ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 205 ยอมรับผิดเพราะทนถูกทรมานไม่ไหว



บทที่ 205 ยอมรับผิดเพราะทนถูกทรมานไม่ไหว

“หลิงหยุน”

กงชิงวี่ลดเสียงลง เขายื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของ อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนก็รู้สึกว่านางได้ทำสิ่งที่ไม่ควร ทำลงไปอีกแล้ว

“เรายังอยู่ในรถม้า อาหยู่อยู่ด้านนอก” อันหลิงหยุ นรู้ทันความคิดของกงชิง

กงชิงวี่แสดงความรู้สึกหดหู่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะ เอนกายลงด้วยความไม่อยากพูดคุย

เมื่อรถม้ามาถึงจวนอ๋องเสียน กงซิงวี่ก็ออกมาจาก รถม้า พร้อมอุ้มอันหลิงหยุนกลับไปที่ลานโอวหลาน

ปิดประตูพลางถอดเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน แทบรอไม่

ไหวที่จักขึ้นไปบนเตียง

หลังจากนอนบนเตียงไปได้ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็ไป อาบน้ำ ขัดเนื้อขัดตัวอยู่ชั่วครู่ ก็ออกมาจากในนั้น

“ได้ข่าวคราวของอ๋องทั้งแปดท่านแล้วหรือเจ้า คะ?” อันหลิงหยุนรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย นางหลี่ตาลง พลางเอนตัวไปในอ้อมแขนของกงชิ่งวี่ และนอนลง

จำต้องเข้าวังอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ การอยู่ใน พระราชวังนั้นหาได้มีความสบายใจเฉกเช่นช่วงเวลาที่ อยู่จวนไม่ อีกทั้งจักต้องใช้เวลาอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ “อ๋องชินหรงสารภาพแล้วว่า เขารู้เรื่องที่อ๋องตวน

ต้องไปที่ตำหนักกั๋วกงในวันนั้น แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขา ลอบทำร้ายอ่องตวน และก็ไม่สารภาพด้วยว่าสั่งการให้ คนมาลอบสังหารอ่องตวน”

“หากเป็นเช่นนั้น เขาเพียงแค่จักต้องโทษ ฐาน ปิดบังเรื่องนี้อย่างนั้นรีเจ้าคะ?”

“หากมีหลักฐานที่เบาบางเกินไป และเขาปฏิเสธ การให้การ พวกเราจักหาหลักฐานมามัดตัวมิได้ ทำได้ เพียงกักตัวเขาเอาไว้ และลดเกียรติของอ๋องชินหรงลง เพียงเท่านั้น”

แม้ว่าจะเป็นการลงโทษเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ เหลิงไปมากกว่านี้ แต่นี้หาใช่สิ่งที่ข้าต้องการไม่”

“เช่นนั้น ท่านอ่องต้องการที่จะค้นบ้านและยึด สินทรัพย์ของเขาอย่างนั้นรี?”

อันหลิงหยุนถามขึ้น กงชิงวี่โอบอันหลิงหยุนพลาง สัมผัสอันหลิงหยุนเบาๆ: ข้าจักไม่ปล่อยมันไปเป็น แน่”

อันหลิงหยุนขยับตัว: “ท่านอ๋อง เขาเป็นพี่น้องร่วม สายเลือดกับท่าน ท่านอ่องไม่คำนึงถึงเรื่องนี้บ้างเลย หรือ?”

“หากฮ่องเต้องค์ก่อนยังทรงพระชนม์ชีพ พระองค์ จักต้องฆ่าข้าเป็นแน่ และตราหน้าข้าว่าเนรคุณ แต่หาก ข้าไม่ฆ่าความโอหังของพวกเขา พวกเขาจักมีโอกาส ทำลายประเทศต้าเหลียงในอนาคตข้างหน้า”

อันหลิงหยุนไม่เอ่ยสิ่งใด มีเด็กจำนวนมากที่

ต้องเผชิญกับเรื่องลำบาก ทั้งๆที่มีพอแม่เดียวกันก็ยังมี ปัญหากันได้ นับประสาอะไรกับราชวงศ์ทั้งสาม ที่เป็น เพียงแค่พี่น้องร่วมสายเลือด อีกทั้งยังมีแม่คนละแม่

หลังจากตื่นขึ้น อันหลิงหยุนก็เดินทางไปยังใน เมืองอีกครั้ง

กงชิงวีได้ไปยังต้าจงเจิ้งย่วนแล้ว

อาหยู่มากับอันหลิงหยุน ทั้งสองเดินเล่นไปตาม ทาง อาหยู่ถามขึ้นว่า: “พระชายารู้ได้อย่างไรว่าราชครู มีเงินให้เรากู้ยืมขอรับ? ทั้งที่ทางเราก็ไม่ได้มีความ สัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชครูเลย แต่ราชครูก็ยังให้เงิน เรายืม อาหยูไม่เข้าใจจริงๆนะขอรับ”

“อาหยู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมราชครูจุนจักต้องให้ เรายืมเงิน?” อันหลิงหยุนถามกลับ

