ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 210 บุกรุกต้าจงเจิ้งย่าน



บทที่ 210 บุกรุกต้าจงเจิ้งย่าน

หลังจากถึงต้าจงเจิ้งย่วน อันหลิงหยุนลงจากรถม้า เว่ยหลิงชวนอยู่ ณ ประตูทางเข้า เขาหาได้มารออันหลิงหยุนไม่ แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเหตุใดจึงมายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้

ตั้งแต่วันนั้น ที่อันหลินหยุนจากไป ในทุกๆวัน เว่ยหลิงชวนจักออกมา ยืนอยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อเขานึกถึงการกระทำเช่นนั้น ก็นึกตลกตนเอง รอคนที่ไม่สมควร

รอ โง่เง่าเสียนี่กระไร

แต่เขาจักทำสิ่งใด หามีผู้ใดรู้ได้ไม่

ทันทีที่เห็นอันหลิงหยุน เขานั้นตกตะลึงไปชั่วขณะ จึงกล่าวทักว่า “พระชายาเสียน”

อันหลังหยุนพยักหน้ารับ: “โจ่จงเจิ้น”

“พระชายาเสียนมายังที่แห่งนี้ มีสารจากฮ่องเต้หรือไม่ขอรับ?” เว่ย หลังชวนมองดู หากมาที่แห่งนี้ จักต้องนำสารจากฮ่องเต้มาแสดง

อันหลิงหยุนรู้สึกว่ามันไร้สาระ เว่ยหลิงหยุนนี้มีสิ่งใดมากมายกัน อยู่ที่นี่ก็ตั้งนมนาน จักมิให้นางเข้าเฝ้ากงชิงวี่เช่นนั้นรี? ว่ากันว่าผู้หญิงใจร้าย นางนั้นมองว่าผู้ชายใจร้ายกว่าเป็นไหนๆ

หยุนโล่ชวนลงมาจากรถม้า พลางพยุงกงชิงหยินลงมา มือของกงชิง หยินจับมือหยุนโล่ชวนไว้อย่างแนบแน่น ตอนนี้หยุนโล่ชวนนั้นชื่นชม กงชิงหยินอย่างมาก เพราะรู้สึกได้ว่า เขานั้นมีความเป็นลูกผู้ชายเสีย

จริง

“ท่านอ๋องระวังเจ้าค่ะ!”

หยุนโล่ชวนดูแลอย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจักเป็นอันใดไปเสีย อ่องตวนมองไปที่นาง เหตุใดช่วงนี้นางจึงผอมแห้งเช่นนี้หนา

ก่อนหน้ายังมีน้ำมีนวล เพลานี้กลับผอมแห้งไปเสียแล้ว จึงได้แต่นึกโทษตนเองอยู่ในใจ

จวนจี่แห่งตำหนักกั่วกง ก่อนที่จักมาตำหนักอ่องตวนก็ยังดีๆอยู่ แต่ หลังจากที่มาก็กลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว

“ข้ารู้

อ๋องตวนมองไปยังประตูด้านหน้าของต้าจงเจิ้งย่วน เมื่อเห็นเว่ยหลิง ชวนจึงทัก: “โจจงเจิ้น”

เว่ยหลิงชวนหาได้คาดคิดไม่ ว่าอ่องตวนจักมาด้วย จึงรีบกล่าวทัก

“อ่องตวน”

“ข้ามาเพื่อเยี่ยมอ่องเสียน ได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วันเขาจักต้องเข้าคุก ข้าเองนั้นไม่ชอบเข้าไปในคุกเสียเท่าไหร่ จึงได้มาเยี่ยมเขาที่นี่” อ่องตวนเดินนำไป เตรียมตัวที่จะก้าวขาขึ้น เว่ยหลิงชวนก็เข้ามาขัด อ๋องตวนไม่สนใจ เพียงมุ่งหน้าเดินต่อไป

เว่ยหลิงชวนก้าวมาขวางข้างหน้าในทันที: “อ๋องตวน หากมิคำสั่งจาก ฮ่องเต้ ข้าน้อยมิสามารถให้ท่านผ่านเข้าไปได้ขอรับ”

