ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 192 ความแค้นของจุนฉูฉู



บทที่ 192 ความแค้นของจุนฉูฉู

อันหลิงหยุนไม่พูดอันใดต่อ หวางฮองไทเฮาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: “ฮั่วไท่เฟยนั้นฉลาด แม้แต่ข้าเองก็คิดว่านาง ฉลาด แล้วเจ้าคิดว่านางเป็นคนโง่หรือไม่?

มองไม่ออกได้กระไร?

ที่นางมีท่าที่หยิ่งผยองเช่นนั้น เป็นเพราะนางรู้ว่า หากนาง ไม่แสดงท่าทีหยิ่งผยองแล้วล่ะก็ นางคงจะอยู่ในวังแห่งนี้ต่อ ไปอีกไม่ได้

นั่นคือสิ่งที่นางเสแสร้งแกล้งทำ

เจ้าไปพูดยุแยงต่อหน้านาง หลอกใช้นาง นางก็เพียงแค่ อายุมากแล้ว จึงคิดไม่ทัน

หากนางคิดขึ้นมาได้เมื่อไหร่ นางไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่ นางเองไม่ได้เห็นข้าอยู่ในสายตา”

ในที่สุดก็พูดทุกอย่างจนหมด หวางฮองไทเฮาทรงเตือน อย่างไม่พอพระทัยนัก

อันหลิงหยุนเข้าใจดี หวางฮองไทเฮาทรงเตือนให้นางระวัง ตัวเอาไว้สักหน่อย!

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ วันหลังหม่อมฉันจะไม่ไปยุแหย่ อีก”

“อย่าความจำสั้นก็แล้วกัน” หวางฮองไทเฮามองที่เท้าเป็น สัญญาณว่าให้อันหลิงหยุนกลับไปนั่ง ตอนนี้เองอันหลิงหยุน จึงกลับไปนั่ง หวางฮองไทเฮาเห็นอันหลิงหยุนเหม่อลอย อันหลิงหยุนเอง ก็ไม่กล้าพูดอันใด นั่งอยู่สักครู่ อันหลิงหยุนจึงจากไป

ตอนที่อันหลิงหยุนกำลังจะไป หวางฮองไทเฮาทรงตรัส ถามว่า: “ไม่พาหมาจิ้งจอกหางสั้นไปด้วยหรือ?”

“ไม่เพคะ ให้จิ้งจอกน้อยอยู่เป็นเพื่อนเสด็จแม่เพคะ ตอนที่ หม่อมฉันไม่อยู่ นางจะได้คอยระวัง หากเสด็จแม่ทรงเกิดเรื่อง ขึ้นหม่อมฉันจะได้รู้เพศคะ”

หวางฉองไทเฮาทรงรู้สึกน่าขัน: “ทำไมเจ้าจึงไม่สงสัยแม่

ล่ะ?”

อันหลิงหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง: “บนโลกนี้มีคนเลวอยู่มากมาย เสด็จแม่เองก็เคยเป็นคนโหดเหี้ยมไร้หัวใจมาก่อน แต่หม่อม ฉันรู้สึกว่า ขอเพียงแค่ทรงดีกับหม่อมฉัน ก็แสดงว่าไม่ใช่คน เลว”

“กลับไปเถอะ”

หวางฮองไทเฮาลูบจิ้งจอกน้อย และรู้สึกพอพระทัยอันหลิง หยุน ที่ไม่ใช่คนโง่เขลาแบบจุนฉูฉู

อันหลิงหยุนทูลลาและเดินจากวังเฉาเพิ่งมา

ไห่กงกงตามมาส่งอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนเกิดความอยาก รู้อยากเห็น: “กงกง เมื่อก่อนในวังนี้ยังมีกุ้ยเฟยท่านอื่นอีกหรือ ไม่? ในสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อน”

“มีพ่ะย่ะค่ะ มีกุ้ยเฟยอยู่หลายพระองค์ แต่ว่ากุ้ยเฟยต่างถูก ปลิดชีพตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคตทั้งหมด”

ไห่กงกงรู้ดีว่าอันหลิงหยุนได้ยินอันใดมา จึงไม่คิดที่จะ ปิดบัง

รอบๆมีคนอยู่ ไห่กงกงจึงโบกมือ ทุกคนจึงถอยห่างออกไป อันหลิงหยุนแปลกใจ: “เยอะขนาดนี้เลยหรือ?”