อาหยู่ส่ายหน้า: “ไม่รู้เลยขอรับ”

“ประการแรกคือ ยังไงเราก็สามารถจ่ายคืนได้ ท่านอ่องก็เป็นถึงอ่อง จะไม่สามารถจ่ายคืนได้อย่างไร เล่า? เช่นนั้น เขาจึงยอมให้เรายืมมาได้ ประการที่สอง พวกเขาติดหนี้บุญคุณแก่เรา จึงไม่มีเหตุใดที่จักไม่ให้ เรายืม”

“หนี้บุญคุณอันใดหรือขอรับ?” อาหยู่งุนงง

“อ่องตวนนั้นเป็นหลานเขยของเขา ข้าได้ช่วยอ่อง ตวนเอาไว้ ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณข้ารี?” “ตำหนักอ่องตวนก็มีฐานะ ใยไม่ยืมที่ตำหนักอ๋องต

วนล่ะขอรับ?”

“จักไปยืมที่ตำหนักอ่องตวนก็ย่อมได้ เพียงแต่ข้า นั้นไม่อยากจะคุยเรื่องไร้สาระกับนาง

“เช่นนั้น พระชายาจึงตัดสินใจไปยืมเงินกับ ราชครูแทนหรือขอรับ?”

“หากเขาไม่คิดจะให้ยืม ตำหนักกั่วกงจักให้ยืมเป็น แน่ เมื่อราชครูไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ด้วยเหตุที่ หลานของเขาเป็นถึงพระชายาเอก ยังไงตำหนักกั๋วกง จักต้องช่วยเหลือ”

ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!

อาหยู่เหลือบมองไปที่อันหลิงหยุน: “พระชายา ท่านในตอนนี้น่ากลัวขึ้นมากเลยขอรับ!”

“เป็นเช่นนั้นรึ?”

อันหลิงหยุนมองไปยังร้านค้า เพราะไม่อยากฟูด เรื่องไร้สาระกับอาหยู่

อาหยู่มักจะไม่พูดมากและสำรวมตน แต่วันนี้ชื่อบี้ อเสียจริง!

เพียงเอยปากยืมเงิน ราชครูจุนผู้เก่งกาจปานนั้น หาได้ไตร่ตรองสิ่งใดไม่ ก็ให้เงินมาเสียแล้ว

ขนาดกงชิงวี่อยากจะถามก็ยังไม่ถาม เพียงแต่ มองผ่านเท่านั้น

อาหยู่นี้ ยังดีที่สามารถเป็นผู้รักษาการได้ มิเช่น นั้น คงไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว!

อันหลิงหยุนออกมาจากร้านค้า พร้อมกระดาษ เขียนบอกสิ่งจำเป็น สำหรับจับจ่ายซื้อของที่ตลาด

อาหยู่รู้สึกว่าอันหลิงหยุนนั้นมีอำนาจรอบด้าน มิมีสิ่งใดที่นางทำไม่ได้

ทั้งสองแวะร้านต่างๆไปตามทาง จนมาหยุดอยู่ที่ หนึ่ง ซึ่งด้านหน้านั้นมีฝูงชนโหวกเหวกโวยวายกันอยู่ อันหลิงหยุนจึงเดินเข้าไปดู

เมื่อนางได้มองดูแล้ว ก็เห็นเป็นหญิงสาววัยยี่สิบก ว่าๆ นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น โดยมีร่างของชายหนุ่มคน หนึ่งนอนอยู่ รางของชายผู้นั้นเน่าเฟะไปทั้งตัว ซึ่งดู เหมือนจะเสียชีวิตด้วยอาการเจ็บป่วย

หญิงสาวนุ่งผ้าสำหรับไว้ทุกข์ แขวนป้ายบน หน้าอกว่าขายตนเอง เพื่อการฝังร่างของสามี

ผู้คนรอบข้างต่างชี้นิ้วติเตียนว่านางเป็นลางร้าย ด้วยเหตุที่สามีต้องสิ้นไปหลังจากแต่งงานเพียงไม่กี่วัน หากมีผู้ใดแต่งงานกับนางผู้นี้ จักต้องมีอันเป็นไป แม้แต่นำตัวนางกลับไปบ้านด้วยก็เช่นกัน

ทั้งเรื่องการเป็นผู้ต่ำต้อยที่อยู่กินกับผู้มีศักดินาสูง กว่า ไหนจะเรื่องความเชื่อทางไสยศาสตร์ และยังมี การถือศักดินาโบราณแบบนี้ ในช่วงที่นางกำลังตก ทุกข์ได้ยาก ก็ยังมีผู้คนเข้ามาติเตียนในเรื่องนี้อีก อันหลิงหยุนก้าวไปด้านหน้าพลางทอดสายตามอง

ตัวอักษรบนป้ายถูกเขียนไว้ด้วยความสละสลวยและ

สง่างาม ดั่งผู้ที่มีความรู้ในวรรณกรรม “เจ้าชายตนเองเท่าไหร่?” อันหลิงหยุนถามขึ้น เมื่ออาหยู่ได้ยินเช่นนั้น เขารีบขัดจังหวะอันหลิงหยุน ในทันใด : “พระชายา….”