อ๋องตวนมิสนใจ ทั้งยังมุ่งหน้าเข้าไปด้านใน เว่ยหลิงชวนยกมือขึ้น เชิงปฏิเสธเพื่อให้หยุดการกระทำ แต่หาได้มีการตอบสนองใดไม่ ใบหน้าของอ๋องตวนก้มต่ำลง และมองไปที่หน้าอก เว่ยหลิงชวนรีบ

เก็บมือในทันที: “ข้าน้อยมิบังอาจ”

อ๋องตวนเดินนำต่อไป เว่ยหลิงชวนก็เรียกคนมาทันที หยุนโล่ชวน เตะเว่ยหลิงชวนกระเด็นออกไป เว่ยหลิงชวนไม่มีการโต้กลับแม้แต่ น้อย เขาผู้นี้เป็นดั่งกระสอบทรายที่ถูกโยนออกไปแล้วกลิ้งตกลงไปยัง ในประตูใหญ่นั่น

คนของต้าจงเจิ้งย่วนออกมาพร้อมถือกระบองอยู่ในมือ และมุ่งตรง มายังหยุนโล่ชวน

หยุนโล่ชวนกลาวว่า: “เสด็จพี่พระชายาเสียน ท่านพาอ่องตวนไป ข้า จักจัดการกับพวกมันเอง” อันหลิงหยุนหดหูใจ เพราะรู้สึกถึงความผูกพันฉันท์สามีภรรยาของ ทั้งคู่ ที่ดูเหมาะสมกันมาอย่างเนิ่นนาน ราวกับภาพที่เห็นตรงหน้าได้รับ การรังสรรค์ขึ้นมา

อ่องตวนที่ร่างกายไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อออกจากการดูแลของหยุนโล่ ชวนก็ซวนเซจะล้มลง

อันหลิงหยุนตรงไปหาอ่องตวนในทันที พลางจับมือของเขาขึ้นมา อ่องตวนเปล่งเสียงอย่างเยือกเย็น : ไป!” หาได้มีโอกาสที่อันหลิงหยุนจักปฏิเสธไม่ อันหลิงหยุนจำต้องเดินตา

มอ่องตวนอย่างอับจนหนทาง

แต่ก่อน อันหลิงหยุนเคยเห็นเพียงแต่ความโหดร้ายของกงชิง วี่ แต่ ในเพลานี้ อ่องตวนก็ดูไม่ค่อยนุ่มนวลนัก

ขณะที่หยุนโล่ชวนที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านหน้า อ่องตวนก็พาอันหลิงหยุ นไป

ทั้งสองกำลังจะเดินผ่านไป แต่อ่องตวนหันมองคนเหล่านั้น ที่กำลัง ต่อสู้กับหยุนโล่ชวนด้วยสายตาเย็นยะเยือก : “ใครทำร้ายพระชายา รองของข้า ข้าจักประหารมันไปเจ็ดชั่วโคตร

เมื่อได้ยินกันเช่นนั้น จึงหาได้ไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวายไม่

หยุนโล่ชวนดึงคนคนหนึ่งขึ้น และโยนมันออกไปในทันที หันหน้ากลับมาพลางมุ่งหน้าต่อไปยังห้องขัง

หามีผู้ใดเข้ามาขัดขวางหยุนโล่ชวนได้ไม่ อันหลิงหยุนและจึงมาถึงสถานที่ที่กงชิงที่ถูกคุมขังในเวลาอันรวดเร็ว อันหลิงหยุนคาด ไม่ถึงมาก่อนว่า ฝั่งตรงข้ามสถานที่คุมจักเป็นอ๋องชินจง

