ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 179 ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง



บทที่ 179 ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง

เมื่อหยุนโล่ชวนฟื้นขึ้นมา เห็นอ่องตวนก็เลยรู้สึกแปลกใจ

ดื่มเหล้าเมาแล้วฝันไปหรือ

นั่งสักพัก หยุนโล่ชวนพูดขึ้นว่า “ข้าดื่มเยอะไป จนฝันเห็นท่านหรือ”

อ่องตวนดูโกรธจนเห็นได้ชัด แล้วพูดขึ้นว่า “ใช่หรือ” บรรยากาศดูเยือกเย็น หยุนโล่ชวนจึงหยิกไปที่มีอของตัวเอง ก็รู้สึก

เจ็บนี่ ไม่กล้าแล้ว

“อยู่ดี ๆ ออกไปดื่มเหล้าทำไมกัน เจ้าคือพระชายารองนะ ลืมสถานะ ของตัวเองไปแล้วหรือ”

หยุนโล่ชวนอยากจะเถียงกลับไป แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะ จึง ทำได้แค่ก้มหน้า

อ่องตวนโมโหขึ้นมา ก็อยากจะด่า แต่เมื่อเห็นหยุนโล่ชวนก้มหน้า

คอตกเหมือนกับปลาตาย เลยด่าไม่ออก

ทั้งสองคนอยู่แบบนั้นกันพักหนึ่ง จากนั้นหยุนโล่ชวนก็ลุกขึ้น เตรียม ตัวทำความเคารพ “ท่าน”

อ๋องตวนขึ้นตรงพร้อมด้วยมือทั้งคู่ไขว้หลังไว้ “อึม”

“เลิกกับข้าเถอะ”

อ๋องตวนถึงกับตะลึง หยุนโล่ชวนเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ “ท่านไม่ได้ ชอบข้า ไม่รับข้ากลับไปยังให้ข้าอยู่ที่จวนอ่องเสียนอีก ข้าเองก็ไม่ สามารถกลับไปขอเงินที่ตำหนักกั๋วกงได้ และเงินของข้าที่จวนวนนั้น ซึ่งก็ไม่มีใครส่งมาให้ข้า ตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีเงินแล้ว หากอยู่ที่ จวนอ่องเสียนต่อไปที่นี่คงไม่เหลืออันใดแน่ ถึงมันจะไม่ใช่วิธีที่ดีก็

เถอะ”

อ่องตวนคิดว่า หากจะเลิกกับนางไป เขาเองก็ไม่ต้องปล่อยให้นาง โดดเดี่ยวอยู่แบบนี้

แต่ก็ไม่คิดว่า แบบนี้มันจะเป็นเหตุผลที่ดีพอ เวลาเพียงชั่วครู่ ไม่ทราบว่าจะตอบกลับกระไร

“พระชายาสุขภาพเพิ่งจะดีขึ้น ข้าเองอยากจะให้นางมารับเจ้า” อ๋อง ตวนพูดออกไปด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของนาง ที่จริงแล้วไม่เคย พูดถึงเรื่องที่จะรับนางกลับไปเลย

หยุนโล่ชวนเองก็ไม่ใช่คนโง่ ครุ่นคิดอยู่สักพัก “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นข้าจะรอ”

อ่องตวนมองหยุนโล่ชวนกระไร้หนทางที่ช่วย และมีความรู้สึกทนไม่ ได้ จากนั้นเลยพูดขึ้นว่า “เมื่อข้ากลับไปแล้ว จะมาเจ้าตัวเจ้ากลับไปให้ เร็วที่สุด”

” หยุนโล่ชวนไม่ตอบ

ได้แค่มองดูบรรยากาศในบริเวณ “ท่านอ่อง ถ้าไม่มีเรื่องอันใด ก็ เชิญกลับเถอะ”

“ข้ายังต้องเสวยข้าวที่นี่อีก”

“หรือ”

