ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 221 คนเช่นที่หยุนจิ้นเป็น



บทที่ 221 คนเช่นที่หยุนจิ้นเป็น

พ่อบ้านไม่ว่าอันใดล้วนมองไม่ออก อันหลิงหยุนไม่ได้แสดงท่าที ใดๆทั้งสิ้น พ่อบ้านจึงทำได้เพียงไปเรียกหญิงสาวด้วยความแค้นใจ

หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดไว้ทุกข์สีขาว ตอนที่นางมาได้กวาดตามอง สำรวจในลานบ้าน พลางเดินตรงไปรอที่ประตูทางเข้าห้องยาของอัน หลิงหยุน

หงเถา ลู่หลิว ทั้งสองคนต่างจ้องมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า นาง ซางดูดีจริงๆ พระชายาทรงนำตัวหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มาที่จวน ไม่ เข้าใจจริงๆว่าทรงมีความคิดเช่นไร

ไม่เกรงว่านานวันเข้า ท่านอ๋องอาจมีความคิดเป็นอื่น?

ตอนนี้ ผู้คนในจวนบางส่วน ต่างกำลังคิดพะวงถึงเรื่องของสาวงาม ผู้นี้ตลอดทั้งวัน

“พระชายา คนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านทูลรายงาน อันหลิงหยุนจึง ค่อยเอ่ยคํา เรียกคนเข้ามา

พ่อบ้านเฒ่าผลักเปิดประตู คนจึงเดินตามเข้าไปด้วย

ประตูปิดลง หญิงสาวมองสำรวจในห้องอยู่ครู่หนึ่ง อันหลิงหยุนอยู่ที่ตู้ยาเอ่ยถามว่า “เจ้าชื่ออันใด”

อดีตผ่านพ้นไปแล้วไม่มีอยู่ ชื่อก็ย่อมไม่จำเป็นแล้วเช่นกัน พระ ชายาทรงโปรดตั้งสักชื่อเกิด

หญิงสาวเฉยเมยเย็นชา ไร้ซึ่งความกระตือรือร้น คนก็มีท่าทาง สุขมหนักแน่นจนเห็นได้ชัด

อันหลิงหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง : “หยุนจีนแล้วกัน”

“หยุนจิ่น!”

หยุนจิ่นเงยหน้าขึ้น อันหลิงหยุนหันกายกลับมา: ” ลืมสิ่งที่ควรลืม จำสิ่งที่ควรจำ ท้ายที่สุดเวลาย่อมต้องผ่านไปเข้าหวังว่าในอนาคตเจ้า จะไม่เพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้น กระทำสิ่งใดที่ไม่จำเป็น ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้ โดยไม่เปลืองแรงในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งจะไม่เป็นการเสียแรงเปล่าที่ เจ้าและข้าได้มารู้จักกัน”

” เพื่อเจ้านายแล้ว หยุนจิ๋นเต็มใจบุกน้ำลุยไฟ ไม่ปฏิเสธแม้ต้อง ตายเป็นหมื่นๆครั้ง. ” หยุนจีน ยกกระโปรงขึ้น คุกเข่าลง อันหลิงหยุนมองไปที่หยุนจิ่นครู่หนึ่ง

เป็นคนฉลาดและชัดเจนมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

ทั้งๆที่รู้ว่านางคือพระชายา แต่เรียกนางว่าเจ้านาย

เห็นได้ชัดว่านางได้ยกให้นางเป็นเจ้านาย ไม่ว่ามีฐานะใดนางล้วนไม่ ใส่ใจทั้งสิ้น

อันหลิงหยุนลังเลอยู่ชั่วครู่ “เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่า หากมีสิ่งใด เพียงเอ่ยตอบก็พอ ข้าไม่ชอบคุกเข่าให้ผู้อื่น อีกทั้งไม่ชอบผู้อื่นคุกเข่า ให้ นอกจากนี้ ข้ามีสิ่งที่สำคัญมากให้เจ้าไปทำ ถือเสียว่าเป็นการ ลองใช้ความสามารถของเจ้าดู”

เจ้าค่ะ หยุนจิ่นรับทราบ” นางลุกขึ้นจากพื้น พลางมองไปยังอัน

หลิงหยุน

อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พวกนางล้วนเป็นคนแปลกหน้า แต่ในสายตากลับเหมือนดั่งว่า มีจิตใจที่ผูกพันต่อกันและกันมานาน แสนนานแล้ว

