ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 203 ฉ้อโกงเงิน



บทที่ 203 ฉ้อโกงเงิน

ฟอบ้านก้มหน้าก้มตาตรงไปยังตำหนักราชครู ก่อนออกมาอันหลิงหยุนกำชับให้ใช้รถม้า เพราะเงิน จํานวนมากเช่นนั้น หากเกิดเหตุอันใดขึ้นระหว่างทาง จักลำบาก และเพื่อความสบายใจ ทางตำหนักราชครู จึงส่งคนมาคุ้มกันจนถึงจวนอ่องเสียน เช่นนี้ก็วางใจได้ หากเป็นตอนเอาเงินไปคืน พวกเขาจักต้องทำดังนี้เช่น กัน

พ่อบ้านไม่แน่ใจว่าพระชายาจักป้องกันโรคหรือ ทำสิ่งใดอีก มิเช่นนั้น เหตุใดจึงกล่าวเรื่องเช่นนั้นออก มา

พ่อบ้านไปได้ไม่นานก็กลับมาถึงตำหนัก พร้อมกับ เงินหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง โดยมีคนของตำหนักราชครู คุ้มกันมาตลอดทาง

พ่อบ้านเข้ามาหาอันหลิงหยุนเพื่อรายงานความคืบ หน้า อันหลิงหยุนนั้นกำลังยุ่งอยู่กับการพัฒนาตัวยา

“พระชายา ได้ยืมเงินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วขอรับ คนของราชครูคุ้มกันมาตลอดทาง” พ่อบ้านรู้สึกถึง ความแปลกประหลาดนี้ พระชายาขอยืมเงิน และทาง ตำหนักราชครูก็ไม่ลังเลที่จักให้ยืมเลยแม้แต่น้อย

“ราชครูผู้ร่ำรวย พวกเราหาเทียบพวกเขาได้ไม่” อันหลิงหยุนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม้มีความ สุขอยู่บ้าง แต่การกระทำเช่นนี้ จักทำให้มีคนรู้ว่าพวก เขาขาดแคลนเงิน ทั้งๆ ที่มีชื่อในการเปิดร้านค้าขาย แต่คนในจวงอ่องเสียนมีจำนวนมาก ส่งผลให้จำต้อง กินต้องใช้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ถึงขนาดออกมากู้ยืม เงินผู้อื่น การเปิดร้านค้าขายก็เป็นหนทางเดียวที่ทำให้ อยู่รอดต่อไปได้

มิเช่นนั้น ก็ต้องมีคนติฉินนินทา จักเป็นปัญหาขึ้น มาอีก!

“พระชายา ตำหนักราชครูไม่มีเงินเหมือนกันขอรับ แต่ได้ยินมาว่าอาจารยใหญ่ของฮ่องเต้ ออกไปหายืม มาให้” พ่อบ้านนั้นรู้สึกเคารพนับถือพระชายามากขึ้น เรื่อยๆ มิมีสิ่งใดที่นางทำไม่ได้ ทั้งรักษาผู้ป่วย ช่วยชีวิต คน แม้แต่กู้ยืมเงินก็ไม่เกินความสามารถของนาง

“ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจักจ่ายเงินคืน ราชครูนั้นยังมี หนทางออกมากกว่าเรา หากพวกเราต้องการกู้ยืม ก็ ไม่รู้จะไปขอจากที่ใด แต่ราชครูเพียงแค่เอ่ยปาก ก็ สามารถยืมมาได้แล้ว”

” พ่อบ้านมิเอ่ยอันใด รับรู้แต่เพียงผล ประโยชน์ และความชาญฉลาดเท่านั้น

อันหลิงหยุนส่งพ่อบ้านกลับไป ส่วนนางยังคงปรุง

ยาอยู่ในห้องปรุงยา ณ ใจกลางไม้หลิวอันเขียวชอุ่ม

พ่อบ้านแจกจ่ายค่าจ้างรายเดือนแก่ทุกๆคน คน ทั้งจวนอ่องเสียนกำลังตื่นเต้น เพราะได้ยินมาว่าพระ ชายามีเงินแล้ว ฟอบ้านไม่บอกว่าได้เงินมาอย่างไร แค่บอกว่านี่ เป็นการประทานพรจากพระชายา

สองวันมานี้ทุกคนได้พบท่านอ่องแล้ว ท่านอ่องนั้น ไม่ยุ่งเกี่ยวอันใดกับกิจการภายใน เพียงกล่าวว่าไปร้อง เรียนต่อพระชายา

พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกว่าท่านอ๋องทำให้พระชายา ลำบาก เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านก็สูงขึ้น พระชายาเป็น เพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้จะมีฐานะ แต่ก็ไม่ สามารถหาเงินมากมายเช่นนั้นได้

แม้ว่าจะกลับไปบ้าน ซึ่งจวนแม่ทัพนั้นหาดีกว่าจวน อ๋องเสียนไม่ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถหาเงินมากมาย เช่นนั้นได้ในคราวเดียว

แต่ในเพลานี้ พระชายานั้นไม่ได้รบกวนสิ่งใดกับ ท่านอ๋องแล้ว

อันหลิงหยุนออกมาจากห้อง พ่อบ้านมอบเงินที่ เหลือแก่อันหลิงหยุน เมื่อนับแล้ว ยังมีเงินเหลืออีกหนึ่ง หมื่นสามพันตำลึง

“จวนอ่องเสียนของเราจ่ายค่าแรงวันละเท่าไหร่?” อันหลิงหยุนถาม

“หนึ่งร้อยกว่าตำลึงขอรับ ช่วงนี้ท่านอ่องและพระ ชายาไม่ค่อยอยู่ตำหนัก จึงประหยัดขึ้น เราใช้เงินมาก แค่ช่วงสิ้นเดือน เพราะจำต้องจ่ายรายเดือนเพียง เท่านั้นขอรับ และในวันธรรมดา เรายังมีพอใช้ อีกทั้ง ยังมีที่ดินให้เช่าอยู่บ้างขอรับ”

“อย่างนั้นข้าจักนำเงินไปหนึ่งหมื่นตำลึงแล้วกัน เจ้าเก็บส่วนที่เหลือไว้ ให้เพียงพอสำหรับเดือนหน้า”

“เพียงพอขอรับ เพียงพอแล้วขอรับ!” ขอบ้านพยัก หน้าตอบอย่างรวดเร็ว

อันหลิงหยุนนำเงินออกไป พร้อมทั้งหยิบวัสดุยา และเข็มฉีดยาไปด้วยประมาณหนึ่ง นางขึ้นรถม้า และ ตรงไปยังต้าจงเจิ้งย่วน

อันหลิงหยุนลงจากรถม้า พร้อมสั่งให้อาหยู่นำเงิน ห้าพันตำลึง ออกมาด้วย

อันหลิงหยุนรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย เพราะจำต้องให้ พ่อบ้านออกไปยืมเงินมา และแม้ยืมมาได้แล้ว ก็ไม่ได้ ธนบัตรมาบ้างเลย

พ่อบ้านที่ไม่มีไหวพริบยืดหยุ่นตามสถานการณ์ เช่นนี้ อันหลิงหยุนไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเขาถึงอยู่รอด มาได้เนิ่นนานถึงเพียงนี้

ถ้าเป็นในเกม ก็คงตายไปตั้งแต่แรกๆแล้ว

องค์หญิงใหญ่ประหลาดใจ เมื่อเห็นเงินที่อยู่ตรง หน้า: “ร้านของท่านทำเงินได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าค่ะ” อันหลิงหยุนพูดอย่างใจเย็น

องค์หญิงใหญ่เลิกคิ้ว: “รวดเร็วเช่นนี้เชียวรี?”

“ก็ไม่เท่าไหร่เจ้าค่ะ เพียงแต่ช้ากว่าที่ข้าคาดไว้ก็ เท่านั้น กำไรในเดือนนี้ไม่ค่อยดีนัก ได้ไม่พอตามที่ข้า ปรารถนา”

ขณะที่อันหลิงหยุนกำลังพูดอยู่นั้น กงชิงที่เพิ่ง ออกมาจากห้องขัง ก็ประหลาดใจที่ได้เห็นแสงระยิบ ระยับของเงิน แต่เขามิอาจกล่าวสิ่งใด เรื่องแบบนี้กลับ ไปคุยกันที่ตำหนักจักดีเสียกว่า

องค์หญิงใหญ่สั่งให้คนมานับเงิน จากนั้นก็ถาม เกี่ยวกับร้านค้าของอันหลิงหยุน

“จริงๆแล้ว มันคือ ร้านตัดผ้า เป็นสถานที่สำหรับ ผลิตเสื้อผ้า ซึ่งเสื้อผ้าของเรานั้นมีราคาสูง เพราะใช้ เนื้อผ้าที่มีคุณภาพ อีกทั้งหญิงร้อยผ้ายังมีฝีมือการปัก ตัดเย็บที่ประณีตบรรจง จึงไม่ต้องกังวลกับการขาย เพราะมักมีผู้มีฐานะที่สามารถซื้อเสื้อผ้าในราคาไม่กี่ พันตำลึงนี้ได้”

“เจ้านั้นใจดำเสียนี่กระไร!”

