ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 194 เรื่องเงินๆทองๆอีกแล้ว



บทที่ 194 เรื่องเงินๆทองๆอีกแล้ว

หยุนโล่ชวนนั่งลงสักครู่: ข้าเข้าใจแล้ง ถึงแม้อ่องชินจงจะ ไม่ได้ทำ แต่ก็มีความน่าสงสัยไม่น้อย ว่าเป็นเพราะมีข้าเป็น แรงกระตุ้น”

พูดพลาง หยุนโล่ชวนก็ลุกขึ้นไปหาอ่องตวน แล้วจึงนั่งลง และพูดว่า: “อ๋องตวนทรงวางใจเถอะ ข้าต้องยืนข้างท่าน แน่นอน หากเรื่องในครั้งนี้เกี่ยวข้องกันอ๋องชิงจงจริง ข้าจะ ต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน”

อ่องตวนคิดไม่ถึงว่า เด็กคนนี้จะเฉียบขาดเช่นนี้

“ข้าเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องพูดกับข้าแล้ว” หลับตา ลงเพื่อพักผ่อน

หยุนโล่ชวนกลับไปพูดคุยกับอันหลิงหยุนต่อ แต่ไม่ได้พูด คุยเกี่ยวกับอ่องชินจงอีก อันหลิงหยุนรู้สึกว่าหยุนโล่ชวนฉลาด นางเพียงแค่ออก

มาตามตรง นางก็เข้าใจทั้งหมดแล้ว

เรื่องในราชสำนัก ให้ผู้หญิงเป็นใหญ่ตอนไหนกัน นางเป็นแรงกระตุ้นขนาดนั้น ไม่มีทางเป็นผลดีแน่

เมื่อเห็นอ่องตวนปลอดภัยแล้ว อันหลิงหยุนจึงลาจากวังฮั่ว หยางเพื่อกลับไปยังวังเพิ่งหยี

ตอนที่เดินจากไป จุนฉูฉูยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น อันหลิงหยุ นทำเพียงแค่หันมองนางแล้วเดินจากไป จริงๆแล้วอันหลิงหยุนก็ไม่เข้าใจ เป็นพระชายาอ่องตวนดีๆ ไม่ชอบ จะรนหาที่ตายทำไมกัน?

กว่าจะกลับมาถึงวังเพิ่งหยก็มืดแล้ว อันหลิงหยุนหยุดยืน อยู่ที่ประตูวังเพิ่งหยี่ด้วยความหิว คิดอยู่สักพักว่าจะพูดเรื่อง กินข้าวขึ้นมากระไรดี

กงชิงวี่เองก็เหมือนกัน ทำไมยังไม่มาอีก?

ขญะที่กำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงพูดถึงนางดังขึ้นมาจาก ทางด้านหลัง: “พระชายาไม่เข้าไป เป็นเพราะกำลังรอข้าอยู่ หรือไม่?”

อันหลิงหยุนรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดก็มาเสียที

อันหลิงหยุนหันไปถวายความเคารพ : “ถวายบังคมท่าน อ๋อง”

กงชิงวี่เดินไปถึงด้านหน้าอันหลิงหยุนแล้ว แล้วจึงแอบดึง มืออันหลิงหยุนเข้าไปจูบ

“ท่านอ่อง….อันหลิงหยุนรู้สึกเขินจนหน้าแดงไปหมด “กลัวอันใด ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว มองไม่เห็นดอก”

กงชิงอารมณ์ดี ลากอันหลิงหยุนเข้าไปในวังเพิ่งหยี

แม่นมซีกำลังยืนรออยู่ที่ประตู เมื่อเห็นกงชิงวี่ก็ถวายความ เคารพ: “ถวายบังคมท่านอ่อง พระชายา”

“สวัสดีแม่นมซี” กงชิงที่พูดขึ้นเมื่อเห็นแม่นมซี แต่แม่นมซี ไม่ได้พูดอันใด

เข้าไปในวิหารบรรทมรอง อันหลิงหยุนถูกอุ้มขึ้นไปบน

เตียงนอน “ท่านอ่อง หม่อมฉันยังไม่ได้เสวยอันใดเลยเพคะ”

กงชิงวีขึ้นไปบนเตียง: “ย่อยพระกระยาหารก่อนค่อยกิน” อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่อย่างเบื่อหน่าย “ใครขาดแคลน กัน?”

