ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่61 ช่วยอาหยู่



บทที่61 ช่วยอาหยู่

กงชิงขี่มองไข่มุกและเอ่ย “ความตายมิอาจหลีก เลี้ยงได้ ตามกฎของจวน จะต้องทำลายเส้นเอ็นข้อมือ และข้อเท้าก่อนถึงจะสามารถปล่อยคนไป”

“นั่นมิใช่แปลว่าต้องการชีวิตแล้วหรอกหรือ?” อัน หลิงหยุนโกรธ

ฆ่าคนก็แค่เรื่องศีรษะกระทบดิน แต่การทำลาย เส้นเอ็นข้อมือและข้อเท้าก็มิต่างจากคนพิการ อาหยู่ จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร?

กงซิงวี่ลุกขึ้นไปที่เตียง “เส้นทางนี้เป็นเขาที่เลือก เอง หาใช่ข้ามอบให้แต่อย่างใด มิอาจตำหนิข้าได้”

“แต่อาหยู่ไม่ได้เป็นคนทำ เป็นอาซิว! ”

“ฮี้รู้มากไม่น้อยนี่ หากอาซิวไม่ได้รับการร่วมมือ กับอาหยู่ จะทำได้ไหม?” สีหน้ากงชิงบูดบึ้ง ไม่พอใจ กับความโง่เขลาของอันหลิงหยุน ถูกคนหลอกใช้แต่ ยังไม่รู้สึกตัว ซ้ำยังกล้ามาพูดจาแก้ต่างให้

อันหลิงหยุนไม่ใช่ว่ามองไม่เห็นความไม่พอใจของ กงชิง แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาหยู่ สิ่งที่นางพูดก็ เป็นความจริงเช่นกัน

“ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังเชื่อว่าอาหยู่ไม่มีส่วน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ยิ่งไปกว่า

นั้น ข้าทำร้ายน้องสาวของอาหยู่ ต่อให้เขามาแก้แค้นก็ถือได้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้มีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง หากข้าตายไป ท่านอ๋องก็ย่อมสบายตาสบายใจมากยิ่ง ขึ้น พวกเขาทำเรื่องดีขนาดนี้ ท่านอ๋องสมควรที่จะตก รางวัลถึงจะถูก”

อันหลิงหยุนไม่เพียงแต่ไม่ยอมแพ้ แต่ยังพูดจามี หลักการออกมา”

แต่กงชิงที่ไม่ใช่คนโง่ เขาเอ่ยกลับ “พูดเช่นนี้ เจ้า ยังไม่ตาย ข้าก็ต้องไปลงโทษพวกเขาถึงจะถูก?”

ใบหน้าของกงชิงวี่เย็นชา เป็นอันหลิงหยุนแทนที่ พูดไม่ออก

เถียงไม่ชนะเขา!

กงชิงวีมองที่อันหลิงหยุนอย่างไม่สบอารมณ์ จาก นั้นมองขนสีขาวบนตัวนาง ท่าทางรำคาญอยู่บ้าง “เอา เถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”

พูดจบกงชิงวี่ก็เปิดผ้าห่มและนอนลง อันหลิงหยุน ยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างดื้อรั้น นางไม่ไป และมองดูอยู่เช่น นั้น

กงชิงวี่หรี่ตาและมองดูนาง อันหลิงหยุนยังไม่ยอม แพ้ “ได้โปรดท่านอ่องช่วยให้หม่อมฉันสมปรารถนา อา หยู่ไม่ได้ตั้งใจ การตายของน้องสาวของเขาก็น่า สงสารมากพอแล้ว หากท่านอ่องยังฆ่าเขาอีก ก็ไม่ต่าง จากตัดผู้ญาติไร้ผู้สืบสกุล”

“ฮี! ไร้ผู้สืบสกุลแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“นี่.”

