ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 199 เลือดของนางทำให้คนอ่อนเยาว์



บทที่ 199 เลือดของนางทำให้คนอ่อนเยาว์

บทที่ 199เลือดของนางทำให้คนอ่อนเยาว์

เมื่อโบยจนพอใจแล้ว และสอบปากคำจนเสร็จ แล้ว กงชิงวีถึงได้ลุกขึ้น แล้วกลับไปพักผ่อนที่หวางฮ องไทเฮา

ส่วนหวางฮองไทเฮากลับไปที่พระตำหนักศาล บรรพชน

เมื่อหวางฮองไทเฮาเข้าไปข้างใน เสินหยุนชูก็รีบ คุกเข่าลงทำความเคารพ หวางฮองไทเฮาเดินเข้าไป ใกล้ แล้วคุกเข่าลงที่ฟูก แต่มิได้สนใจเสินหยุนชู

ไห่กงกงปิดประตูจากทางด้านนอก แล้วสั่งให้ทุก คนออกไป

เฉินหยุนชูร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา: “เสด็จแม่ ไม่ใช่ หม่อมฉันจริงๆนะเพคะ”

“หุบปาก” หวางฮองไทเฉาไม่อยากฟัง ทำแค่เพียง

พนมมือแล้วคุกเข่าอยู่ที่นั่น และสวดภาวนา เสินหยุนซูรู้สึกจนใจจริงๆ มีความหนาวเย็นเกิด ขึ้นรอบตัว

ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ นางรู้สึกอ้างว้างทุกครั้ง อันหลิงหยุนไปเยี่ยมอ่องตวน เมื่อฮั่วไท่เฟยเห็น อันหลิงหยุน จึงถามเรื่องงูพิษ อันหลิงหยุนเล่าเรื่องงูพิษให้ฟังหนึ่งรอบ แววตา ของฮั่วไท่เฟยดูหมองหม่นลง และไม่พูดอันใดอยู่พัก ใหญ่

อันหลิงหยุนนั่งอยู่สักพัก ก็ออกมาจากวังฮั่วหยาง

ชั่วไท่เฟยลุกขึ้นแล้วถามว่า: “ไทเฮาเสด็จไปพระ ตำหนักศาลบรรพชนหรือ?”

“เพคะ” แม่นมเว่ยกราบทูล

ฮั่วไท่เฟยเดินไปที่ประตูแล้วมองออกไปข้างนอก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงปกติ: “ดูๆไปแล้วคงจะมีคนร้อนใจ ถึงได้ทำเรื่องโง่ๆเช่นนี้ออกมาได้ โชคร้ายจริงๆ”

แม่นมเว่ยเดินไปยืนอยู่ข้างๆฮั่วไท่เฟยแล้วมอง อย่างระมัดระวัง แล้วพูดด้วยความลังเล: “ไท่เฟยเพคะ หรือว่าจะ?”

“ไม่จำเป็น ขอเพียงแค่ไม่เป็นภัยคุกคามต่อแผ่น ดินของประเทศต้าเหลียง ก็ไม่จำเป็น ข้าเองก็อยากรู้ เหมือนกันว่า ใครที่ไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ใจกล้า มาจัดการกับพระชายาเสียนในเวลาเช่นนี้”

“ไท่เฟย หรือว่าจะเป็นพระชายาเพคะ?” แม่นมเว่ย รู้สึกกังวล

หากเรื่องนี้จุนฉูฉูเป็นคนทำ เช่นนั้นก็คงจะมีผลก ระทบมาถึงวังชั่วหยาง

ฮั่งไห่เฟยยังคงนิ่งสงบ: “ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ นางทำได้ แต่นางไม่มีเวลา” “ไท่เฟย หรือว่าพวกเราควรจะต้องป้องกันเอาไว้ เสียหน่อยเพคะ?”

