกันสามวันก็แทบขาดใจ

ครั้งนี้ไม่ได้เจอบุตรสาวแรมเดือน แม่ทัพอันแทบไม่แตะ ข้าวน้ำ พาให้พ่อบ้านเดือดเนื้อร้อนใจยิ่งนัก

หากอันหลิงหยุนยังไม่กลับมา พ่อบ้านก็คิดจะเรียกคนไป ดูที่จวนอ่องเสียน หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เสด็จแม่ทัพคงจะ ทนไม่ไหวเป็นแน่

เพียงรถม้าจวนอ๋องเสียนโผล่มาให้เห็น แม่ทัพอันก็รีบ ก้าวเดินออกไปทันที เบิกตาจ้องไป ดูลักษณะรถแล้วหากไม่ใช่อาหยู่จะเป็นใครไปได้?

“หลิงหยุน” แม่ทัพอันตะโกนเรียกข้างรถม้าราวเด็กๆ เมื่อ อันหลิงหยุนได้ยินก็รีบเปิดม่านออกมานอกรถม้าอย่าง รวดเร็ว เมื่อรถม้าหยุดลง อันหลิงหยุนก็รีบกระโดดลงทันที

แม่ทัพอันรีบดึงบุตรสาวเอาไว้ มองดูด้วยความกังวล จน เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

อันหลิงหยุนกลัวแม่ทัพอันจะร้องไห้เป็นที่สุด จึงรีบนำ หมาจิ้งจอกหางสั้นมอบให้เสด็จแม่ทัพ “ท่านพ่อ ข้าเจอเจ้า สิ่งนี้ใกล้ๆ กับภูเขาท่านดู น่าสนุกมากเลย”

อันหลิงหยุนรู้วิธีปลอบประโลมคน แม่ทัพอันก็ไว้หน้าให้ โอบกอดเจ้าหมาจิ้งจอกพลางลูบขน “เจ้าหมาจิ้งจอกนี่ดี เสียจริง!

“อาหยู่ เจ้ากลับไปก่อน บอกกับท่านข้าจะอยู่ที่นี่สัก หลายวันก่อนจะกลับ”

อันหลิงหยุนโบกมือ เมื่อบอกกล่าวแล้วจึงเดินเข้าไปยัง จวนแม่ทัพ

แม่ทัพอันผลักนางเข้าไปพลางแย้มยิ้ม รีบสั่งให้คนนำ ของอร่อยมาให้นาง บุตรสาวและบิดาเข้าไปพูดคุยกัน

อาหยู่ลังเลอยู่ด้านนอกประตูอยู่ครู่หนึ่ง จึงรีบบึ่งม้าไป แจ้งแก่กงชิงวี่

เมื่อได้ฟังคำอาหยู่ กงชิงวี่โมโหแทบไม่ทัน ดูก็รู้ว่ากำลัง หลบเขาอยู่ เมื่อออกจากประตูไปก็ไม่อยากกลับมาแล้ว
“ไม่ต้องให้นางกลับมาแล้ว”

กงชิงเองก็ขี้เกียจที่จะทำความเข้าใจแล้ว สตรีนางนี้นับ ว่าทำอะไรไม่มีกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น ไม่มีการทำตามกฎ บ้านฝ่ายชาย คิดอยากจะกลับบ้านตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ คิดจะทำตามกฎอะไรทั้งสิ้นแล้วใช่หรือไม่

อาหยู่ยืนอยู่หน้าประตูโดยไม่พูดอะไร ท่านอ๋องเอาจริง หรือแค่เล่นเท่านั้น?