“พระชายาเสียน สิ่งที่ในวังไม่เคยขาดแคลนก็คือผู้หญิง ท่านลองดูฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ถึงแม้แต่เดิมจะมีเพียงฮองเฮา แต่เหล่าบรรดานางกำนัลเองก็รูปร่างหน้าตางดงาม

แต่ก่อน ที่วังหลังของฝ่าบาทก็มีคนอยู่”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ไห่กงกงยิ้ม: “พระชายาเสียน ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรง สวรรคต ยู่กุ้ยเฟยและฉีกุ้ยเฟยก็ทรงมีพระครรภ์อยู่” อันหลิงหยุนหันหลังกลับไปมองกงกง: “มีเรื่องเช่นนี้ด้วย

หรือ?”

ไห่กงกงยิ้ม: “พระชายาเสียน ในวังหลวงแห่งนี้ สิ่งที่พวก เราไม่เคยขาดก็คือเรื่องเล่า”

อันหลิงหยุนไม่พูดอันใด ไห่กงกงส่งอันหลิงหยุนถึงยังวัง เพิ่งหยี แล้วจึงหันหลังเดินจากไป

อันหลิงหยุนหันกลับไปมองไห่กงกงที่เดินจากไป แล้วจึงอด ไม่ได้ที่จะคิด ในวังหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าจริงๆ คนที่จะมีชีวิตอยู่ได้ล้วนดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ฮ่องเต้องค์ก่อนเดิมทีก็มีทายาทไม่ มากนัก แต่เขายังพระราชทานความตายให้แก่กุ้ยเฟยทั้งสอง เหตุผลที่แท้จริงนั้นมิอาจทราบได้ แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่อง เล่าต่อกันมา

อันหลิงหยุนหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันหลังเดียกลับไปยัง วังเพิ่งหยี เมื่อเข้าประตูไปก็พบกับแม่นมซีที่กำลังรออยู่ เมื่อ แม่นมซี่เห็นอันหลิงหยุนก็ถวายความเคารพ

“แม่นมซีไม่ต้องมากพิธี” อันหลิงหยุนเดินเข้าประตูไป โดย มีแม่นมซีเดินตามมาทางด้านหลัง

“ฮ่องเต่เสด็จแล้ว ฮองเฮาทรงเชิญพระชายาเสียนไปร่วม เสวยพระกระยาหารเพคะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องที่ต้องไปร่วมเสวยพระกระยาหารก็ทำให้อัน หลิงหยุนพงะไปชั่วครู่ ในวังแห่งนี้ พระกระยาหารของใคร ล้วนกล้ากินทั้งนั้น เว้นเสียแต่พระกระยาหารของฮองเฮาที่ นางไม่อยากกิน

ถึงแม้ความสามารถในการซ่อมแซมร่างกายของนางจะไม่ เลว แต่ตอนนี้นางเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ ถ้าหากไม่อาจถอนพิษ ให้เด็กในท้องได้แล้วล่ะก็ ก็คงจะเกิดปัญหาขึ้น

อันหลิงหยุนไปพบกับฮ่องเต้ชิงหยู่และเสินหยุนซู ด้วย จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวล

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ” “ลุกขึ้นเถอะ พระชายาเสียนมานั่งนี่สิ วันนี้ฝ่าบาทเสด็จมา

