ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 222 พาตัวเด็กออกมา



บทที่ 222 พาตัวเด็กออกมา

กงชิงชวนเย่หมุนกายเดินไปฝนหมึกอีกด้าน

หยุนจิ่นเดินไปดู หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนกลอนบทหนึ่ง เป็นเพียงหญ้าไร้รากปลายฟากฟ้า ไยจักกล้าเอ่ยความนัยฤทัย ท่าน จันทร์กระจ่างไร้วาจาหวนคำนึง ความคิดถึงเวียนสลับกลับวก วน!

กงชิงชวนเย่มองดูนิ่งๆอยู่ครู่ใหญ่ จึงนำพู่กันขึ้นมาเขียนเติมเข้าไป หนึ่งประโยค : ลิขิตฟ้าชะตาสวรรค์

หยุนจิ่นตกตะลึงไปชั่วขณะ หันไปมองกงชิงชวนเย่

“ ท่านชายสองอย่าได้เสื่อมเสียชื่อเสียงเพื่อหยุนจีนเลยเจ้าค่ะ” นลิ่นค้อมกายพัลวัน

หยุ

กงชิงซวนเย่เอื้อมมือไปดึงมือของหยุนจีน นางรีบชักมือกลับ พลาง เดินถอยไปข้างหลัง

กงชิงซวนเย่ยิ้มอย่างอ่อนโยน: “สันนิษฐานว่าเจ้าคงไม่รู้ว่าที่นี่คือ ที่ไหน นี่คือจวนอ๋องเจ็ด ข้าเป็นบุตรชายคนรองของฮ่องเจ็ด มีนามว่า กงชิงชวนเย่ ข้าเป็นบุตรชายของพี่น้ององค์จักรพรรดิ

แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพี่ใหญ่ของข้า เกิดเรื่องขึ้นที่ต้าจงเจิ้งย่วน เพราะเหตุการณ์นี้ ทำให้อ๋องเสียนก็พลอยถูกวางยาไปด้วย เป็นตาย ไม่อาจรู้

จวนอ๋องเจ็ดของข้าถูกลากเข้าไปมีส่วนพัวพัน เจ้าเห็นข้าวันนี้อาจ เป็นเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าวันใดไม่มีฐานะบรรดาศักดิ์นี้แล้ว ไม่ถูกเนรเทศก็ คงเป็นตัดหัว

หากเจ้าไม่เต็มใจตั้งอยู่ข้าจะไม่บังคับ แต่หากเจ้าตั้งอยู่ที่นี่ เมื่อข้า รอดพ้นจากช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ข้าก็ยังเป็นบุตรชายคนรองของ จวนอ๋องเจ็ด เชื่อว่าข้าอาจจะได้สืบทอดบรรดาศักดิ์นี้ต่อไป ข้ายินดีที่จะมอบยศพระชายาให้แก่เจ้า แล้วเจ้าล่ะ ยินดีที่จะอยู่ เคียงข้างผ่านเรื่องทั้งหมดนี้ไปด้วยกันกับข้าหรือไม่? ”

หยุนจิ่นครุ่นคิดอยู่นาน: “หยุนจิ่นไม่คู่ควรกับยศพระชายา แต่หยุน จิ่นเต็มใจที่จะอยู่ต่อ ขอเพียงท่านชายสองให้งานทําก็พอเจ้าค่ะ”

“เจ้ายินยอมอยู่ต่อก็ดีแล้ว”

กงชิงชวนเยี่ยื่นมือออกไปดึงมือของหยุ่นจิ่น นางรู้สึกประหม่าเล็ก น้อย เขาจึงปล่อยมือ: “เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อน หากไม่มีงาน อันใด ก็คุยเล่นเป็นเพื่อนข้า มีคนรับใช้อยู่ที่ลานบ้านถ้าหากอันใดเจ้าก็ เรียกใช้พวกนาง หากเจ้าอยากไปเดินเล่น ให้เรียกคนรับใช้หญิงไป กับเจ้า”