“ข้า!กงชิงวี่ถอดเสื้อผ้า แล้วกระโจนเข้าไปอย่างเปิดเผย

อันหลิงหยุนลุกขึ้นมากินพระกระยาหารนิดหน่อยในช่วง กลางดึก ดูอันใดบางอย่างดู อันหลิงหยุนสวม เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปดู เป็นคำให้การบางส่วน ของอ่องทั้งแปดท่าน

“มีความคืบหน้าหรือไม่เพคะ?” อันหลิงหยุนหยิบเข้าให้การ แผ่นหนึ่งขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม

กงชิงส่ายหัว: อยากจะได้ยินอันใดออกจากปากของพวก เขา ก็ไม่ต่างกับอยากได้ยินอันใดจากปากคนตาย แต่เป้า หมายที่ข้าจับพวกเขา ก้ไม่ได้คิดที่จะถามอันใดอยู่แล้ว เพียง แค่ต้องการระบายอารมณ์ก็เท่านั้น รอให้ผ่านไปสักสองสาม วันก่อนแล้วค่อยปล่อยตัวพวกเขาออกมา”

อันหลิงหยุนส่ายหัว: “แล้วท่านจะลำบากทำไม?”

“ให้พวกเขารู้ว่า แผ่นดินนี้ไม่ใช่ของพวกเขา” กงชิงวี่พูด อย่างเย็นชา

ตอนนี้เอง อันหลิงหยุนวางคำให้การลงแล้วพูดว่า: “แล้ว พวกเขาจะยอมล่าถอยเพียงเพราะการโจมตีเล็กๆในครั้งนี้ อย่างนั้นหรือ เมื่อคิดถึงเรื่องที่ไม่ให้อ่องทั้งแปดท่านยุ่งเกี่ยว กับการเมือง เชื่อว่าทุกคนคงรู้ดีว่า ให้พวกเขาอยู่ไปวันๆเพื่อ รอความตายอยู่ในเมืองหลวงนั้น พวกเขาจะเต็มใจได้ กระไร?”

“ไม่เต็มใจแล้วยังไง ในเมื่อแผ่นดินนี้ไม่ใช่ของพวกเขา ไม่ใช่ว่าพวกเขาคิดจะทำอันใดก็ได้”

“ท่านอ่อง แต่ว่าพวกเขาเป็นอ่องชินจง แล้วแบบนี้จะทำให้ กลัวได้จริงหรือ?”

ไม่ใช่เพราะอันหลิงหยุนคิดมาก แต่สถานการณ์ปัจจุบัน เป็นเช่นนี้จริงๆ

ทำไมเมื่อก่อน อ๋องทั้งแปดท่านไม่เคยคิดต่อต้าน ทำไม ต้องมาคิดต่อต้านเอาตอนนี้ด้วย?

ไม่ใช่เพราะเห็นว่าตำหนักทั้งสองทรงมีทายาทให้แก่ฝ่า

บาทดอกหรือ?

ในความคิดของพวกเขา เกรงว่าคงจะรอให้ฮ่องเต้ชิงหยู่ อ่องเสียน อ่องตวนไร้ซึ่งทายาท ถึงตอนนั้นแผ่นดินนี้ก็ตกอยู่ ในกำมือของพวกเขา

แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป แล้วพวกเขาจะไม่ร้อนใจ ได้กระไร?