กลับจากกินข้าวแล้วอันหลิงหยุนก็ยุ่งอยู่ในห้องนอน จนถึงก่อนจะเข้านอน ตอนแรกคิดว่าจะพักผ่อนก่อนคืน หนึ่งวันพรุ่งนี้ค่อยออกไปหาสมุนไพร แต่คิดไม่ถึงว่าคืนวัน นั้นจะมีชายชุดดำมา

แม้อันหลิงหยุนไม่ได้มีความเจนจัดในการแยกแยะเสียง ในเวลาค่ำคืน แต่นางก็อาศัยท่ามกลางป่าเขามาแรมปี ความเคลื่อนไหวบนหลังคาแม้นางจะนอนหลับไปแล้วก็ยัง รู้สึกได้ พลันรู้สึกกลัวว่าจะเป็นคนในยุทธจักรตามนางมา

เวลานั้นนางยื่นมือเข้าหยิบมีดสั้นใต้หมอนขึ้น เตรียม พร้อมรับมือ

บนหลังคามีกระเบื้องเคลื่อนหนึ่งแผ่น หมาจิ้งจอกหางสั้น ลันขู่ขึ้น ในความเป็นจริงแล้วแม้อันหลิงหยุนจะไม่ตื่น ไม่ รับรู้ถึงอันตราย แต่จิ้งจอกหางสั้นก็สัมผัสได้ก่อนนาง แน่นอน

อันหลิงหยุนทำท่าตบมือแบบไร้เสียง เงยหน้ามองไปยัง หลังคา คนที่เคลื่อนตัวอยู่บนหลังคานั้นนับว่าเคลื่อนตัวได้เงียบเชียบ ราวกับเป็นเพียงลูกขนไก่ตกลงบนหลังคา เท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้ลงมาตรงๆ เพียงเข้าไปในสวนด้าน หลัง ตัดสินใจจะเดินเข้ามาทางประตู

อันหลิงหยุนนอนนิ่งรออยู่บนเตียง ไม่นานนักประตูก็ถูก ผลักเปิดออก มีเงาผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากประตู

เมื่อเข้ามาใกล้อันหลิงหยุนก็พลันจุดตะเกียง ฝ่ายตรง ข้ามไม่ได้เปิดใบหน้า พลันใช้มือบังขึ้น แต่แม้เขาจะไม่บัง ตัวตน แต่ใส่ชุดดำทั้งตัว ทั้งยังสวมหน้ากาก อันหลิงหยุนก็ ยังมองไม่เห็นใบหน้าเขาอยู่ดี

เพียงคาดคะเนจากรูปร่างเขาเท่านั้น คาดว่าเขาเป็นบุรุษ

หนุ่ม

แต่เมื่อขณะเขาเอามือบังขึ้นนั่นเอง อันหลิงหยุนพลัน รู้สึก ว่านางต้องรู้จากคนผู้นี้ มิเช่นนั้นคงไม่ยกมือขึ้น บังหน้าเพียงเพราะมีแสงไฟขึ้น

เรื่องนี้เป็นเพียงความสามารถปฏิกิริยาตอบกลับพื้นฐาน เท่านั้น อันหลิงหยุนชาติก่อนได้รับการฝึกฝนพิเศษ การ ฝึกอย่างหนึ่งก็คือความสามารถในการประเมินปฏิกิริยา ตอบกลับของมนุษย์

อันหลิงหยุนลงจากเตียง กุมมีดสั้นไว้พลางเอ่ยถาม “เจ้า เป็นใคร ทำไมถึงบุกเข้ามาจวนแม่ทัพยามดึก? ”

อันหลิงหยุนถือมีดสั้นชี้ไปยังชายชุดดำ ชายชุดดำไม่ สนใจคำถามของนาง กลับหยิบแส้ออกมาจากด้านหลัง พลางสะบัดแส้ฟาดไปทางอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนพลิกตัวกลับ หมาจิ้งจอกข้างตัวก็กลับตัวอย่างรวดเร็ว พุ่งตัว เข้าไปทันที อันหลิงหยุนก้มตัวลงเหนือพื้นหอบหายใจ

ร่างกายนี้ยังไม่นับว่าดีนัก แม้จะขับพิษออกไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ยังมีกำลังไม่พอ

เกรงว่าแม้ชั่วชีวิตนี้ก็คงฟื้นตัวกลับไปแข็งแรงดังเดิม เหมือนชีวิตชาติก่อนของนางไม่ได้