องค์หญิงใหญ่ไม่พอใจ

อันหลิงหยุนมีมีความกังวลแต่อย่างใด เพียงกล่าว ว่า “เงินของพวกเขานั้นได้มาจากผู้มั่งคั่ง ข้าเพียงรับ เงินนี้ไว้ และนำมันไปใช้จ่ายเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ

เงินของข้าได้มาจากการลงทุน ซึ่งจักเป็นไปเพื่อ ประโยชน์แก่ประชาชน เป็นเกียรติอันดีงามแก่ตระกูล ถือเป็นเรื่องที่ควรค่าอย่างยิ่งเจ้าค่ะ

หลังจากที่ข้าหาเงินได้แล้ว เงินส่วนที่เหลือจักถูก นำไปบริจาคแก่ผู้ยากไร้ ข้ายังอยากเปิดร้านยา เพื่อ รักษาผู้ที่ไม่มีเงินมากพอในการหาหมอ อีกทั้งยังอยาก ทำสมุนไพรมอบให้แก่ผู้สูงอายุที่ไร้ญาติมิตร หรือหาก เป็นผู้ที่ไม่มีครอบครัวดูแล ข้าจักเลี้ยงดูพวกเขาจน เติบใหญ่ ให้ได้เรียนรู้การเป็นพลเรือนและการเป็น ทหารที่ยอดเยี่ยม เพื่อรับใช้ประเทศชาติต่อไปใน อนาคต”

องค์หญิงใหญ่ผงะไปชั่วครู่เมื่อได้ยินดังนั้น ใช้ เวลาพักใหญ่จึงกลับมามีสติ

“ความทะเยอทะยานของเจ้าช่างใหญ่หลวงเสีย จริง รอเจ้าได้เงินค่อยมาพูดอีกทีแล้วกัน”

องค์หญิงใหญ่สั่งให้คนมาเอาเงินไปเก็บ แล้วก็ ถามอันหลิงหยุนว่า ทานสิ่งใดแล้วหรือยัง?

“ยังเจ้าค่ะ”

“เป็นเช่นนั้น ทานเสียก่อนแล้วค่อยกลับ”

“ขอบพระคุณท่านป้า แต่ข้าต้องไปเก็บวัตถุดิบ ปรุงยา เห็นจะอยู่ต่อมิได้”

“จักไม่ทานสิ่งใดเสียหน่อยรึ?”

“อ่องตวนอาการสาหัสนัก ข้าเป็นห่วงท่านเหลือ เกิน หวังเพียงว่าอ่องตวนจักหายดีในเร็ววัน ข้าจึงต้อง รีบไปปรุงยา พวกหมอจวนนั้นหาได้รู้จักตัวยาที่ข้าใช้ ไม่ จำต้องไปเก็บด้วยตัวเองเจ้าค่ะ หากวันนี้มีดค่ำเสีย ก่อน ก็หารู้ได้ไม่ว่าพรุ่งนี้มีเหตุอันใดคอยอยู่อีก ต้องรีบ เก็บวัตถุดิบปรุงยาให้ได้ภายในคืนนี้ จึงได้ไปเยี่ยมอ่อง ตวนให้เร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”

“เจ้ามีถ้อยคำคมคายยิ่งนัก พูดว่าจักทำเพื่ออ่องต วน จักให้ข้ามองอย่างไรก็มองไม่ออก หากเจ้าไม่ ต้องการทานอาหาร ณ วังของข้า ก็ไปเสีย”

องค์หญิงใหญ่ลุกขึ้น และกำลังเดินจากไปด้วย ท่าทางเบื่อหน่าย หญิงคนนี้เหมือนพ่อของนางไม่มีผิด น่าหงุดหงิดเสียจริง

อันหลิงหยุนมององค์หญิงใหญ่ที่กำลังเดินไป จึง พูดขึ้นว่า: “ท่านป่า ข้าต้องออกนอกเมือง ยังมีเงินอีก ห้าแสนตำลึงอยู่ในรถ พกไปด้วยคงไม่สะดวก อยาก ให้ท่านป้าช่วยรักษาไว้ให้เจ้าค่ะ”

องค์หญิงใหญ่หันไปมองอันหลิงหยุน: “เจ้าทำ กำไรได้ขนาดนั้นเชียวรึ?”