เร็ว ข้าจึงสั่งให้คนทำพระกระยาหารเบาๆ เจ้าก็อยู่เสวยด้วย กันสิ” เสินหยุนชูพูดด้วยท่าที่สงบ ดูเชี่ยวชาญอย่างมาก

อันหลิงหยุนก้มตัวคารวะ: “หม่อมฉันขอบพระทัยฮองเฮาที่ ทรงเมตตา แต่หม่อมฉันนัดเสวยกับอ่องเสียนไว้เรียบร้อย แล้ว จึงไม่กล้าที่จะเสวยไปก่อน ขอฮองเฮาทรงอภัยให้ด้วย เพคะ”

“หากเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ ไม่รบกวนพระชายาเสียนแล้ว” “ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงเข้าพระทัยเพคะ หม่อมฉันทูล

ลา”

“ไปเถอะ”

อันหลิงหยุนให้แม่นมซีคอยอยู่เป็นเพื่อน ออกมาจากพระ ตำหนักเพิ่งหยี และยิ่งไปกว่านั้นออกจากวังเพิ่งหยี ในเมื่อพูด ไปแล้วว่านัดคนไว้ จึงไม่กล้าอยู่รอในวัง ทำได้เพียงรออยู่ นอกวังเพิ่งหยี

น่าสงสารที่นางหิวตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่ากงชิงวี่จะมาเมื่อ

ไหร่

อันหลิงหยุนยืนนิ่งมองไปยังที่ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก รอ มากว่าสองชั่วโมงแล้วกงชิงวี่ก็ยังไม่มา จึงคิดที่จะถอดใจไม่ รอแล้ว

“แม่นมซี พวกเรากลับกันเถอะ ท่านอ๋องคงจะที่ธุระทำให้ ต้องล่าช้า” อันหลิงหยุนกำลังเตรียมตัวที่จะกลับ

ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาอย่างรีบร้อน: “พระชายาเสียนท รงหยุดก่อน”

อันหลิงหยุนจึงหันกลับไปมอง เห็นนางกำนัลคนหนึ่งกำลัง

วิ่งมาด้วยความรีบร้อน เมื่อมาถึงตรงหน้าอันหลิงหยุน ก็รีบ หันไปทำความเคารพแม่นมซี: “คารวะแม่นมซี” แล้วจึงคุกเข่าลงที่พื้น : “อ่องตวนอาการไม่ค่อยดี เชิญพระ

ชายาเสียนรีบไปดูเพคะ” อันหลิงหยุนไม่ได้สนใจอย่างอื่นอีก รีบเดินตรงไปยังวังฮั่ว

หยาง

นางกำนัลลุกขึ้นแล้วเดินตามไป

เมื่อแม่นมซีเห็นอันหลิงหยุนเดินจากไปจึงค่อยกลับ

ระหว่างทาง นางกำนัลบอกกับอันหลิงหยุนว่า อ่องตวนไอ อยู่ตลอดเวลา ดูแล้วอาการไม่ค่อยสู้ดีนัก

เมื่อไปถึงวังชั่วหยาง อันหลิงหยุนก็ไม่ได้สนใจอย่างอื่น รีบ ตรงไปหาอ่องตวน อ่องตวนไออย่างหนัก จุนฉูฉูกำลังนั่งดูเขา อยู่ข้างๆ

“เชิญพระชายาตวนถอยไปก่อน” อันหลิงหยุนเดินไปตรง หน้าอ่องตวน โน้มตัวแล้ววางมือลงบนข้อมือของอ๋องตวน แล้วจึงเริ่มตรวจอัตโนมัติ โดยเริ่มตรวจสภาพร่างกายโดย รวมของอ่องตวนก่อน เมื่อเห็นว่าไม่มีอันใดผิดปกติ จึงได้นำ ยาเม็ดใส่เข้าไปในปากอ่องตวนหนึ่งเม็ด

เมื่ออ่องตวนได้เสวยสมุนไพรก็รู้สึกสบายขึ้น ไม่ไออีก

ขณะที่อ่องตวนกำลังนอนอยู่ อันหลิงหยุนก็หันไปมองจุน ฉฉ: “พวกเจ้าให้อ่องตวนเสวยอันใดใช่หรือไม่?”