หยุนโล่ชวนก็เพิ่งคิดได้ จะอยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเขาเป็น อ่อง ไปเยี่ยมเยือนจวนอื่น เพื่อพูดคุยและเสวยข้าวนั้นก็เป็นเรื่องที่ควร อยู่แล้ว

อันหลิงหยุนบอกให้คนไปเชิญอ่องตวน หยุนโล่ชวนเองไม่อยากจะ ไป เพราะดื่มพอและเสวยไปเยอะมากแล้ว ไม่อยากจะขยับแล้ว แต่อันหลิงหยุนอยากจะให้นางมาเป็นเพื่อน จึงได้ไปที่ห้องพระ กระยาหาร

เมื่อเห็นอ่องจงซิน หยุนโล่ชวนเองก็เตรียมทำความเคารพ “อ่องจง ซินเป็นกระไรบ้างคะ”

ฮ่องกงชินเองก็รู้สึกแปลกใจ “เจ้าคือโล่ชวนหรือ” “ใช่ค่ะ”

“เมื่อก่อนเจ้าคอยตามซื้อข้ามาก เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้กระไรกัน”อ่องจง ชินยังไม่ทราบว่า หยุนโล่ชวนแต่งกับอ่องตวนแล้ว และตอนนี้ก็เป็น พระชายารอง

“นางคือพระชายารองของข้า”อ๋องตวนพูดขึ้นทันใด

ฮ่องกงชินรู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัดเจน จ้องไปที่หยุนโล่ชวนแล้ว ถามขึ้นว่า “เป็นไปได้กระไร”

หยุนโล่ชวนเองก็รู้สึกอึดอัด กัดที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ

อ่องจงซินดูมีสีหน้าที่ไม่ทราบเรื่อง ก่อนหน้านี้ที่อยู่ร้านเหล้านั้นดูไม่ ออก แต่ตอนนี้ดูออกแล้วกลับยิ่งต้องตกใจ

ฮ่องกงชินพูดออกมาว่า “แต่เมื่อครู่เจ้ายัง”

“อ๋องจงชินเชิญ”กงชิงวี่เชิญอ๋องจงชินไปนั่ง อ๋องตวนเองก็รู้สึกไม่ ค่อยสบายใจเท่าไร โดยเฉพาะที่อ่องจงชินนั้นนั่งอยู่ข้าง ๆ กับหยุนโล่ ชวน

“โล่ชวน ที่ตำหนักกั๋วกงเป็นกระไรบ้าง”เมื่ออ๋องจงชินนั่งลงแล้วก็ได้ ถามขึ้น

หยุนโล่ชวนพยักหน้า “ก็ดีค่ะ อ๋องจงซินนานแล้วนะที่ไม่ได้ไปท่านปู่

ชอบพูดถึงอยู่บ่อย ๆ”

“ใช่หรือ”อ๋องจงซินเองดูมีท่าทีที่ผิดหวัง ที่เห็นแววตาของหยุนโล่ ชวนนั้นดูเศร้า ๆ

ทุกอย่างนั้นอันหลังหยุนต่างก็ได้เห็นหมด อ่องตวนเองก็เห็นเหมือน

กัน

เมื่อหลังจากที่เสวยข้าวเสร็จหวังว่าจะได้ส่งอ่องจงชินและอ่องตวน

กลับ แต่คาดไม่ถึงว่าอ่องจงซินไม่อยากจะกลับ อ่องตวนเองก็ไม่กลับ

อันหลิงหยุนเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น หยุนโล่ชวนส่งอ่องจงซินที่ด้านหน้า แต่อ่องจงชินที่กำลังคุยกับหยุ นโล่ชวนที่ในลานนั้น ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะกลับ

แล้วก็ไม่ทราบว่ากำลังพูดถึงอันใดกัน แต่คิดว่าทั้งสองคนนั้นดูสนิท สนมกัน

อ่องตวนยืนอยู่ข้าง ๆ กับกงชิงแล้วมอง เกรงว่าจะโกรธจนเสียหัว สีหน้าดูบึงตึงแล้วมองจ้องทั้งสองคนนั้น