มันไม่ได้เกี่ยวอะไร อันหลิงหยุนพูดไม่ออก

กงชิงวี่เอ่ย “ออกไปเถอะ”

“ท่านอ๋อง ต้องทำอย่างไรท่านถึงปล่อยอาหยู่ไป?” ข้อร้องแล้วไร้ผล อันหลิงหยุนจึงได้แต่ต้องบังคับ

กงชิง ใช้สายตารำคาญมองไปที่อันหลิงหยุน “ดู เหมือนเจ้าจะอยากลองดี?”

“เช่นนั้นท่านอ๋องก็ทุบตีหม่อมฉันสักทีสองที ระบายความโกรธ แล้วปล่อยอาหยู่ไป ไม่งั้นก็ตัดเส้น เอ็นของหม่อมฉัน… อันหลิงหยุนรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่ พูดออกมาอย่างเต็มปากขนาดนั้น กรรมตามสนอง

กงชิงลุกขึ้นและพูด “เอามีดมาเถอะ ข้าจะตัด เส้นเอ็นข้อมือข้อเท้าของเข้า อาหยู่ก็จะเป็นอิสระ”

สีหน้าของอันหลิงหยุนเปลี่ยนไป ช่างไร้ มนุษยธรรมเสียจริง

เมื่อเห็นความลังเลของนาง กงชิงวี่จึงเริ่มเล่นแหย่ เล่น “ยังไม่เอามีดมาให้ข้าอีก?”

อันหลิงหยุนกัดฟัน นางตัดใจ หยิบมีดออกมาและ โยนมันไปที่กงชิงวี่ จากนั้นจึงเดินไปนั่งที่เตียง และยก ข้อมือขึ้น “เริ่มจากเท้าก่อนเถอะได้โปรดท่านอ๋อง รักษาคำพูดด้วย”

อันหลิงหยุนยอมเสี่ยง ตัดเอ็นทิ้งก็แค่เจ็บปวดสักหน่อยยังดีกว่าการตาย

กงชิงขี่มองไปที่มีดบนเตียงนอน และมองไปยังข้อ เท้าของอันหลิงหยุน เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าผิวของผู้ หญิงนั้นจะละเอียดบอบบางราวกับหยกโปร่งใสขนาด นี้

มือของกงชิงวี่แตะที่ข้อเท้าของอันหลิงหยุน อัน หลิงหยุนชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นไปมองนาง อันหลิงหยุนหันหน้าหนี

นางสัมผัสมีดผ่าตัดมามากมาย เรื่องฆ่าคนเลือด อาบก็ทำมาไม่น้อย นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือคู่นี้ของนาง เปื้อนเลือดมามากแค่ไหน นางไม่กลัวกระสุน แต่วันนี้ จู่ๆ นางก็กลัวความเจ็บปวดจากการโดนตัดเส้นเอ็น และไม่สามารถเดินได้อีกต่อไปขึ้นมา

ถึงแม้จะมีระบบของยาในร่างกาย แต่ก็ยังไม่ สามารถรับประกันได้ว่ามันจะใช้ได้ในเวลานี้ ถ้าหาก เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ นางคงกลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง เท่านั้น

การมีชีวิตอยู่ในที่ที่กินคนไม่คายกระดูกแบบนี้ คน พิการผู้หนึ่ง จุดจบจะเป็นอย่างไรนางไม่กล้าแม้แต่จะ คิด

สิงสาราสัตว์ทั้งหลายยังจะไม่เคี้ยวนางเป็นชิ้นๆ

ได้หรือ

“เจ้ารู้จักกลัวเหมือนกันหรือ?” กงชิงวีลีกถึงภาพก่อนหน้านี้ นิ้วมือค่อยๆจับที่ข้อเท้าของอันหลิงหยุน และลูบเบาๆ

ราวกับมีกระแสไฟฟ้ามากมายถูกส่งผ่าน อย่างน่า พิศวง

เขาเปลี่ยนมือ กงชิงวี่ยังคงลูบไล้ต่อไป อันหลิง หยุนหลับตาลงแน่น “รีบลงมือเถอะ”