อ่องตวนผงะไปชั่วขณะเมื่อเห็นอ๋องชินจง แววตาแปรเปลี่ยนเป็น ดุดัน

อันหลิงหยุนรู้สึกจนปัญญาเหลือเกิน ในอดีตนั้นเป็นพี่น้องเพื่อนพ้อง คนสนิทกัน ในเพลานี้สมควรแก่การหยุดความบาดหมางต่อกันได้แล้ว สวรรค์ก็กลั่นแกล้ง อันหลิงหยุนเกรงว่าอ่องตวนจักบันดาลโทสะแก่อ่องชินจนเสียก่อน นางจึงเดินเข้าไปพยุงอ่องตวนไว้”อ่องตวน ท่านนั้นมาเพื่อเยี่ยมอ่อง เสียน ข้าก็เข้ามาเพื่อเยี่ยมอ่องเสียน ไม่ว่าจักเป็นผู้ใด จำต้องมีพวกเรา หนึ่งคนกันตัวซายารองหยุนไว้ มิให้ชายารองหยุนเข้ามาเห็นว่ามีผู้ใด อยู่ด้านในนี้นะเจ้าคะ คนจิตใจอ่อนโยนเช่นชายารองหยุนจักเป็นกังวล อีกแน่เจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นอ่องตวนคิดบางสิ่งขึ้นได้ จึงใช้โอกาสที่อ่องชินจงยังไม่ลุก ขึ้นมานี้โดยไม่ลังเล: “ท่านไปเถิด”

พูดจบอ่องตวนหอบสังขารอันแสนเจ็บปวดไป เฉกเช่นคนเพิ่งฟื้น คืนชีพหลังได้ดื่มเลือด และเดินไปด้านนอกด้วยความร้อนรน มิเหมือน กับคนที่กำลังป่วยเลยแม้แต่น้อย

หยุนโล่ชวนที่เข้ามาแล้ว ได้เห็นอ่องตวนอยู่ ณ ประตูทางเข้า อ่องต วนแสร้งซวนเซจวนจะล้มลงบนพื้น หยุนโล่ชวนรีบเข้ามาพยุงอ๋องตวน ทันควัน อ่องตวนที่อ่อนแรงโน้มตัวลงในอ้อมแขนของนาง หยุนโล่ชวน รับอ่องตวนด้วยแขนทั้งสองข้าง พลางโอบกอดร่างของเขาเอาไว้

แม้ว่าเว่ยหลิงชวนอยากจะเดินไปข้างหน้า ก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่ปาก ประตู เนื่องจากเห็นคนสองคนกำลังโอบกอดกันและกัน จึงไม่สามารถ เดินผ่านไปได้

ประการแรก เพราะเว่ยหลิงชวนผู้นี้ ให้ความสำคัญกับการมีมารยาท

และเขาเป็นผู้ที่เคร่งครัดในความสุภาพ สามีภรรยากำลังกอดกันอยู่ หากเขาพาคนเข้ามาคงเป็นการไร้ มารยาท

ประการที่สอง เขาก็อยากให้อันหลิงหยุนเข้ามา แม้ว่าเขาจักไม่ เต็มใจที่จะเปิดประตูให้นัก แต่ในคราก่อนหน้านี้หาได้ให้อันหลิงหยุน ได้เยี่ยมเยียนกงซิงพี่ไม่ เว่ยหลิงชวนรู้สึกเสียใจ

อ๋องเสียนเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขาคงคิดว่าจักไม่ เป็นอันใด แต่คิดไม่ถึงว่าพออันกั๋วจิ้วมาที่นี่ หลังการสอบสวน การ ตัดสินโทษกลับกลายเป็นทวีคูณ และการจำคุกหนึ่งปีของอ่องเสียนนี้ ก็เป็นดั่งการทำร้ายตัวเขาเอง

ไปด้วย

เว่ยหลิงขวนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ

อันหลิงหยุนกวาดสายตาไปรอบๆ ถึงแม้มันจักเป็นกุญแจโบราณ แต่หาใช่เรื่องยากเย็นสำหรับนางไม่

เมื่อพบสิ่งที่ใช้สะเดาะกุญแจได้ นางก็สะเดาะกุญแจพลางเดิน เข้าไป

ภายในห้องขังนั้นไม่ได้เลวร้ายมากมาย เนื่องจากเป็นสถานที่ สำหรับคุมขังสมาชิกในราชวงศ์