ชายชุดดำหมุนตัวหลบหลีกหมาจิ้งจอก อันหลิงหยุนไม่ กล้าเคลื่อนตัวไปทั่ว จึงตะโกนขึ้น “มีคนร้าย! ”

จวนแม่ทัพภายนอกพลันสว่างขึ้นทันที เสียงสุนัขดังขึ้น ระงม

ผู้บุกรุกหันกลับไปมีท่าทีลนลาน ท่าที่ไม่พอใจนัก พลาง สะบัดตัวจากหมาจิ้งจอกแล้วพุ่งตัวไปยังอันหลิงหยุน อัน หลิงหยุนหลบไม่ทัน ฝ่ายตรงข้ามผลักไปยังไหล่ของนาง นางยืนไม่อยู่จึงล้มตัวลงกับพื้น

ภายนอกมีคนเข้ามา ชายชุดดำจึงพุ่งตัวขึ้นไปบนหลังคา และหลบหนีไปได้

แม่ทัพอันวิ่งเข้ามา อันหลิงหยุนถ่มเลือดออกจากปาก ใน ทีแรกตั้งใจจะรอแม่ทัพอันมาก่อน กลับอดทนไม่ไหว ล้มลง บนกำแพง

“หลิงหยุน เร็วเข้า หมอจวน”

แม่ทัพอันรีบพุ่งตัวไปเบื้องหน้าอันหลิงหยุน พลางอุ้มนาง วางไว้บนเตียง
พ่อบ้านรีบวิ่งออกไปเรียกหมอจวนมา ทั่วทั้งจวนแม่ทัพ ต่างชุลมุนวุ่นวายไปทั่ว

หมอจวนรีบวิ่งเข้ามาเบื้องหน้าอันหลิงหยุน ให้อันหลิงหยุ นกินยาระงับการไหลเลือดหนึ่งลูกกลอน ห้ามเลือดเอาไว้ และเอ่ยขึ้น “เสด็จแม่ทัพ คุณหนูเส้นเลือดแตก”

“ห้ะ? ”

แม่ทัพอันตกใจจนหน้าซีด “รีบเร็ว รีบเข้าวังรายงาน ฮ่องเต้ ขอให้หมอหลวงมา”

แม่ทัพอันมือเท้ายุ่งเป็นพัลวัน เมื่อต้องจัดการเรื่องของ อันหลิงหยุน เขามักจะจัดการไม่ได้เสมอ

อันหลิงหยุนหยุดพ่อบ้านไว้ “เดี๋ยวก่อน ไปที่จวนอ่องเสีย

ให้เขามารับข้ากลับไปก่อน”

อันหลิงหยุนจะให้คนในจวนแม่ทัพรับรู้ไม่ได้ว่านางรักษา ตัวเองได้ ในตอนนี้ไม่อาจให้คนนอกล่วงรู้ได้อีก

มีเพียงต้องขอร้องกงชิงที่ให้ช่วยนางเท่านั้น

เป็นเพราะนางประมาทเกินไป เพียงคิดว่าคนในยุทธจักร ไม่เปิดเผยตัวกว่าครึ่งเดือนแล้ว คงจะไม่บังเอิญมากขนาด นี้ คาดไม่ถึงเลยว่าเขากลับอยู่รอนางที่นี่

“นี่มันเวลาไหนกันแล้ว เจ้ายังคงเป็นห่วงไอ้คนโฉดนั่น? แม่ทัพอันร้อนรนเป็นอย่างมาก ยังตัดสินใจไม่ได้

“ท่านพ่อ เขาทำดีกับลูกมาก ท่านรีบไปไปเชิญเขา มี เพียงเขาเท่านั้นที่รักษาลูกได้ เขาสามารถทำให้ลูกฟื้นคืนกลับมามีชีวิตได้อีก”

อันหลิงหยุนแทบไม่มีแรงจะพูดแล้ว พูดไปอีกไม่กี่คำก็ พลันสลบไป

ตัวนางสลบไร้แรงอีกต่อไป ทำให้แม่ทัพอันไม่อาจพูด อะไรได้อีก เรียกคนให้ไปยังจวนอ่องเสียนตามกงซิงวี่มา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