ถ้าหากหยุนจี่นต้องการพบท่านชายสองล่ะเจ้าคะ?” หยุนจิ่นถาม

“เรียกคนไปตาม

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

หยุนจิ่นจึงได้พักอยู่ในจวนอ่องเจ็ดด้วยประการนี้ ทุกคนในจวนรู้ว่า กงชิงซวนเย่พาหญิงสาวผู้หนึ่งกลับมา ชายาอ๋องเจ็ดยังอยู่ในความ โศกเศร้า นางจึงไม่มีแก่ใจไปสนใจกับเรื่องนี้ เป็นอ๋องเจ็ดที่แม้กำลัง อยู่ในความเศร้าโศกแต่ก็ยังคงมีข้อสงสัยบางอย่าง อยากพบหยุนจิ้น

แต่เมื่อรอจนอ๋องเจ็ดส่งคนไปตามหยุนจิ่นนั้น หยุนจิ่นก็ตามหาจน พบกงข็งห้าวเริน กระทั่งพาตัวออกมาจากจวนอ่องเจ็ดได้เรียบร้อย แล้ว

เด็กน้อยอายุหกขวบ ยังไม่ค่อยรู้ความ รู้เพียงแค่ว่าพี่ชายต้องการ ให้พี่สาวมารับเขาแล้วเท่านั้น

หยุนจีนใช้ประตูเล็กของจวนอ๋องเจ็ดเป็นเส้นทางผ่าน ในสวนด้าน หลังจวนมีประตูเล็ก ๆ อยู่บ้านหนึ่ง นางเปิดประตูเล็กพาเด็กออกไปได้ ก็แบกเด็กน้อยขึ้นหลัง ออกเดินทันที

เมื่อถึงถนนใหญ่ ก็ตรงไปที่จวนอ๋องเสียนอย่างรวดเร็ว

พ่อบ้านเห็นหยุนจิ่นพาเด็กกลับมา ก็ถูกทำให้ตกใจอย่างหนัก หยุนจีนตรงไปลานโอวหลาน อันหลิงหยุนรอนางอยู่นานแล้ว

เมื่อเห็นหยุนจิ่นนำเด็กกลับมา อันหลิงหยุนไม่ได้พูดอันใด ถามเด็ก น้อยคนนั้นโดยตรง: “เจ้ารู้จักกงชิงห้าวฉือไหม?”

เด็กน้อยพยักหน้ารัว; “รู้จัก”

“อื้ม! เขาตายแล้ว!”

เด็กน้อยอดตกใจไม่ได้ ทันที่ได้ยินก็เปล่งเสียงร้องไห้จ้าทันที อันหลิงหยุนส่งสายตามองไปยังหยุนจั่น: “ลำบากเจ้าแล้ว”

เพื่อยืนยันตัวตนของเด็ก อันหลิงหยุนกล่าวว่า “เจ้าคอยดูแลเขาอยู่ ที่นี่ อย่าให้ใครรู้

“เจ้าค่ะ”

อันหลิงหยุนคุกเข่าลง หลอกเจ้าเล่นน่า แต่พี่ชายของเจ้าถูกคน จับตัวไปแล้ว”

เด็กน้อยได้ยินดังนั้นจึงหยุดร้องไห้ทันที สูดๆน้ำมูกพลางมองไปยัง อันหลิงหยุนเขากล้วนางจึงไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังหยุนจิ้น อันหลิงหยุนกล่าวว่า: “ข้าต้องการช่วยพี่ชายของเจ้า แต่ต้องให้พี่

ชายของเจ้ารู้ว่าเจ้าอยู่กับข้าที่นี่ เจ้าเต็มใจจะให้สิ่งของอันใดก็ได้กับ

ข้าหรือไม่ สิ่งที่พี่ชายของเจ้าจะรู้ได้ในทันที”

เด็กน้อยติดกับอย่างง่ายดาย เพียงอันหลิงหยุนพูดแค่สองสามคำ เขาก็ถือเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังแล้ว

“ข้ามีสิ่งนี้ เมื่อสองสามวันก่อนพี่ชายซื้อมาให้ข้า ล้วนไม่มีผู้อื่นล่วง รู้” เด็กน้อยปลดเสื้อแล้วหยิบปลอกคอเครื่องประดับสีเงินชิ้นหนึ่งออก มาจากด้านใน

อันหลิงหยุนถาม: “มีเพียงพี่ชายของเจ้าเท่านั้นที่รู้?”

