ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 213 องค์หญิงใหญ่มาเยือนพระราชวัง



บทที่ 213 องค์หญิงใหญ่มาเยือนพระราชวัง

อันหลิงหยุนรอให้คนออกไปจากนั้นก็นั่งลงไปอย่างเงียบๆ พอเห็น กงซิงที่ถูกพิษนางก็รู้สึกผิด เรื่องนี้เป็นความผิดของตัวนางเอง

เมื่อตอนที่ตรวจดูชีพจร ถึงแม้เขาจะถูกพิษ แต่กลับมิได้มี บาดแผลอันใด เข็มเงินของนางได้ฝังเข้าไปยังใกล้ๆหัวใจ หัวใจของ เขาค่อยๆกลับมาเต้นตามเดิม ตรงจุดนี้สามารถดูได้จากเลือดที่ไหล ออกมา

มีความมั่นใจพวกนี้ อันหลิงหยุนจึงสามารถวางใจได้

นั่งไปหนึ่งชั่วยาม อันหลิงหยุนนอนพักด้วยความง่วงไปหนึ่ง พอได้ยินเสียงหายใจอ่อนๆอันหลิงหยุนจึงค่อยๆลืมตาขึ้น ตอนนี้กง วีที่อยู่ถังไม้กำลังมองอันหลิงหยุนอยู่

พอเห็นนางตื่นขึ้นมาจึงยิ้มแล้วก็หลับตาลง

อันหลิงหยุนรีบลุกขึ้นมาดูเขามิเป็นอันใดทำให้อันหลิงหยุน โล่งอก

“มานี่หน่อย”อันหลิงหยุนร้องตะโกนให้คนเข้ามา

หมอหลวงปู่พอเห็นว่ากงชิงวี่เริ่มหายใจปกติ ก็ดีใจจนน้ำตาไหล วิตแก่ๆของเขาถือว่ารอดพ้นอันตรายแล้ว

กงชิงที่ถูกดึงขึ้นมาจากน้ำแล้วพยุงไปที่เตียง อันหลิงหยุนเช็ดตัว ของเขาจนแห้งแล้วก็เอาเขานอนลง องค์หญิงใหญ่เข้ามาข้างในพอ เห็นว่าเขามิเป็นไรก็รู้สึกโล่งอก แต่พอเห็นแขนของเขามีผ้าขาวพันไว้ อยู่ แถมยังมีเลือดติดอยู่จึงรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “ทำไมถึงมีเลือด ออก?”

หมอหลวงปู่รีบทำการอธิบาย ร่างกายที่ถูกพิษเลือดจะแข็งตัว พระ ชายาแค่กรีดแขนเพื่อให้เลือดไหลออกมา แล้วก็สูบเลือดพวกนั้นออก

มา”

“องค์หญิงใหญ่ทำหน้ามิเข้าใจอย่างชัดเจน หมอหลวงสู่จึง อธิบายการทำงานของเม็ดเลือด แต่องค์หญิงใหญ่ก็ยังคงทำหน้ามิ เข้าใจอย่างชัดเจน

“มิเป็นไรก็ดีแล้ว ออกไปกันเถอะ อย่าไปรบกวนพวกเขา”องค์หญิง ใหญ่ออกประตูไปก่อน เหลือไว้เพียงแค่อันหลิงหยุนกับกงชิงวี่

กงชิงวี่ค่อนข้างที่จะอ่อนแอ แต่มือของเขาพอถูกอันหลิงหยุนกุมไว้ก็

มีการขยับอยู่นิดหน่อย

อันหลิงหยุนรู้แล้วว่ากงชิงวี่มิเป็นอันใดแล้ว จึงมีต้องเป็นห่วงอีก

“ให้หมอหลวงปู่กลับไปรายงานกับหมอว่า อ่องเสียนได้สติแล้ว แต่ หลังจากนี้ยังมิรู้ว่าจะกลับมาฟื้นตัวเมื่อไหร่”

หมอหลวงฮู่อยากจะกลับไปตั้งแต่ตอนนี้ กลับตอนนี้ยังมีผลงานอยู่ ถ้ากลับไปช้ากล้วว่าจะไม่เหลืออันใด