“เจ้ารู้จักจานอ๋องเจ็ดหรือไม่?” อันหลิงหยุนไม่ร่ายยาว กล่าวกระชับ ใจความสั้นๆ เอ่ยถามออกมาตรงๆ

หยุนจิ๋นลังเลอยู่ชั่วครู่ “รู้จักเจ้าค่ะ”

อืม จวนอ่องเจ็ดกับข้า มีบุญคุณความแค้นบางอย่างต่อกัน ข้าไม่ อาจอธิบายได้ละเอียด ในจวนอ๋องเจ็ดมีเด็กคนหนึ่ง อายุหกขวบ เป็น บุตรที่เกิดจากเมียน้อยจึงไม่มีหน้าไม่มีตาในสังคม เขาคือบุตรชาย ของอ่องเจ็ด ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นคนสุดท้องหรือไม่ เจ้าลองไปดูว่า สามารถพาเด็กออกมาได้หรือไม

อันหลิงหยุนมีคำสั่งหยุนจีนจึงรับคำโดยทันที

“หยุนจิ่นจะรีบไปเดี๋ยวนี้ เจ้านายโปรดรอสักครู่

“เจ้าและข้ามีเวลาไม่มาก ข้ามีเวลาเพียงวันเดียว หากว่าไม่ได้ผล ให้รีบกลับมาทันที แล้วค่อยมาวางแผนกันใหม่ภายหลัง”

” หยุนจิ่นทราบเจ้าค่ะ”

หยุนจิ้นหมุนกายจากไป อันหลิงหยุนรอจนนางจากไ ล้ว จึงหมุน กายไปทําธุระต่อ

ไม่รู้เพราะเหตุใด นางรู้สึกว่าหยุนจิ่นต้องทำได้

หยุนจิ่นออกจากลานโอวหลานไป หงเถา ลู่หลิว ต่างพากันแปลกใจ หรือจะเป็นไปได้ว่า ในเวลาอันรวดเร็วเพียงแค่นี้ก็ถูกไล่ออกไปเสีย แล้ว?

พระชายาคงเข้าพระทัยดีว่า สาวงามเช่นนี้จะเก็บไว้ให้อยู่ในจวน

ได้กระไรกัน!

พ่อบ้านถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปฏิบัติต่อนางอย่างมีไมตรี พูดจาไพเราะระรื่นหู ไปส่งหยุนจีนจนถึงประตูยืนส่งจนนางเดินจากไป ภายในจวนหวนคืนฟื้นฟูสู่ความเงียบสงบ เพียงไม่นานหยุนจิ๋นก็มา

ถึงจวนอ่องเจ็ด ใช้เวลาไม่น้อยจึงเข้าไปได้ หยุนจีนรออยู่นอกประตูเป็นเวลาหนึ่ง

ชั่วยาม

ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามนี้ มีผู้คนเข้าบ้างออกบ้างจำนวนไม่น้อย หยุนจิ่นสังเกตเห็นคน ๆ หนึ่ง

บุตรชายคนรองของอ๋องเจ็ดกงชิงชวนเย่ กงชิงชวนเย่เป็นบุตรที่ เกิดจากเมียหลวง มารดาของเขาสูงศักดิ์ไม่น้อย เดินเข้าๆออกๆดู แล้วยุ่งมากจริงๆอายุยังไม่มากดูเหมือนว่าประมาณยี่สิบต้น ๆ

หลังจากตัดสินใจแล้ว หยุนจีนจึงหาโอกาสเข้าประชิดตัว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยอาการขวัญหนีดีฝ่อ ชนโดนคนเข้าก็เดิน จากไปเลย

กงชิงซวนเย่หีนกายกลับมาเห็นนางเข้า ร่างกายเคลื่อนไหวโดย ธรรมชาติตามขึ้นไป: “คุณหนูท่านนี้!