” อั้ม ! คนในจวนรังแกพี่ชาย พี่ชายบอกว่าอย่าให้ใครรู้ พวกเขาจะ ชิงไป ข้าไม่เคยให้ใครเห็นจึงไม่มีใครรู้เลย” เด็กน้อยภูมิใจมาก ราวกับว่าไม่มีใครค้นพบว่าเขาร้ายกาจเพียงใด อันหลังหยุนครุ่นคิดชั่วครู่ หันกายกลับมาและหยิบปลอกคอเครื่อง ประดับทองคำชิ้นหนึ่ง: “นี่ข้าให้เจ้า ข้าจะนำของเจ้าชิ้นนี้ไปก่อน รอ ให้พี่ชายเจ้ากลับมา ข้าค่อยคืนของชิ้นนี้ให้เจ้า พี่ชายเจ้าเห็น ปลอกคอเครื่องประดับชิ้นนี้ ก็จะรู้เองว่าเจ้าอยู่กับข้า เขาจะต้องมาหา เจ้าเป็นแน่”

เด็กน้อยคิดอยู่นาน จึงเงยหน้ามองหยุนจีน หยุนจีนพยักหน้าเด็ก น้อยจึงยอมนำปลอกคอเครื่องประดับลงมาแลกกับอันหลิงหยุน นาง แลกเปลี่ยนเสร็จจึงสวมปลอกคอเครื่องประดับไว้กับตัว เหลือบมอง หยุนจิน: “อย่าออกไปจากลานน้

“เจ้าค่ะ”

หลิงหยุนออกไปข้างนอก มอบหมายให้อาหยู่เฝ้าลานโอวหลานไว้ ไม่ให้คลาดสายตา ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป และอย่าให้ใครในจวน พูดถึงเรื่องของเด็กน้อยออกไปเด็ดขาด พ่อบ้านเฒ่ารู้ว่าสถานการณ์ นี้ร้ายแรงนัก จึงได้ออกคำสั่งไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว

หงเถา ลู่หลิว ก็คอยสอดส่องด้วยเช่นกัน รับผิดชอบดูแลหยุนจีน

และเด็ก อันหลิงหยุนพกเอาปลอกคอเครื่องประดับติดตัวออกไป มุ่งไปยัง ต้าจงเจิ้งย่วน

เมื่อเข้าประตู อันหลิงหยุนจึงไปพบกงชิงวี่

กงชิง ไม่อาจทนรอต่อไปได้นานแล้ว เขากังวลเหลือเกิน ว่าอันหลิง หยุนจะเกิดเรื่อง อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เขา เริ่มจะเสียใจภายหลังแล้วที่ให้อันหลิงหยุนไปจัดการเรื่องนี้

“เมื่อเห็นคน กงชิง รีบเดินเข้าไปตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าคนยัง ปลอดภัยดี จึงค่อยถอนหายใจด้วยความ

โล่งอก: “กลับมาแล้วหรือ?”

“อั้ม” อันหลิงหยุนพยักหน้า

“เหตุใดป่านนี้จึงค่อยกลับ หากเจ้ายังไม่กลับมาอีก ข้าจะออกไปเอง แล้ว”

กงชิง กุมมือของอันหลิงหยุนแน่น ไม่อาจตัดใจปล่อยได้

อันหลิงหยุนมีท่าทีสังเล: “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ยังไม่สําเร็จลุล่วง ข้า

พยายามอย่างสุดกำลังแล้ว”

ทั่วทั้งใบหน้าของนางฉายชัดถึงความละอายใจ

“กงชิงวี่สายหัว: “ไม่เป็นไร เดิมทีเรื่องนี้ ไม่ควรปล่อยให้หลิงหยุน ไปตั้งแต่แรกแล้ว ข้าเสียใจภายหลังมานาน เพียงเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว

กงชิงวี่รู้สึกโล่งใจราวยกภูเขาออกจากอก ดึงตัวอันหลิงหยุนเข้ามา ในอ้อมแขน เพียงนึกย้อนกลับไปก็หวาดกลัวยิ่งนัก

เมื่อก้มหน้ามองไปยังคนในอ้อมแขน เห็นสีหน้ากลั้นยิ้มไม่อยู่ของ นางเข้า ใบหน้าของกงชิงคล้ำทะมึน เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด: “ข้า เป็นห่วงเจ้าแทบตาย เจ้ายังยิ้มได้อยู่อีกหรือ?”