อันหลิงหยุนเองก็สัมผัสได้ว่าอ่องตวนนั้นกำลังจดจ้องที่หยุนโล่ชวน เพราะว่าเป็นห่วง จึงรู้สึกโกรธ

แต่ว่าเขาเองนั้นกลับซอบจุนฉูฉูเป็นอย่างมาก แล้วทำไมต้องโกรธข

นาดนี้ด้วย

อันหลิงหยุนเองบางครั้งก็ไม่ค่อยจะเข้าใจผู้ชาย ถ้าได้แต่งแล้วจะ ชอบหรือไม่

“พรุ่งนี้ข้าอยากไปเยี่ยมท่านกั๋วกงคนก่อนหน่อย เจ้าจะกลับไปหรือ ไม่”อ่องจงชินถาม

หยุนโล่ชวนสีหน้าเริ่มแดง ก้มหน้าลง นางนั้นคงไม่กล้าที่จะกลับไป หรือก

แต่ว่าอ่องตวนมองออกว่า นั้นมันเป็นการที่นางรู้สึกอาย จากนั้นอ๋องก็เดินไปหาหยุนโล่ชวนกับอ๋องจงชิน เห็นได้ชัดว่ากำลัง โกรธจัด

หากไม่แต่งเป็นพระชายารองของเขา หากถ้าเมื่อก่อนอ่องจงชินอยู่ ที่จวน สงสัยพวกเขาทั้งสองคนคงจะได้แต่งงานกันแล้ว

อันหลิงหยุนจึงมองกงซิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างแปลก ๆ “ท่านอ่อง ท่านคิดว่ามันเกิดอันใดขึ้นหรือ”

กงชิงวี่เองก็อารมณ์ไม่ดี เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

พอถึงวันนี้เขาเริ่มปีกแข็งแล้ว น่าสียงเลยดูดหน่อย “อ๋องจงชินคือ ลูกชายของท่านอาห้า เขาเป็นลูกลำดับที่สาม เป็นคนฉลาดตั้งแต่เด็ก พออายุเจ็ดแปดปีก็เป็นวรยุทธแล้ว ท่านอาห้าอยากจะได้ลูกชายที่พอโตมาแล้วเป็นทหารได้ ก็เลยส่ง เขาไปที่ตำหนักอ่องจงชินอยู่ที่ตำหนักกั่วกงนั้นเป็นที่ชื่นชอบ ของท่านวันทั้งวันก็จะให้เขานั้นติดตามตลอด

เมื่อสามปีก่อนอ่องจงซินได้ออกไปท่องยุทธภพ และก่อนที่จะออก ไปนั้นมีข่าวว่า ก่อนที่ฮ่องกงชินจะแต่งงานนั้นต้องการที่จะทราบจัก โลกให้กว้างขึ้น สำหรับสาวที่จะแต่งด้วยแล้วนั้น ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้ โด

บางคนบอกว่าเป็นคุณหนูแห่งตำหนักและบางคนก็บอกว่าเป็น จวิ้นจู่ แต่ก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบใด ๆ

และตอนนี้จะดูเหมือนว่า เขานั้นกำลังรอคนคนนั้นอยู่

อันหลิงหยุนคิดว่าการวิเคราะห์ในครั้งนี้ดูมีเหตุผล แต่ก็ยังรู้สึก แปลกใจ จึงมองไปที่กงชิงถามขึ้นว่า”หรือว่า ก่อนที่อ่องจงชินจะ ได้จากไปนั้นชอบพระชายารองหยุน แต่ว่าในตอนนั้นพระชายารองหยุ นเองก็ยังเป็นเด็กอยู่ ดังนั้นเขาเลยอยากจะใช้ช่วงเวลานี้ในการออก ไปท่องโลกกว้าง พอกลับมาก็มาทำหน้าที่ของอ่องชิน แล้วจากนั้นก็ แต่งงานกับพระชายารองหยุน