จุนฉูฉหน้าแดง: “ไม่ได้เสวยอันใดนี่!”

ตอนนี้เอง ฮั่งไท่เฟยลุกขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง แววตาไม่ ค่อยพอใจนัก: “เจ้าให้อ่องตวนเสวยอันใดกันแน่?”

จุนฉูฉูตกใจ จึงรีบพูดว่า: “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ได้ให้อ่องต วนเสวยอันใดจริงๆเพคะ”

“ไม่ได้เสวย แล้วทำไม่อ่องตวนจึงเป็นเช่นนี้” ฮั่วไท่เฟยมี สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างมาก เดิมทีนางเองก็ไม่ชอบจุนฉูฉู อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งรังเกียจเข้าไปอีก

ขุนฉูฉูรีบคุกเข่าลง: “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ได้ทำจริงๆ”

จุนโฉพูดทั้งน้ำตา บางครั้งอันหลิงหยุนเองก็รู้สึกสงสารจุน ฉูฉเช่นกัน เดิมที่สามารถเป็นพระชายาที่อยู่อย่างสงบได้ แต่ กลับมาทำเรื่องที่รนหาที่ตายเช่นนี้!

อันหลิงหยุนไม่สนใจจุนฉูฉู แต่กลับตรวจดูอาการของอ่อง ตวน อ๋องตวนไอจนหน้าซีดอันหลิงหยุนเห็นว่าเขาเองก็คงจะ เหนื่อย นอนอยู่บนเตียงแบบมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง

ตอนนี้ไม่ว่าอันหลิงหยุนจะขยับเขากระไร เขาก็ไม่ตอบ

สนอง

“อ๋องตวน ข้าขอดูปากของท่านหน่อย”

อันหลิงหยุนง้างปากของอ่องตวนออก แล้วจึงมองเข้าไป ด้านใน

เมื่อวางมือลง อันหลิงหยุนก็หันไปมองจุนฉูฉg: “เมื่อครู่ท่าน ให้อ่องตวนเสวยรังนกใช่หรือไม่?”

“ใช่” จุนฉูฉูเอามือเช็ดน้ำตา นางพยายามระวังแล้ว หรือว่า เสวยรังนกก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

อันหลิงหยุนมองนางกำนัล: “ส่งน้ำมาหน่อย”

นางกำนัลไปยกน้ำเข้ามา อันหลิงหยุนเทน้ำ แล้วนำมาล้าง ปากให้แก่อ่องตวน อ่องตวนไม่รู้สึกไม่สบายมากเท่าไหร่แล้ว อันหลิงหยุนวางถ้วยใบเล็กๆลง แล้วจึงพูดว่า: “ตอนนี้อ่องต วนร่างกายอ่อนแอ มีของบางอย่างที่ไม่สามารถเสวยได้ รังนกจะทำให้ลำคอรู้สึกระคายเคือง หากอ่องตวนนอนลงก็ อาจจะทำให้อ่องตวนสำลักได้ง่ายๆ”

ขุนฉูฉูรู้สึกเสียใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้แต่กินรังนกก็ทำให้เจ็บป่วยได้

ฉั่วไทยแสดงสีหน้าเย็นชาอย่างไม่พอใจ: “แล้วจะทำอัน ใดได้อีก ยังไม่รีบออกไปคุกเข่าอีก เห็นเจ้าแล้วข้ารู้สึก รำคาญใจนักออกไปสิ”

จุนฉูฉูทำได้เพียงลุกขึ้น แล้วเดินออกไปคุกเข่าข้างนอก ในใจนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!

อันหลิงหยุน เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