หยุนจิ่นไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง นางยังคงเดินไปข้างหน้าเช่นเดิม สองตาดูไร้ความรู้สึกและจิตวิญญาณ

กงชิงชวนเย่ยังไม่ได้แต่งงาน เคยมีคนพูดเสนอเรื่องนี้บ้างแล้ว แต่ วิสัยทัศน์ของเขากว้างไกล สายตาล้ำลึก หญิงสาวธรรมดาล้วนไม่ อาจเข้าไปอยู่ในสายตาเขาได้ นี่จึงทำให้ท่านอ๋องเจ็ดปวดหัวยิ่งนัก

เมื่อไหร่กันที่กงชิงซวนเย่เคยถูกผู้หญิงเมินเฉยใส่ ตระกูลของเขา เป็นถึงราชนิกูล อีกทั้งตัวเขาเองก็เป็นเหมือนดั่งต้นไม้หยก เป็น ธรรมดา ที่จะมีหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนมารุมล้อม นิยมชมชอบเขา

มองคนเดินจากไป กงชิงซวนเย่จึงตามไปด้วยทันที

หยุนจิ่นเดินไปได้ราวร้อยเมตร ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ นางเป็นคนที่งดงาม อาจดูเรียบๆไม่ฉูดฉาด แต่กลับโดดเด่นเหนือ กว่าสาวใดที่เขาเคยพบ เป็นธรรมดา ที่หัวใจของกงชิงซวนเยจะเริ่ม สั่นไหวเต้นระรัว

เพิ่มเติมท่าทางไม่สนใจสิ่งรอบข้างเข้าไป กงชิงชวนเย่ก็ยิ่งมี อาการหัวใจคันยุบยิบๆ

หลังจากเดินไปได้อีกสักระยะ หยุนจิ๋นก็ถอนใจ เมื่อไปถึงใต้เชิงกำแพง จึงเป็นลมล้มลงไป

กงชิงชวนเย่ซ่อนตัวคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน มือไม้ยุ่งเป็นระวิงร้อง เรียก: “สาวน้อย สาวน้อย….”

รอบด้านล้วนไร้ผู้คน กงชิงชวนเย่จึงอุ้มนางกลับไปยังลานหลังจวน อ๋องเจ็ด

ทันทีที่คนรับใช้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งถูกอุ้มกลับมา จึงรีบร้อน สอบถาม แต่กลับถูกกงชิงชวนเยยับยั้งไว้ เขาไม่ต้องการถูกใคร รบกวน

ตอนที่หยุนจิ๋นลืมตาตื่นขึ้นมา นางนอนอยู่บนเตียงยาวค่อนข้าง เตี้ย ในห้องห้องนั้นช่างงามวิจิตรหรูหรา มีชั้นหนังสือที่ทำจากไม้หอม มีรูปวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา ที่ฝั่งตรงข้ามมีโต๊ะตัวหนึ่ง ด้านบนมีภาพวาด สถานที่ที่มีนกร้องเพลง ดอกไม้แย้มบานรับฤดูใบไม้ผลิอยู่หนึ่งภาพ

“ เจ้าตื่นแล้ว?”

ขณะที่กำลังมองรอบตัว พลันมีคนถามนาง

หยุนจิ้นหั่นกายกลับไปมอง กงชิงชวนเย่สวมเสื้อคลุมสีม่วงงดงาม มีช่อดอกไม้บนหน้าอก ดูหล่อเหลาและเงียบสงบ

หยุนจิ๋นลังเลสองจิตสองใจ คิดแล้วคิดอีกจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน นางค้อมตัวคำนับ: “หยุนจิ่นละลาบละล้วงแล้ว ข้าไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ ได้กระไร ขอคุณชายโปรดบอกให้รู้ด้วย”

กงชิงซวนเย่มองสำรวจหยุนจิ้นอย่าละเอียดลออ เอ่ยถามด้วยรอย

ยิ้ม “เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?

“…” หยุนจิ่นไม่ตอบคำถาม มองไปรอบ ๆอย่างลุกลี้ลุกลน

“เจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าเป็นลมอยู่ข้างนอก ที่นี่คือบ้านของข้าเอง ข้า ไม่รู้ว่าจะส่งเจ้าที่ไหน จึงได้พาเจ้ากลับมา”

“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ หยุนจีนควรกลับไป ….แล้ว ” หยุนจี่ นมีท่าทางทำอันใดไม่ถูกอย่างชัดเจน

กงชิงซวนเย่จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าจะกลับไป เหตุใดเจ้าจึงทำท่าทาง ตื่นตระหนกเสียขวัญเช่นนี้?”