กงชิง”ใช่มั้ง”

“ท่านอ๋อง เป็นเพราะท่านอารมณ์ไม่ดีหรือก ถึงได้มองใครแล้วไม่สบ อารมณ์ แต่ว่าเรื่องนี้ ท่านก็ไม่ค่อยชอบอ่องจงชินแล้วใช่หรือไม่”

เป็นคนดีจริง ๆ อันหลิงหยุนเองยังคิดว่าเขานั้นดูอบอุ่น เหมือนกับหยกบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้แกะสลักกระไรยังงั้น

เมื่อได้ยินว่าเป็นศิษย์ของตำหนักกั่วกง อันหลิงหยุนเลยรู้สึกว่ามันดู ไม่ปกติ

คนของตำหนักกั๋วกง แต่ละคนดูบึกบึนทั้งนั้น อีกอย่างเขาเองก็โต

จากที่นั่น ความอ่อนโยนคงมีน้อยมาก

นี่ก็เป็นเรื่องแปลกนะ

หรือไม่ว่า สามปีที่ผ่านมานั้นเขาต้องได้พบกับอันใดเป็นแน่ ถึงได้ เป็นอย่างนี้ โดยนิสัยเดิมนั้นเป็นคนดี

หรือไม่ว่าอาจจะเป็นเพราะเขานั้นเป็นคนที่เก็บซ่อนความรู้สึกเก่ง ซึ่งเรื่องที่ผ่านมาถึงได้ดูเหมือนกับการสมมุติ

ถ้าหากเป็นเหมือนอย่างแรกจะดีหน่อย แต่ถ้าเป็นอย่างหลังล่ะก็ มัน

ยิ่งน่ากลัว

สีหน้าของกงชิงวี่ดูเหนื่อย ๆ เขาเองก็ไม่อยากจะพูดแล้ว

อันหลิงหยุนเองก็เลยไม่พูดต่อ จากนั้นเลยมองออกไปนอกประตู อ่องตวนเดินเข้าไปข้าง ๆ ของหยุนโล่ชวน จากนั้นก็มองที่อ่องจงซิน และพูดขึ้นว่า “คุยอันใดกันอยู่หรือ กล้วข้าได้ยินหรือกระไร”

“ไม่มีอันใดหรือก พรุ่งนี้ข้าจะกลับตำหนักกั๋วกง เลยถามพระชายา รองหยุนว่าจะไปด้วยหรือไม่” อ่องจงชินตอบกลับในทันใด

อ่องตวนเห็นหยุนโล่ชวนดูมีที่ท่าที่กำลังลังเลอยู่ และทราบอยู่แล้ว ว่า นางนั้นคงไม่กล้ากลับไป

“พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปพอดี ชวนเอ่อคงจะไปกลับไปกับข้า” อ่องตวน อนุญาตแล้ว หยุนโลชวนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เงยหน้าขึ้นไป เห็นแววตาของอ่องตวนที่ดูอบอุ่นที่กำลังจ้องมาที่นาง

หยุนโล่ชวนเริ่มจะไม่เข้าใจแล้วว่า เขากำลังจะทำอันใด

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว งั้นข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้ค่อย เจอกันที่ตำหนักกั๋วกง” จากนั้นอ่องจงชินก็ได้กลับไป หยุนโล่ชวนเดิน มาส่งที่หน้าประตู พอเห็นว่าเขากลับแล้วจึงหันกลับเข้ามา

สีหน้าของอ่องตวนทันใดก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นหยุนโล่ชวนก็เลยพูด ขึ้นว่า “อ๋องจงซินถูกใจเจ้าหรือ”