“อย่างนั้นข้าขอกลับวังก่อน”หมอหลวงสู่กล่าวลาอันหลิงหยุนตรวจ ร่างกายของกงชิงวีดูอีกรอบ พบว่าตอนนี้หัวใจของกงชิงวี่เต้นอย่าง แข็งแรง มีเพียงแค่มิเป็นอันใด เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้รู้สึกว่ามันแข็ง แรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ

อันหลิงหยุนมองไปยังประตู ข้างนอกรู้สึกเหมือนจะยังมีคนอยู่ ดู เหมือนยังต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก

อันหลิงหยุนเองก็เหนื่อยมิน้อย กงชิงวี่มิเป็นอันใดแล้วนางจึงนอนอยู่ ข้างๆ ผ่านไปสักผ่านก็หลับไป

ตอนนี้องค์หญิงใหญ่กำลังมองดูอยู่จากข้างนอก เว่ยหลิงชวนพูดว่า “เช้าวันนี้พระชายาเสียนและอ่องตวนกับหยุนโล่ชวนได้มาที่นี่ ถ้าเกิด ตรวจสอบขึ้นมา พวกเขาก็ต้องมีความเกี่ยวข้องด้วยแน่ แต่ข้าตรวจ เจออย่างอื่นอยู่นิดหน่อย”

“พูดมา”

องค์หญิงใหญ่พูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา นี่เป็นครั้งแรกที่เว่ยหลิงชวน เห็นองค์หญิงใหญ่แสดงท่าทีแบบนี้

“คนที่ทำหน้าที่ส่งอาหารได้หายไปคนหนึ่ง” เว่ยหลิงชวนรู้สึกว่าได้ ว่าเรื่องนี้ต้องมีธรรมตา คนที่ทำหน้าที่ส่งอาหารทำงานมาเป็นสิบๆปี ทำไมถึงหายไปได้ล่ะ?

“ครอบครัวล่ะ?”

“ครอบครัวล้วนหายไปหมด”

เว่ยหลิงชวนพูดต่อว่า

องค์หญิงใหญ่ได้กุมมือทั้งสองไว้ด้วยกัน แขนเสื้อที่กว้างใหญ่ได้ คลุมมือของนางเอาไว้

“ครอบครัวของเขาเคยไปติดตามหรือมีความสัมพันธ์กันใครไหม?”

“ตรวจสอบแล้ว ตรวจไม่เจอ รู้แค่ว่า ครอบครัวของเขาจู่ๆก็ขายที่ดิน” “อย่างนั้นรี รีบไปจับตัวมา”สายตาขององค์หญิงใหญ่เริ่มมีดมืน “ปิด ประตูใหญ่ อย่าให้ใครเข้าออก ถ้าเกิดใครเข้ามาด้วยที่มิได้รับอนุญาต

ประหารให้หมด! ”

เว่ยหลิงชวนตกใจไปครู่หนึ่ง เงยหน้ามององค์หญิงใหญ่ “ขอรับ” องค์หญิงใหญ่หันกลับไปมองห้องแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันตัวกลับไปที่ ห้องของนาง

เว่ยหลิงชวนมององค์หญิงใหญ่ที่แปลกไปจากทุกที่ แล้วก็ไปปิด

ประตู

องค์หญิงใหญ่ได้เปลี่ยนเป็นชุดราชสำนัก แล้วก็เดินออกมาจากห้อง เว่ยหลิงชวนมิเข้าใจนิดหน่อย รีบไปหาองค์หญิงใหญ่ “จงลิ่งนี่คือ?”