.…….….…. หยุนจิ่นนิ่งเงียบไม่ปริปาก

“ในจวนแห่งนี้เรียกข้าว่าท่านชายสอง หากเจ้ามีตรงไหนที่ต้องการ ความช่วยเหลือ บอกกับข้าได้ไม่ต้องเกรงใจ”

หยุนจีนสายหัวเป็นพัลวัน: “ไม่มีเจ้าค่ะ”

“แต่ข้าดูๆแล้ว เจ้าคล้ายว่าจะมี” * หยุ่นจิ่นค่อยๆมองไปที่กงชิงชวนเย่ ทันที่เขาเห็นนางมองมา ทั้งปากทั้งหัวใจรู้สึกติดขัดรัดแน่นไปหมด

“หากมีอันใดจงบอกข้ามา ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

นี่จึงทำให้หยุนจั่นเอ่ยออกมาว่า: “ข้าหลบหนีออกมา”

“หลบหนี?”

“อื้ม เดิมทีข้าไม่ใช่คนที่นี่ บ้านข้าอยู่ไกลจากที่นี่มาก ข้าไม่รู้ว่ามา ถึงที่นี่ได้กระไร แต่ห่างจากที่นี่ออกไปมีสถานที่แห่งหนึ่งเรียกว่า ซึ่งยู่ ฟาง ข้าถูกส่งไปที่นั่น พวกเขาให้ข้าเรียนรู้ศิลปะทั้ง 4 ทั้งพิณ หมาก รุก เขียนอักษรและวาดภาพ ต้องการให้ข้าไปต้อนรับปรนนิบัติผู้คน ข้าไม่ยินยอมจึงทุบตีทำร้ายข้าทุกวัน”

“ข้ามาที่นี่ เดิมทีคิดเพียงต้องการหางานทำที่พอเลี้ยงปากท้องตัว เองได้ หลังจากไปมาหลายแห่ง เจ้านายหญิงล้วนไม่ชอบหน้าข้า เอาแต่เรียกข้าว่านางปีศาจจิ้งจอก”

“ข้าไปจนไม่มีที่จะไป อีกทั้งไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี

กงชิงซวนเย่เอ่ยถาม: “เจ้าเคยรับแขกหรือยัง?”

หยุนจีนส่ายหัวด้วยสีหน้าขมขื่น: “พวกเขาต้องการให้ข้าไปด้วย ความเต็มใจ บอกว่าแบบนั้นจะหาเงินได้มากกว่า ทุบตีทำร้ายข้าทุกวัน ข้าสาบานว่าถึงตายข้าก็ไม่ยอม พวกเขาจึงคิดขายข้าให้กับชายชรา อายุแปดสิบ ข้ากลัวจึงหลบหนีออกมา

แต่ข้าไม่กล้าเดินสะเปะสะปะ ข้ากลัวว่าพวกเขาจะพบตัวข้า ”

“กงชิงซวนเย่ถามว่า: “ที่จวนข้ายังขาดคนดูแลสวนช่างเจรจาอยู่ เจ้ายินดีหรือไม่?”

หยุนจิ่นส่ายหัว: “ท่านชายสองมีเจตนาดีชักชวนข้า แต่ฐานะข้า ตี๋าต้อย เกรงว่าจะทําให้ชื่อเสียงของท่านชายสองต้องมัวหมอง ท่าน ชายสอง อย่าได้สิ้นเปลืองความคิดกับคนอย่างหยุนจิ่นไปเลยเจ้าค่ะ ”

ฮะฮะ! สตรีใดไร้สามารถนับเป็นคุณธรรม แต่ข้าดูๆเจ้าแล้ว คิดว่า เจ้าทั้งมีความสามารถและคุณธรรมเชียวล่ะ” หยุนจั่นหน้าแดง ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำ

กงชิงชวนเย่เอ่ยถาม “เจ้าเรียนทั้งพิณ หมาก อักษร ภาพ เจ้าถนัด

สิ่งใดที่สุด

ทุกด้านล้วนไม่เลวเจ้าค่ะ”

” เช่นนั้นมาลองดูกัน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