“เขาก็เหมือนกับเป็นพี่น้องของข้า ครั้นที่อยู่ตำหนักกั๋วกงนั้นฝีมือ

ของเขาก็ไม่เลว พวกเราร่วมฝึกสู้กันอยู่บ่อยครั้ง แต่ต่อมาเขามักจะ ซอบหยอกล้อข้าเล่น แถมยังเคยพูดว่า จะมาแต่งข้าด้วย” หยุนโล่ชวนเองก็ไม่ได้ว่าจะปิดบังแต่อย่างใด นางเป็นคนพูดจา ขวานผ่าซาก เลยไม่ค่อยได้คิดอันใดให้รอบคอบ

แต่ที่นางพูดนั้น กลับไปกระทบจิตใจของอ่องตวน

อ่องตวนทันใดสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีต่า เพราะรู้สึกโกรธ “ตอนนี้ เจ้า เป็นพระชายารองของข้าแล้ว หยุดพูดจาไร้สาระแบบนี้ได้แล้ว” หยุนโล่ชวนเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับอาการโกรธของอ๋องตวนตั้งแต่แรก

อยู่แล้ว นางมองที่อ่องตวน”พรุ่งนี้ท่านอ่องไม่ต้องกลับไปตำหนักกั๋วก งกับข้าหรือก รถม้าจะไปที่นั่น เดี๋ยวข้าจะไปก่อนเอง” “รถม้าของข้า เจ้านั่งไม่ได้แล้วหรือ” อ่องตวนโกรธจัด

หยุนโล่ชวนเลยปล่อยเลยตามเลย แทบจะไม่สนใจ

อันหลิงหยุนนั้นคิดว่าอ่องตวนกับกงซึงวี่นั้นมีนิสัยที่เหมือน ๆ กัน แค่ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

อันหลิงหยุนเมื่อเห็นทุกคนกลับไปแล้ว จากนั้นก็กลับไปยังห้องตัว เอง พอเข้าประตูไปก็รอให้กงชิงวี่เรียกนาง แต่พอเข้าไปแล้ว กงซิงวี่ กลับไม่พูดอันใด ได้แต่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น

พออันหลิงหยุนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมา กงชิงวี่ก็ยังคงนั่งอยู่บน เตียง

หากเป็นปกติล่ะก็ เมื่อนางอาบน้ำเสร็จคงจะเข้ามาหาแล้ว แต่วันนี้

กลับดูแปลกไป

อันหลิงหยุนเปิดผ้าคลุมออกให้กว้าง ๆ แล้วนั่งลง จากนั้นกงชิงวี่เลย ถามขึ้น “รักษาได้หรือไม่

” “อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ควรจะตอบหรือไม่ตอบดี ถ้า หากตอบไปก็เป็นการยอมรับว่า ฮ่องเต้ชิงหยูนั้นอยู่ได้ไม่นานแล้ว หาก ไม่ตอบ ก็พอจะยังมีวิธีอื่น

ที่เขาถามนั้น มันเป็นลองเชิงหรือกระไร

แต่สุดท้ายแล้วกงชิงวี่ก็อดไม่ได้ เมื่อเห็นอันหลิงหยุนไม่ตอบสักที กงชิงวีจึงได้ยอมรับ “วันนี้ข้าไม่ได้เข้าวังหรือก เพราะประตูวังปิดไว้ เขาไม่อยากเจอกับ ข้า” กงชิงวี่เองก็หมดหนทาง รอตั้งสองชั่วโมง อีกอย่างฮองเฮาอารมณ์ ไม่ดี ฝ่าบาทเลยไปคอยปลอบใจนาง เลยไม่มีเวลามาพบข้า

ข้ออ้างแบบนี้ เขาจะเชื่อหรือไม่

อันหลิงหยุนถอนหายใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปปลดผ้าให้กับกงชิง “อาบน้ำนอนเถอะ หม่อมฉันคิดว่า จะพูดหรือไม่พูดก็เหมือนกัน” อัน หลังหยุนเองก็ดูงุนงง