“ข้าต้องการจะเข้าไปในวังเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ก่อนข้าจะกลับ มา มิว่าใครจะมา ก็อย่าปล่อยให้เข้าไปข้างใน

“ขอรับ”

องค์หญิงใหญ่ได้เตรียมรถม้าที่ใช้เดินทางไว้เรียบร้อย ขึ้นรถแล้วก็ มุ่งหน้าไปยังวังหลวง รถม้าของเส้นเฉิงเสี้ยงเองก็ออกมาจากจวนเฉินเสี้ยง ระหว่างทางก็

เจอกับรถม้าขององค์หญิงใหญ่ เสินเฉิงเสี้ยงเรียกให้คนหยุด รอให้รถ ม้าขององค์หญิงใหญ่ผ่านไป เขาถึงตามไป

รอจนถึงประตูทางเข้าของวังองค์หญิงใหญ่ก็ลงมาจากรถม้า มีกลุ่ม คนรอต้อนรับอยู่ที่ประตูทางเข้าวัง

เพียงแค่แวบเดียวองค์หญิงใหญ่ก็หาแม่ทัพอันเจอ แม่ทัพอันในตอน นี้สีหน้ามิค่อยดีเท่าไหร่ ลูกเขยของเขา กลับถูกคนลอบทำร้ายด้วย การวางยาพิษ ตอนแรกเขากะจะไปคิดบัญชีกับพวกเขาที่ สำนัก….สำนักอ๋องจง แต่ฮ่องเต้บอกเขาว่า เขาได้สติแล้ว

แม่ทัพอันยืนอยู่ข้างๆ กำลังรอที่จะเสด็จเข้าวัง

อันกั่วกงเองก็อยู่ อ่องจุ้นหย่ง กั่วจิ้วใหญ่ กั่วจิ้วน้อย ราชครูจุน..

คนที่ควรมาก็มากันครบแล้ว

องค์หญิงใหญ่มองแม่ทัพอันไปแวบหนึ่ง ปัญหานี้ยากที่จะหลบหลีก จึงเดินเข้าไปหา

“เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของข้า ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้

เอง”

ใบหน้าของแม่ทัพอันแดง ก่ำ เรื่องนี้มิว่าใครจะเป็นคนมาขอรับผิด ซอบเขาก็กะจะมีเอาความแล้ว ยิ่งถูกองค์หญิงใหญ่พูดแบบนี้ ความ โกรธของแม่ทัพอันก็ได้สลายหายไป

“ต้องรบกวนองค์หญิงใหญ่แล้ว”

รอมาครึ่งวันกว่าแม่ทัพอันจะพูดมาหนึ่งประโยค

องค์หญิงใหญ่กลืนน้ำลายลงคอ มองคนที่อยู่รอบๆ หันตัวแล้วพูดว่า “ตอนนี้กี่ยามแล้ว?”

“เกิงที่สอง!”

“ไปกราบทูลฮ่องเต้ บอกว่าข้ามีเรื่องจะกราบทูล” ขันที่น้อยตกใจจนตัวสั่น เรียก?เรียกฮ่องเต้?

ขันทีน้อยวิ่งออกไปรวดเร็วยิ่งกว่ากระต่ายซะอีก รีบไปกราบทูลให้ ฮ่องเต้ทราบ ระหว่างทางก็เจอกับคนที่กำลังจะไปเข้าเฝ้าหวางฮองไทเฮา

หวางฮองไทเฮาตอนนี้ยังมิได้พักผ่อน มีเรื่องเกิดขึ้นกับลูกชาย นาง เองก็นอนมิหลับ ถึงแม้จะมีคนมารายงานแล้วว่ามิเป็นไรแล้ว แต่ก็ยัง เป็นห่วงอยู่ดี

นี่มิใช่อ่องตวน นางจึงออกไปมิได้

ถึงแม้นางจะเป็นฮองไทเฮา แต่ก็ยังมีสิ่งที่นางมิสามารถทำอันใดกับ มันได้

ฮ่องเต้ชิงหยู่วันนี้ทรงเสด็จประชุมเร็วกว่าปกติ เพียงเพราะการ

ปรากฏตัวขององค์หญิงใหญ่

“หม่อมฉันขอถวายบังคมฝ่าบาท”องค์หญิงใหญ่โค้งตัว มีอทั้งสอง ยื่นไปด้านหน้า

ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าว “องค์หญิงใหญ่ทำตัวตามสบาย”