“ถึงจะทำให้กลัวไม่ได้ แต่ก็จะปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่าง สงบไม่ได้” กงชิงวีดึงมือของอันหลิงหยุนเดินไปข้างหน้า นั่ง ลงแล้วจึงยื่นมือไปลูบท้องของอันหลิงหยุน

“ข้าเองรู้สึกร้อนใจเล็กน้อยจริงๆ ถ้าออกมาเร็วสักหน่อย ข้าคงให้เขาคอยช่วยข้าได้”

อันหลิงหยุนมองกงซิงหวี่ด้วยท่าทีโง่เขลา แล้วจึงสายหัว ตอนนี้เองที่เพิ่งจะพบเห็นว่า ร่างเดิมตายก็ดี อย่างน้อยก็ สามารถหลบหนีจากกงชิงที่ได้ เป็นนางต่างหากที่โชคร้ายที่ ต้องมาเจอคนแบบนี้

“ท่านเขาคิดเอาไว้แล้ว แล้วยังสามารถทำเป็นนาจา สามเศียรหกกรได้อีกหรือ?”

อันหลิงหยุนเพียงแค่พูด กงชิงสี่ก็เงยหน้า: “นาจา?”

” อีกแล้ว ท่าทางแบบนี้อีกแล้ว

อันหลิงหยุนรู้ดีว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์

อยากจะหุบปากเสียตอนนี้ก็วายไปเสียแล้ว กงชิงวี่ถอดเสื้อ คลุมตัวนอกออกแล้วโยนไปอีกด้านหนึ่ง แล้วจึงเปิดผ้าห่ม ออกแล้วขึ้นไป หลังจากนั้นก็ดึงอันหลิงหยุนทะลุผ่านมุ่งเข้า มา แล้วให้อันหลิงหยุนมานอนทับอยู่บนตัว จูบพลางพูดพลาง ว่า: “ข้ายังมีบางจุดที่ยังไม่เข้าในเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงก่อน หน้านี้ รู้สึกว่าพระกระยาหารเริ่มแน่นอีกแล้ว ข้าขอเริ่มก่อน แล้วพระชายาค่อยๆบอกข้าอย่างละเอียดนะ!”

อันหลิงหยุนได้แต่ทำท่าทีเบื่อหน่าย เห็นอยู่ชัดๆว่าเขา อยากจะฟังจนรอไม่ไหวแล้ว

ในตอนกลางดึก จุนฉูฉูหมดสติอยู่ด้านนอกหยาง เมื่อ นางกำนัลพบเข้าจึงรีบไปทูลฮั่วไท่เฟย ฮั่วไท่เฟยไม่ยินดี ยินร้าย ออกคำสั่งให้จุนฉูฉูกลับไปปิดประตูนั่งสำนึกผิดใน จวนอ่องตวน และไม่ได้สนใจอีก

จุนฉูฉุถูกคนหามไป เมื่อถึงในรถม้าก็ลืมตาขึ้นมา

อันหลิงหยุน สักวันเจ้าจะต้องเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน อันหลิงหยุนจามหนึ่งครั้ง แล้วรีบนำผ้าห่มมาห่มให้ดี เพื่อ หลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นหวัด

แต่คนที่อยู่ด้านล่าง กลับยื่นมามาดึงผ้าห่มออก เพราะเขา ต้องการจะดู

ทั้งคืนผ่านไปอย่างมีความสุข อันหลิงหยุนต้องตื่นตั้งแต่ เช้า แต่ก็ยังรู้สึกง่วงอยู่เล็กน้อย

ระหว่างพระกระยาหารเช้า อันหลิงหยุนนั่งงีบอยู่ตลอด

เวลา

เมื่อกงชิงวีกินพระกระยาหารเช้าเสร็จก็ออกจากวังไป ส่วน อันหลิงหยุน หลังจากกินพระกระยาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็กลับ ไปนอนที่ห้องต่ออีกหนึ่งตื่น ตอนบ่ายจึงตื่นขึ้นมาสืบหาเรื่อง ที่ฮ่องเต้ชิงหยู่โดนยาพิษ