“ข้าไม่รีบ แล้วเจ้ารีบทำไมกัน?” พูดจบกงชิงวี่ก็ คลายมือออกและเบือนหน้าหนี เขาเอ่ย “ลงไปเถอะ อย่ามาทำให้เตียงของข้าสกปรก ช่วงนี้ข้าไม่ชมชอบ เลือด มือและขาสองคู่นี้ของเจ้าจงเก็บเอาไว้ให้ข้าก่อน รอจนกระทั่งข้าอารมณ์ดี ค่อยตัดสินใจอีกครั้ง”

อันหลิงหยุนตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อนางหันไป มอง กงชิงวี่ก็นอนลงไปแล้วเรียบร้อย มีดก็ยังถูก โยนออกไป เกิดเป็นเสียงกระทบยังขอบประตู และส่ง ผลให้ประตูสั่นไหวเบาๆ

อันหลิงหยุนลงจากเตียงและมองไปที่กงชิงวี่ ท่าทางแปลกใจ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในวังเขายังด่านาง อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงใจดีขึ้นมา

ไม่ว่าจะอย่างไร อาหยู่ก็สามารถออกมาได้แล้ว

“ขอบคุณท่านอ๋องที่สนับสนุน”

อันหลิงหยุนเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหันไปที่ประตู และดึงมีดที่กรอบประตูออก มันฝังลึกเกินกว่าที่จะดึง มันออกมา
อันหลิงหยุนพยายามอยู่สักพัน หากไม่ใช่เพราะว่า ร่างนี้นั้นไร้ประโยชน์จนเกินไป นางจะดึงมันไม่ออกได้ อย่างไร

ท่านแม่ทัพอย่างบิดาของนางมีรากฐานแข็งแกร่ง

แต่ตัวนางกลับใช้งานไม่ได้สักนิด ร่างนี้ถูกทำลายลง อย่างย่อยยับโดยย้ำมือของเจ้าของเดิม จากนี้ไปหาก คิดจะทำงานใหญ่เห็นทีคงต้องลงแรงลงใจอีกไม่น้อย นางใช้แรงเขย่ามัน และต้องใช้ความพยายาม

อย่างมากในการดึงมันออกจากวงกบประตู

หลังจากเช็ดเหงื่อ อันหลิงหยุนก็ปิดประตูลงและ จากไป

อันหลิงหยุนที่เพิ่งจะออกมาเพิ่งจะเก็บมีดลง ก็ มองเห็นพ่อบ้านที่เข้ามารอรับ แต่พ่อบ้านนั้นไม่กล้า เอ่ยพูดจาและพาอันหลิงหยุนเดินไปจนประตูของลาน โอวหลานถึงค่อยกล้าพูดขึ้นมา “พระชายา ท่านอ๋องว่า อย่างไรบ้าง?”

“เขาบอกว่าปล่อยคนไปได้ ท่านพาข้าไปดูอาหยู่ หน่อย”

“ขอรับ”

พ่อบ้านก็ถูกทำให้ตกใจเป็นด้วยเช่นกัน แต่เดิมไม่ ได้คาดหวังว่าอันหลิงหยุนจะทำสำเร็จ

“ไปเถอะ อยู่ที่สวนหลังบ้านหรือ?” อันหลิงหยุน เห็นพ่อบ้านไม่ขยับ นางจึงไปที่สวนหลังบ้านด้วยตัวเอง นางรู้ดี หากมีใครในจวนทำผิด ล้วนต้องถูกพาตัว ไปกักขังที่สวนหลังบ้าน

พ่อบ้านรีบตามอันหลิงหยุนไปที่สวนหลังบ้าน เขา พาอันหลิงหยุนไปยังสถานที่หนึ่งที่ซ่อนอยู่ภายในสวน จากนั้นจึงเปิดประตูห้องออก มีคนจากด้านในเดินออก มา เป็นผู้คุมประตูสองนาย

“พ่อบ้าน”

ผู้คุมประตูพูดกับพ่อบ้าน อันหลิงหยุนรู้สึกไร้คำ พูดขึ้นมา จะดีจะร้ายอย่างไรนางก็ถือเป็นพระชายา แต่ทหารรักษาประตูของจวนกลับไม่รู้จักนางเสียด้วย ซ้ำ