ท่านอ๋อง โปรดดูสิ่งนี้ก่อน” อันหลิงหยุนผละกายออกไป พร้อมกับ แสดงปลอกคอเครื่องประดับให้กงชิงวี่ดู

มือของกงชิงวี่ ลูบปลอกคอเครื่องประดับสีเงินของอันหลิงหยุน

“ได้มาจากที่ไหนหรือ?”

“เป็นของเด็กคนนั้น

กงชิงตะลึงค้างอยู่ชั่วครู่ขณะที่มองดวงตาหงส์เป็นประกายวิบวับ สีหน้าเปี่ยมชีวิตชีวาของอันหลิงหยุน: “หลอกข้าหรือนี่? ”

* ท่านอ๋องหลอกง่ายนี่เพคะ!”

“ข้าหลอกง่ายเสียที่ไหนกัน ข้าถูกไฟราคะรุมล้อมจึงทำให้จิตใจ หมกมุ่น ความคิดอ่านจึงลดลงต่างหาก”

กงชิงวก้มตัวลงอุ้มอันหลิงหยุนขึ้นมา หมุนกายกลับไปที่เตียง

อันหลิงหยุนถูกโอบกอด เอนกายลง นอนรอกงชิง โดยดี “สองวันนี้ร่างกายของเจ้าเป็นกระไรบ้าง?” กงชิงปลดผ้าม่านเตียง ปลดระดุมบนร่างกาย

อันหลิงหยุนเอ่ยตอบ: ‘ระวังหน่อยก็ดีเพคะ!”

เช่นนั้นข้าควรจะเบาลงหน่อย เอาเสบียงที่เก็บไว้ในคลังระบาย จ่ายแจกออกไปบ้าง”

อันหลิงหยนรู้สึกขบขันอย่างยิ่ง: “ท่านอ๋อง เสบียงในคลังของท่านนี้ ท่านขยันระบายเร็วเกินไปหน่อยแล้ว ร่างกายเพิ่งจะหายดีจะไหวหรือ เพคะ?”

“-ข้าอายุนับว่ายังน้อย เสบียงในคลังอัดแน่นเต็มเปี่ยม”

* หน้าไม่อาย!”

มีพระชายาแล้วยังต้องการหน้าไปอายอันใดกัน?”

กงชิงวิเข้าครอบครองร่างข้างใต้ อันหลิงหยุนเองก็นับว่าให้ความ ร่วมมือไม่น้อย ทั้งสองรักใคร่สุดซึ้งแยกจากกันไม่ได้ พักผ่อนเพียง ชั่วครู่ กงชิง อยากอาบน้ำชำระกาย เที่ยงคืนก็เริ่มพลิกตัวพัวพันกัน ไปมาอีก ภายในห้องกรุ่นไอเร่าร้อนลอยอบอวล เมื่อทั้งสองอาบน้ำ เสร็จ อันหลิงหยุนจึงค่อยออกจากห้องมาได้

ผู้คนในต้าจงเจิ้งย่วนล้วนนอนหลับกันหมดแล้ว อันหลิงหยุนไปห้อง ยังได้อย่างสบายขึ้นมาก ไม่มีใครให้ความสนใจ มีเพียงคนเฝ้าประตูสองคน ที่เอ่ยถามเพียง

สองสามประโยคเท่านั้น

อันหลิงหยุนอาศัยอยู่ในต้าจงเจิ้งย่วน ดังนั้นตัวตนของนางจึงถูกนำ มาใช้กล่าวอ้างได้

ผู้คนในต้าจงเจิ้งย่วนล้วนให้ความเคารพนางอยู่บ้างนางจึงเข้าไปได้ อย่างง่ายดาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