ด้านในมีเตียงหนึ่งเตียง ด้านบนมีวัชพืชจำนวนหนึ่ง นึกภาพไม่ออก เลยว่ากงชิงวี่ผ่านพ้นสองวันที่ผ่านมาได้เช่นไร ในห้องนอนที่อบอวล ไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ แต่แล้วอันหลิงหยุนก็ได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยว หยด น้ำตาก็ไหลรินออกมา

ในเพลานี้กงชิววี่นอนราบอยู่ตรงนั้น เนื้อตัวสกปรกไปหมด เฉกเช่น ว่าผ่านช่วงเวลาแสนโหดร้ายมา

อันหลิงหยุนก้าวต่อเพียงไม่กี่ก้าว กงชิงวีที่ได้ยินเสียงการ เคลื่อนไหว จึงลืมตาขึ้นมาพลางลุกนั่งในทันที

“หลังหยุน”

น้ำตาที่อันหลิงหยุนกลั้นไว้ก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตาของนาง ใบหน้าที่เปียกปอน พลางกัดริมฝีปากด้วยความอัดอั้นใจ

นางไม่ใช่คนที่อ่อนต่อโลกเช่นนั้น มีเพียงเรื่องหนักหนาสาหัสเท่านั้น

ที่ทำให้นางร้องไห้ออกมาได้ แต่เมื่อได้เห็นกงชิงวี่ในสภาพเช่นนี้ จึงไม่สามารถกักกลั้นน้ำตาต่อ ไปได้

กงชิงวีลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พลางสงบจิตสงบใจ และคิดหา ทางออก เมื่อพิจารณาก็พบทางออก แต่ขณะที่เห็นอันหลิงหยุนกำลัง ร้องไห้ ในใจของกงชิงวี่ก็กระวนกระวายไปหมด ร้องห่มร้องไห้ใจจะขาดเช่นนี้ ถูกผู้ใดรังแกมาอย่างนั้นรี?

ก้าวต่อเพียงสองสามก้าว กงชิงวี่ก็โอบกอดอันหลิงหยุนไว้ น้ำตา พรั่งพรูอย่างหนักหน่วงจนเสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

กงซิงที่ถูกผู้ที่กำลังร้องไห้โผเข้าหาอย่างกระวนกระวาย เขาจึง จุมพิตใบหูของอันหลิงหยุน และโอบกอดปลอบประโลมนางไปพร้อมๆ กัน พระเจ้าก็รู้ว่าเขาไม่เก่งในเรื่องนี้

อันหลิงหยุนร้องไห้อยู่พักใหญ่แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ในขณะที่กงชิงวี่ก็ ไม่รู้วิธีการปลอบผู้อื่น เขาจึงเชยคางอันหลิงหยุนขึ้น พลางก้มหน้าลม จุมพิตลงบนริมฝีปากอย่างนุ่มนวลเพื่อให้นางมิร่ำไห้ออกมาอีก

อันหลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าหลังจากโดนจุมพิตอย่างกะทันหัน และนางก็ยอมรับเลยว่ารสจูบของกงขิงวี่นั้นดีมากเหลือเกิน

เมื่อเห็นว่านางหยุดร้องไห้แล้ว กงชิงวี่ผละตัวออก พลางเช็ดคราบ น้ำตาบนใบหน้าของอันหลิงหยุน: “ผู้ใดรังแกเจ้าอย่างนั้นรี?”

เดิมที่อันหลิงหยุนจะบอกว่ามิได้มีผู้ใดรังแกนาง แต่เมื่อคิดถึงความ รู้สึกของกงชิง วี่ หากอยากจะออกไปให้เร็ว ก็จำต้องจุดไฟขึ้นมา

ไม่ว่าจักด้วยเหตุผลใด นางก็ไม่อยากอยู่ในที่แห่งนี้

และนางหาเชื่อไม่ว่า กงชิงวินั้นไม่มีความสามารถมากพอที่จะออก ไปได้

แต่แล้ว..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