“นี่คือพระชายา มาที่นี่เพื่อดูอายุตามคำสั่งของ ท่านอ๋อง ท่านอ่องอภัยโทษให้อาหยู่แล้ว”

เมื่อพ่อบ้านพูดเช่นนี้ ผู้คุมทั้งสองถึงค่อยมองไปที่ อันหลิงหยุน ในจวนมีข่าวลือมาเนิ่นนานว่าท่านอ๋องไม่ ชมชอบพระชายา ถึงขนาดที่คิดจะประหารเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่พระชายาโชคดีที่รอดชีวิตมาได้

ผู้คุมไม่ได้ให้ความสนใจกับอันหลิงหยุนมากนัก แต่ในเมื่อพ่อบ้านมาพร้อมกับพระชายา พวกเขาจึง

ทำการเคารพ

“ข้าน้อยถวายบังคมพระชายา”

“ข้ามาดูอาหยู่ และพาเขาออกไป”

“พระชายา มีราชโองการของท่านอ๋องหรือป้ายคำสั่งหรือไม่

ผู้คุมไม่ยอมปล่อยไป อันหลิงหยุนมองไปที่พ่อ บ้านอย่างไร้ความอดทน พ่อบ้านรีบเอ่ยอธิบายทันที “พระชายาอยู่ที่นี่ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นย่อมเป็นพระ ชายาที่เอ่ยรับผิดชอบกับท่านอ๋อง”

อันหลิงหยุนหัวเราะเหอะเหอะ เอ่ยรับผิดชอบ?

นางรับผิดชอบ?

พ่อบ้านช่างใจดีเสียจริง

“พ่อบ้านพูดไม่ผิด ข้าจะรับผิดชอบเอง” อันหลิง หยุนเป็นหมูที่ตายแล้วไม่กลัวน้ำเดือดอีกต่อไป นางกับ กงชิงที่ไม่ได้เพิ่งจะอยู่ด้วยกันมาวันสองวันสักหน่อย

ขาดๆ เกินๆ ไปสักเรื่องสองเรื่องไม่ใช่เรื่องสำคัญ

อะไร

ผู้คุมกำลังคิด ดูเหมือนวันตายของพระชายาจะอยู่ ไม่ไกลแล้ว

“เชิญพระชายา”

ผู้คุมเปิดทางให้อันหลิงหยุนเข้าไปข้างใน ภายในมืดสนิท รอบด้านไม่มีหน้าต่างด้าน ต้องถือ ตะเกียงเมื่อเดินเข้าไป

ผู้คุมมอบโคมไฟให้กับอันหลิงหยุน อันหลิงหยุน ยกชายกระโปรงขึ้นและเดินเข้าไปเพื่อหาคน เมื่อเดิน เข้าไปได้ไม่ไกลนักก็เห็นคนสองคนที่ถูกแขวนอยู่บนผนัง

หนึ่งในนั้นคืออาหยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งอันหลิงหยุน ไม่รู้จัก นางนึกไปถึงชายที่ขับรถม้าเมื่อวันที่เข้าไปใน วัง สมควรเป็นคนผู้นั้น

อาซิว?

อันหลิงหยุน คิดถึงคนผู้นี้คนมา

อันหลิงหยุนมองไปที่อาซิวสักพัก ก่อนจะเดินไป

หาอาหยู่

บนตัวของอาหยู่ได้รับบาดเจ็บ เขาถูกทุบตี แผล แล้วแผลเล่า บวกกับถูกปล่อยให้หิวโหย ต่อให้ร่างกาย ดีแค่ไหนก็รับไม่ไหว

อันหลิงหยุนหยิบยาเม็ดหนึ่งและบีบปากของอาห ยู่ออก นางใส่ยาเข้าไปในปากอาหยู่ จากนั้นอาหยู่จึง ค่อยๆ ลืมตาขึ้นและมองคนตรงหน้าด้วยความมึนงง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