อันหลิงหยุนมิพูดสิ่งใด

“อย่างนั้นก็ยกขึ้นมา” องค์หญิงใหญ่กล่าว อาหยู่ ไปยกกล่องขึ้นมา พร้อมเปิดให้องค์หญิงใหญ่ดู เมื่อดู แล้วองค์หญิงใหญ่ก็มีข้อสงสัย

“นี่คือกำไรที่ทำได้จริงๆรี?”

อันหลิงหยุนยังคงมิเอ่ยสิ่งใด

องค์หญิงใหญ่กล่าวว่า : “เจ้าพกเงินมากมายไป ไหนมาไหนเช่นนี้ ช่างผยองเสียจริง เดี่ยวข้าจักนำไป แลกเป็นธนบัตรให้ และจักเพิ่มเงินให้อีกห้าพันตำลึง แต่ข้าจักกลายเป็นผู้ถือหุ้นร่วมด้วยแล้วนะ”

“ท่านป่าจะซื้อหุ้นไม่ได้นะเจ้าคะ หุ้นนี้ไม่สามารถ ทำกำไรมหาศาลได้ หากขาดทุน ผลเสียก็จักส่งผลกับ ท่านป้าด้วย”

“เพียงห้าพันตำลึงเท่านั้น ข้ายังมีเงินเหลืออีก ทำๆ ไปเสีย” องค์หญิงใหญ่ไม่ยอมวางมือ

“ท่านป้าเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าข้าปฏิเสธการซื้อหุ้นของ ท่าน หากแต่แบ่งเงินห้าแสนตำลึงในสัดส่วนเท่า ๆ กัน แล้ว ก็ตกเป็นเงินไม่กี่ร้อยในการถือหุ้น”

“เช่นนั้น จำต้องใช้เท่าไหร่เล่า?”

“ท่านป้าอย่างน้อยต้องสองหมื่นตำลึง จึงสามารถ ปันผลเป็นห้าพันตำลึงในแต่ละเดือน!”

“ฮึม เจ้านีวางแผนอย่างรอบคอบเสียจริง” องค์ หญิงใหญ่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “มีไม่ถึงสองหมื่นตำลึง แต่ถ้าเป็นหนึ่งหมื่นตำลึงก็พอมีอยู่”

“แต่หุ้นหนึ่งหมื่นตำลึง สามารถแบ่งได้แค่สองพัน ห้าร้อยตำลึงเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็สองพันห้าร้อยก็ แล้วเมื่อใดจักเป็นห้า พันตำลึงเล่า?”

– “อันนี้ก็….”อันหลิงหยุนลังเลเล็กน้อย เมื่อองค์ หญิงใหญ่เห็นว่านางไม่เต็มใจ ก็กวักมือให้คนไปเอา ธนบัตรมา “นี่คือหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง และอีกห้าพันตำลึง ของเจ้า ข้าให้เงินเพิ่มไปอีกหนึ่งหมื่นตำลึง นำหลัก ฐานการซื้อขายมาให้ข้าเสีย”

อันหลิงหยุนกำลังสับสน: “แต่ข้าเป็นคนให้เงิน ข้า ยังไม่ให้ท่านป้าเขียนหลักฐานการซื้อขายเลยนะเจ้า คะ”

“ข้าจักเขียนให้เจ้า” องค์หญิงใหญ่เขียนหลักฐาน การซื้อขายทันที อันหลิงหยุนจำต้องเขียนหลักฐาน การซื้อขายโดยไม่เต็มใจไปโดยปริยาย

เขียนเสร็จ อันหลิงหยุนรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

“ท่านป้าเจ้าคะ การลงทุนเล็กน้อยสามารถสร้าง กำไรได้มหาศาล ปัญหาคือ ในเดือนนี้การค้าขายอาจ จะออกมาดี แต่ในเดือนต่อไป อาจจะค้าขายไม่ค่อยดี ส่งผลให้ขาดทุนก็เป็นได้นะเจ้าคะ

หากเป็นเช่นนั้นก็จักเสียเงินไป ไม่ใช่แค่ไม่ได้หุ้น คืน แต่จำต้องจ่ายค่าหุ้นต่อไปอีกด้วย”

ไม่ว่าจะยังไง องค์หญิงใหญ่ก็เห็นได้ว่าอันหลิงหยุ นไม่เต็มใจ ที่จะแบ่งส่วนการถือหุ้น นางไม่ทนต่อ จึง พูดว่า: “ข้าหาได้ไร้ประโยชน์เยี่ยงเจ้าไม่ รีบไปเสีย”

“เจ้าค่ะ!”

อันหลิงหยุนเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องนำเงินมาด้วย พลาง มองไปที่กงซิงอย่างหดหู ก่อนจะหันกลับออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