แม่นมเว่ยพยักหน้า

ฮั่วไทเฟยหันกลับไปดูคนที่นอนหลับอยู่อย่าง สบายทั้งสองคน แล้วตรัสว่า: “แม่นม ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องคอยดูพวกเขาสองคนเอาไว้ไม่ให้ห่าง ดูแล วังนี้ให้ดี”

“เพคะ”

อันหลิงหยุนออกจากวังฮั่วหยาง สวีกงกงรีบเดิน ขึ้นมา: “พระชายาเสียน ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่วังเพิ่งหยี

พ่ะย่ะค่ะ”

“รู้แล้ว เชิญท่านกงกง”

“เชิญพระชายา”

อันหลิงหยุนเดินตามสวีกงกงไปยังพระตำหนัก จรุงจิต ระหว่างทางอันหลิงหยุนถามขึ้นว่า : “ท่านกงกง สองสามวันมานี้ ช่วงกลางคืนท่านอยู่ที่ไหน?”

สวีกงกงตอบตามความจริง: “เรื่องนี้หม่อมฉันเองก็ คิดที่จะบอกพระชายาอยู่พอดี”

“อืม”

* “ทูลพระชายาตามตรง หม่อมฉันรู้สึกกลัวมาก หม่อมฉันนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงติดต่อกันเป็นเวลา สามคืน ตอนเช้าก็จะต้องฝืนลุกขึ้นมา” สวีกงกงเช็ดเหงื่อ อันหลิงหยุนจึงหยุดเดิน แล้ว มองแววตาที่ดูกังวลของสวีกงกง อันหลิงหยุนก็พอจะ เดาออกแล้ว

สองสามวันก่อนที่สวีกงกงไม่อยู่ เป็นเพราะถูกคน วางยาแล้ว

อันหลิงหยุนกล่าวว่า: “กงกงยื่นมือมาให้ข้าข้าจะ ตรวจดูหน่อย” สวีกงกงมองซ้ายมองขวา แล้วยื่นมือไปให้ แสร้ง

ทำเป็นประคองอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนจับมือสวีกง คงไว้ แล้วตรวจอัตโนมัติ อันหลิงหยุนปล่อยมือแล้วนำ ยาเม็ดที่พกไว้ในตัวยื่นให้สวีกงกง

“มิได้ร้ายแรงนัก แค่กินของที่ไม่ควรกินไปเล็ก น้อย ซึ่งทำให้คนรู้สึกง่วงได้

สวีกงกงไม่แม้แต่จะคิด แล้วนำยาเม็ดใส่เข้าปาก

ไป

เมื่อกลืนยาเม็ดลงไปแล้ว สวีกงกงก็ดึงคอเสื้อขึ้น มาเช็ดเหงื่อ

อันหลิงหยุนเดินต่อไป สวีกงกงรู้สึกตกใจ อดมิได้ ที่จะพูด: “พระชายาเสียน ในวังนี้เกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทำไมจึงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ น่ากลัวจริงๆ!”

“ท่านกงกง ช่วงนี้ท่านต้องระวังหน่อย เพื่อหลีก เลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่อง” อันหลิงหยุนไม่อยากพูดมาก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงไม่สามารถปล่อยอ่องทั้งแปด ท่านไปได้

“พระชายาเสียน ชีวิตของหม่อมฉันเป็นของฝ่า บาท ตายก็ไม่เสียดาย แต่หม่อมฉันเป็นห่วงฝ่าบาท พระชายาเสียนต้องทรงช่วยหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันยังอยู่รับใช้ฝ่าบาทไม่พอ”

สวีกงกงพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น เสียงแหลมๆ ของเขาเมื่อพูดออกมา ทำให้อันหลิงหยุนฟังรู้สึก ไม่สบายตัว