วันนี้ หลังจากที่ฮ่องเต้ชิงอยู่ทรงออกว่าราชาการช่วงเช้า แล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก อันหลิงหยุนจึงไปเยี่ยมอ๋องตวน แล้วก ลับวังเพิ่งหยี

วันนี้เฉินหยุนชูชมดอกไม้อยู่ในลาน เมื่อเห็นอันหลิงหยุนก ลับมา จึงเรียกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง คนสองคนนั่งด้วยกัน ปกติก็ต้องดื่มชา เมื่ออันหลิงหยุนมองชานั้นก็รู้สึกกังวลใจ

ดื่มหรือว่าไม่ดื่ม?

“ช่วงนี้ดูเหมือนเจ้าจะมีเรื่องกังวลใจ เป็นเพราะว่ายังไม่ชิน กับการอยู่ในวังเพิ่งหยีใช่หรือไม่?” เสินหยุนซูยื่นขนมชิ้นหนึ่ง ใส่ในมือของอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนจึงจำต้องรับไว้

แต่นางไม่ได้กิน ทำเพียงแค่วางไว้บนมือแล้วดู “รู้สึกไม่ชินเล็กน้อยจริงๆเพคะ อีกทั้งช่วงนี้ไม่ค่อยอยาก พระกระยาหาร พอจะฝืนใจเสวยได้นิดหน่อยเพคะ” อันหลิง หยุนพูดพลางวางขนมชิ้นนั้นลง

“พระชายาเสียน ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

“เช่นนั้นหม่อมฉันไม่ขอปิดบัง ตอนนี้ทุกครั้งที่หม่อมฉัน นอน ก็จะคิดเรื่องเรื่องหนึ่งอยู่ตลอดเพคะ”

“เรื่องอันใด?”

“เหรียญเงินที่ติดค้างไว้ จะชดใช้คืนให้กระไร” อันหลิงหยุน แสร้งทำเป็นโศกเศร้า ทำได้เพียงแค่หยิบเรื่องเงินขององค์ หญิงใหญ่ออกมาอ้าง

อันหลิงหยุนนำเรื่องที่องค์หญิงใหญ่ทรงบังคับให้คืน เหรียญเงินออกมาพูด ตอนนี้เอง เสินหยุนซูจึงกล่าวว่า “เหรียญเงินของข้าเองก็มีไม่มาก แต่จะให้พระชายาเสียนยืม

สักหน่อยก็ได้”

“เกรงว่าเงินของฮองเฮาก็ไม่พอเพคะ แต่จวนแม่ทัพเอง ตอนนี้ก็ไม่มีเหรียญเงินเหลืออยู่แล้ว หม่อมฉันเองก็คิดอยาก จะเปิดร้านค้า แต่เปิดร้านค้าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ ภายในวันสองวัน แต่ก็มีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง”

“พระชายาเสียนคงไม่ได้คิดที่จะตรวจรักษาโรคให้คน แล้ว เก็บเงินดอกใช่หรือไม่?”

“ฮองเฮาทรงเฉียบแหลมนักเพคะ”

“พระชายาเสียน ข้าขอเตือนให้เจ้าล้มเลิกความคิดนี่เสีย ประการแรก ฐานะของเจ้าจะมาทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ ประการที่ สอง อ่องเสียนไม่มีทางเห็นด้วย อีกอย่าง หากพระชายาเสียนเก็บเงินจากการรักษาคนแล้ว ล่ะก็ ชื่อเสียงก็คงจะไม่ดีนัก!”

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”

อันหลิงหยุนแสดงท่าทีไม่พอใจ แล้วลุกขึ้นทูลลา: “หม่อม ฉันทูลลาเพคะ”

“ไปเถอะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