คนที่เหลือต่างก็ค่อยๆก้มหัวทำความเคารพ ฮ่องเต้ชิงหยู่สะบัดมือ เป็นการบอกให้ลุกขึ้นได้

เหล่าขุนนางแยกออกเป็นสองฝั่ง องค์หญิงใหญ่พูดว่า “กราบทูล ฮ่องเต้ หม่อมฉันมีหนังสือมาให้ท่านเพคะ”

เอามาดู”

สวีกงกงได้ยื่นหนังสือไปให้ ฮ่องเต้ชิงหยู่เปิดขึ้นมาอ่าน “องค์หญิง ใหญ่ต้องการจะบอกว่า ครั้งนี้ที่อ่องเสียนโดนวางยาพิษมีความ เกี่ยวข้องกับราชนิกุลอย่างนั้นรึ?”

“หม่อมฉันได้ตรวจสอบดูแล้ว จะต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่าง แน่นอน”

“แต่เรื่องนี้ยังมีมีหลักฐานเลย..”

“ฝ่าบาท ข้าจับคนเคยมีครั้งไหนที่ต้องการหลักฐานด้วยอย่างนั้นรี? อ่องเสียนถูกคุมขับอยู่ที่ต้าจงเจิ้งย่วน เกิดเรื่องขึ้นแน่นอนว่าต้าจง เจิ้งย่วนต้องเป็นคนรับผิดชอบ อ่องฉินหลงตายในเงื้อนมือของอ่องเสีย น มีมีทางที่พวกเขาจะมีเคียดแค้น?

อ่องเสียนมิมีศัตรูที่ไหนอีก คนที่ข้านึกถึงมีเพียงแค่ราชนิกุล” “ต่อให้เป็นแบบนี้ แต่ราชนิกุลมีคนเยอะขนาดนี้ ควรจะตรวจสอบ

ใครดี?”

“อ๋องฉินหรงมีอยู่แล้ว ยังมีทันได้จัดงานศพ ข้ากำลังคิดอยู่ว่าทำไม พวกเขาถึงมิจัดงานศพ? พรุ่งนี้ข้าจะเป้าประกาศว่าอ่องเสียนได้สิ้นใจ ไปแล้ว ถ้าเกิดท่านอ๋องเจ็ดได้จัดงานศพให้กับลูกชายของเขา ก็ยังหา ว่าข้ามิไว้หน้าพวกเขา”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ต้องลุกขึ้นแล้วเดินลงมาจากเก้าอี้มังกร คนที่อยู่ตรง หน้าก็มีมีกี่คน

ฮ่องเต้ชิงหยู่ลงมาจากบัลลังก์แล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าขององค์หญิง ใหญ่ “ท่านป่าทำให้ข้าตกใจมากรู้ไหม หลายปีที่ผ่านมาท่านป้าเรียก ตัวเองว่าข้ามาโดยตลอด เมื่อกี้ท่านป่าเรียกตัวเองว่าหม่อมฉัน ทำข้า เหงื่อไหลท่วนตัว ตอนแรกข้าคิดว่าท่านป้าจะโกรธข้าแล้วสักอีก?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทำอันใดมิถูก แล้วก็ทำหน้าราวกับเด็กน้อย องค์หญิงใหญ่พอเห็นแบบนี้ “ฮ่องเต้ ร็จะปล่อยเรื่องนี้ไปยังนี้อย่าง นั้นรี?”

“ท่านป้า ข้าเองก็หวังจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน อ่องเสียนเป็น น้องชายของข้า ข้าเองก็ร้อนรน แต่เรื่องนี้อ่องชินหรงเองก็มิอยู่แล้ว ถ้า เกิดบีบบังคับแสวยไปมันจะ…

“ข้าเองก็อยากจะเห็นว่า พวกเขาจะทำอันใดข้าได้ ข้ามิคิดว่าการ ตายของฮ่องชินหรงจะเป็นฝีมือของอ๋องเสียน ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริง ข้าก็ยินดีที่จะยกอ๋องเสียนให้พวกเขาจัดการ มิจำเป็นต้องเอาไปขังไว้ ที่ต้าจงเจิ้งย่วนด้วยซ้ำ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