“เจ้าอย่าร้องไห้อีกเลย ฟังแล้วข้าอารมณ์เสีย ข้า มิได้บอกว่าจะไม่สนเสียหน่อย แต่ขอข้าคิดหาวิธีก่อน” อันหลิงหยุนเดินต่อไปข้างหน้า สวีกงกงไม่กล้ากวนใจ อันหลิงหยุน จึงรีบเช็ดน้ำตา ขอแค่อันหลิงหยุนสนใจ สวีกงกงก็วางใจแล้ว

เมื่อเห็นวังด้านหน้า อันหลิงหยุนว่า “กลับไปข้าจะเตรียมยา กลับไปกินวันละน้อย อย่าให้ใครรู้ ให้จะให้ยาน้ำกงกงหนึ่งขวด ให้กงกงจำ ไว้ว่า ทุกวันเวลากินข้าว ให้หยดลงไปหนึ่งหยด หาก พระกระยาหารเปลี่ยนสี แสดงว่ามีปัญหา หากไม่ เปลี่ยนสี แสดงว่าไม่มีปัญหา

แต่ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ก็ให้กงกงกิน แต่กินให้ น้อยลง ยาที่ข้าให้กงกงคือยาถอนพิษ ไม่ต้องห่วงชีวิต ให้กงกงคอยแอบสังเกตอย่างลับๆว่าใครเป็นคนวางยา

หากกงกงกินพระกระยาหารที่มียาพิษ ไม่ว่าตอน กลางคืนจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็ให้แสร้งทำเป็นหลับ หากคนที่วางยาปรากตัวขึ้น ก้อย่าเพิ่งแหวกหญ้า ให้งู ตื่น ให้หาเวลามาบอกข้า”

“พระชายาทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะทำให้ดี ที่สุด”

อันหลิงหยุนนำยาและยาน้ำมอบให้สวีกงกง แล้ว ทั้งสองก็เดินเข้าวังเพิ่งหยีด้วยกัน

ตอนนี้คนในวังเพิ่งหยีต่างตื่นตกใจ ทุกคนคุกเข่า อยู่ภายในลาน

ก่อนหน้านี้ก็โดนโบยอย่างหนัก ตอนนี้ต้องคุกเข่า แบบนี้ทำให้เจ็บจนตัวสั่น เมื่ออันหลิงหยุนเข้าไปก็มุ่ง ตรงไปที่ด้านหน้าของพระตำหนักเฟิ่งหยี

สวีกงกงรีบขวางไว้”พระชายาเสียน ฮ่องเต้ทรง รออยู่ที่วิหารบรรทมรองพ่ะยะค่ะ”

เวิหารบรรทมรอง?”

อันหลิงหยุนหันไปมองประตุของวิหารบรรทมรอง แล้วเดินเข้าไป

อันหลิงหยุนเปิดประตูเข้าไปแล้วโค้งคำนับ สวีกง กงที่ยืนอยู่ทางด้านหลังจึงปิดประตู

ฮ่องเต้ชิงอยู่กำลังยืนอยู่ด้านใน สวมใส่ฉลอง พระองค์สีเหลืองสดใส ด้านบนมีมังกรทอง หวู่ตัว(สัญลักษณ์แทนฮ่องเต้)

“ฝ่าบาท” ฮ่องเต้ชิงหยู่ยิ้ม: “หยุนหยุนไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ” อันหลิงหยุนใจกล้าขึ้น เล็กน้อย เดินเข้าไปหาฮ่องเต้ชิงหยู่ด้วยตัวเอง: “ฝ่า บาท ให้หม่อมฉันตรวจดูหน่อยนะเพคะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยื่นพระหัตให้อันหลิงหยุน อันหลิงหยุ นจับพระหัตของฮ่องเต้ชิงหยู่ไว้แล้วเริ่มตรวจอัตโนมัติ หลังจากนั้นจึงปล่อยมือแล้วมองฮ่องเต้ชิงหยู่: “ฝ่าบาท พิษมิได้รุนแรงเพคะ แต่ก็ยังไม่ลดลง”