กงชิงวี่เงยหน้ามองที่อันหลิงหยุน มือทั้งสองข้างจับตัวของอันหลิง หยุนไว้ แล้วก็ขยับเข้าไปนิดชิบ เพื่อสูดดมเอากลิ่นหอม ๆ จากตัวของ นาง “ข้านี่ ช่างไร้ความสามารถเสียจริง”

“ไม่ใช่ท่านอ่องไร้ความสามารถหรือกค่ะ ท่านอ๋องแค่ใจร้อนไป หน่อย หากต้องการที่จะพบฝ่าบาท กระไรก็ได้พบ แต่แค่ตอนนี้ท่าน อ๋องอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง ซึ่งพบฝ่าบาทไม่ได้นั่นมันก็เป็นเรื่อง ปกติค่ะ”

อันหลิงหยุนถอดเสื้อผ้าให้กงชิง จากนั้นกงชิง วี่จับที่ข้อมือของนาง ไว้ แล้วยกขึ้นมาดูอย่างละเอียด ๆ “นี่ทำไปเพื่อข้าหรือว่าทำไปเพื่อฝ่า บาท”

“ช่วยทั้งคู่” อันหลิงหยุนเองก็ไม่อยากที่จะปิดบังกงชิงวี่ นางเองก็เป็น

ห่วงกงชิงมาก แต่ก็สงสารฮ่องเต้ชิงหยู่อยู่ไม่น้อย เขาเป็นถึงราชาที่สูงส่ง แต่กลับต้องโดนคนอื่นมาลอบทำร้ายเอา เสียง่ายๆ

ถ้าหากเขาอายุถึงร้อยปี อันหลิงหยุนเองคงจะไม่รู้สึกไม่ดีอย่างนี้ ครั้นที่แรกเมื่อทราบว่าเขานั้นมีเหตุที่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร อัน หลิงหยุนก็แทบจะรับไม่ได้

เขานั้นไม่เคยทำเรื่องที่ไม่ดีใด ๆ มา ในตอนที่ครองราชย์อยู่นั้นก็ เป็นพระราชาที่ดี แต่ว่าต้องพบกับชะตากรรมที่ต้องจากไปก่อนวัย ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ กงชิงวีกอดอันหลิงหยุนเอาไว้” ตั้งแต่เด็ก ข้าเป็นคนขี้เกียจ พอโต มาจึงติดเป็นนิสัย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาข้านั้นก็ไม่ชอบที่จะอ่านหนังสือ หรือฝึกเขียนตัวอักษรเลย ถึงแม้นว่าเสด็จแม่บังคับกระไรก็ไม่ยอมทำ ตาม

และตัวอักษรที่นางสอนให้ข้าทราบเป็นตัวแรกนั้น คือคำว่า ฟ้า

ข้าถามนางว่าอันใดคือฟ้า นางบอกว่า ก็คือผืนแผ่นดินที่มีไว้สำหรับ เราได้เดินกระไร และยังพูดอีกว่า ถ้าเป็นทั้งบู๊้และบันก็สามารถทำให้ เรามีความมั่นคงได้ทั้งชีวิต

ในตอนนั้นข้าเองยังเด็กอยู่มากเลยไม่เข้าใจ และในทุกๆ วันนางจะ อุ้มข้าไปยังตำหนักของนาง เพื่อสอนให้ข้าทราบจักตัวอักษร หากเมื่อนางกลับมาจากสนามรบ เรื่องแรกที่จะทำ ก็คือมาหาข้า

ไม่ว่าใคร จะกล่าวว่านางกระไร ข้าเองก็เชื่อว่า นางนั้นใส่ใจต่อข้า

เป็นอย่างมาก” กงชิงวี่เปิดใจพูดกับอันหลิงหยุน จากนั้นก็ปลดสายรัดตัวของอัน หลังหยุนออก แล้วก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้านั้นออกด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