“ตั้งแต่ข้าดื่มของในถ้วยนั้น ก็รู้สึกร่างกายแข็ง แรงขึ้นมาก ผมขาวที่ขึ้นก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นแล้ว” ฮ่องเต้ชิงหยู่พูดเช่นนั้นทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกกังวล

ฮ่องเต้ในสมัยโบราณอยากจะมีอายุยืนยาวไม่มี วันแก่ นางกังวลเรื่องนี้ตั้งแต่แรก จึงไม่กล้าที่จะทำเช่น นั้น

“ข้าเพียงแค่พูดให้ฟัง ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น หยุน หยุนคิดมากไปแล้ว แต่หากหยุนหยุนจะสามารถให้ข้า ดื่มอีกสักสองครั้ง เชื่อได้ว่าข้าจะต้องหนุ่มขึ้นกว่านี้อีก เป็นแน่”

2

อันหลิงหยุนรู้สึกโศกเศร้า ในเมื่อพูดแล้วว่าจะไม่ ทำเช่นนั้น แต่กลับพูดตามมาว่าอยากจะดื่มอีกสองครั้ง สุดท้ายก็ทำออกมาจริงๆ

อันหลิงหยุนเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง นำมีดออกมาเพื่อจะ กรีดเอาเลือด ฮ่องเต้ชิงหยู่เห็นว่ามีดกำลังจะเฉือนลง ไป จึงรีบคว้ามือของอันหลิงหยุนไว้

อันหลิงหยุนเงยขึ้นมอง ฮ่องเต้ชิงอยู่นำมีดในมือ ของอันหลิงหยุนไปวางไว้อีกด้านหนึ่ง

“ข้าก็เพียงพูดเฉยๆเท่านั้น หยุนหยุนอย่าคิด จริงจัง คนคนหนึ่งจะมีเลือดมากมายแค่ไหนกัน หยุน หยุนให้ข้าดื่มเช่นนี้ ไม่นานก็จะทำให้ข้าเสพติด ข้า สามารถควบคุมได้ชั่วคราว ขอเพียงแค่พิษไม่กำเริบก็ พอแล้ว”

อันหลิงหยุนลังเลอยู่ครูหนึ่ง: “ฝ่าบาท เลือดของ หม่อมฉันมีฤทธิ์ในการรักษา แต่ไม่รู้ว่าจะสามา ถอนพิษได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ยาที่ทรงเสวยล้วนมีเลือด ของหม่อมฉันผสมอยู่ แต่พิษก็มิได้ลดลง หมายความ ว่าเลือดของหม่อมฉันทำให้ฝ่าบาททรงอ่อนเยาว์ลง และมีเรี่ยวมีแรง แต่ไม่สามารถถอนพิษให้แก่ฝ่าบาท ได้

อธิบายได้อย่างเดียวก็คือ คนที่วางยา สองวันมานี้ มิได้วางยาเพคะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยิ้ม ปิดตาลงแล้วขานรับหนึ่งคำ

เขาหันหลังไปดูรอยเลือดที่พื้นในวิหารบรรทมรอง ที่ยังมิได้ทำความสะอาด: “ข้ารู้แล้ว”

อันหลิงหยุนยืนใจลอยอยู่ด้านหลังของฮ่องเต้ชิง อยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสถามว่า: “อ๋องเสียนเคยดื่มหรือ ไม่?”

อันหลิงหยุนลังเลสักครู่ : “ก่อนหน้านี้อ๋องเสียนได้ รับบาดเจ็บ ก็เคยให้เขาดื่มเพคะ”

“ดังนั้นที่ช่วงนี้อ่องเสียนดูอ่อนเยาว์กระฉับกระเฉง เป็นพิเศษ เป็นเพราะสาเหตุนี้เองหรือ?” ฮ่องเต้ชิงหยู่ หันหลังกลับ อันหลิงหยุนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปมิได้ นาง ไม่เห็นจะดูออกเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