“เงียบปาก!” อันหลิงหยุนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ไม่ยอมให้อาหยู่มายุ่งกับนาง

อาหยู่สงบปากสงบคำอย่างจำนน หญิงสาวไม่แม้แต่เงยหน้ามอง: “ห้าพันตำลึง!”

อันหลิงหยุนแข็งที่อไปชั่วขณะ อาหยู่เลิกสงบปาก สงบคำ และตำหนิหญิงสาวทันที : “เจ้าเป็นบ้าไปแล้ว หรืออย่างไร? จักใช้เงินทำศพถึงห้าพันตำลึง

หญิงสาวไม่ใส่ใจ: “ข้าอยากให้ชายของข้าถูกฝัง อย่างสง่างาม

…เจ้าพูดเช่นนี้ จักไปทำศพให้สง่างามได้ อย่างไรกัน?” อายุไม่พอใจ

อันหลิงหยุนเตะอาหยู่ไปหนึ่งที: “ไปตรงนู้นไป”

อาหยู่จึงไม่พูดสิ่งใด

ฝูงชนรอบข้างต่างตำหนิกันยกใหญ่ อันหลิงหยุ นมองหญิงสาวนางนี้อย่างสนอกสนใจอยู่ครู่หนึ่ง: “ห้า แสนตำลึงจะพอรี?”

หญิงสาวผู้นั้นตกตะลึง จึงค่อยเงยหน้าขึ้นมองอัน หลิงหยุน ต่างคนต่างมองกันและกัน อันหลิงหยุนตก อยู่ในภวังค์ชั่วครู่ด้วยความงดงามของหญิงสาว

หญิงผู้นั้นมองไปที่สามี และมองมาทางอันหลิงหยุ

น: “พอเจ้าค่ะ”

“อาหยู่” อันหลิงหยุนเรียกทันที

อาหยู่เดินมาตามคำเรียก : “พระชายา”

“อุ้มผู้เป็นสามีขึ้นมา”

“อะไรนะขอรับ?” อาหยู่ไม่เต็มใจ อันหลิงหยุนจึง หันมามอง อาหยู่จักทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาอุ้มคนตาย โดยที่ไม่รู้ว่าเขาตายมานานเพียงใดร่างกายของเขา คลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า

อาหยู่นำเสื้อผ้ามาปิดจมูกไว้ พลางเดินนำหน้าไป หญิงสาวลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ พลางเหลือบมองอัน หลิงหยุน

ระหว่างการเดินทาง อันหลิงหยุนไม่พูดสิ่งใด เพียงแค่ให้คนไปส่งที่สำนักยี่จวง

“อาหยู่เจ้าอยู่ดูแม่นางที่นี่ รอจนกว่านางฝังร่าง ของสามีเสร็จสิ้น เจ้าจึงกลับได้ วันนี้ให้เจ้าทำตามคำ สั่งของแม่นาง ห้ามฝ่าฝืนเป็นอันขาด นางให้ทำสิ่งใด เจ้าจักทำสิ่งนั้น” “พระชายา..”

“ให้เรียกว่าแม่นาง” ใบหน้าเคร่งขรึมของอันหลิง หยุน ทำให้อาหยูไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดต่อ

อันหลิงหยุนหยิบธนบัตรออกจากเสื้อ เอาให้นาง ไปห้าแสนตำลึง: “เงินของเจ้า”

หญิงสาวรับเงินมา : “ข้าจักเขียนหลักฐานการซื้อ ขายแก่ท่าน”

“ไม่จำเป็น ผู้คนมากหน้าหลายตาจักบอกชื่อใคร มาก็ย่อมได้ จริงๆแล้ว เจ้ามีนามว่าอย่างไรข้าจักหารู้ ได้ไม่ เพียงเจ้ามีความซื่อสัตย์ต่อข้าก็สิ้นเงื่อนไข ข้า ให้สิทธิ์แก่เจ้า”

.” หญิงสาวไม่พูดสิ่งใด อันหลิงหยุนมองไปยัง อาหยู่: “ข้าอยากให้ท่านถางมาช่วยงานที่นี่ เมื่อท่าน ถางมาถึงแล้ว เจ้าจงกลับไปเสีย เพราะข้ารู้สึกว่าเจ้า คงไม่เข้มแข็งพอ”

พูดจบ อันหลิงหยุนก็เดินจากไป

อาหยู่เศร้าหมอง และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจน เป็นกังวล

อันหลิงหยุนไปพบกับถางเหอ และค่อยๆเล่าเรื่อง ราวให้เขาฟัง อีกทั้งยังกำชับถางเหอว่า ไม่จำเป็นต้อง สนใจแม่นางคนนั้น หลังจากเสร็จกิจ เพียงบอกให้นาง

ไปรอที่จวนอ่องเสียนเป็นพอ

ถางเหอนำออกไปก่อน ส่วนอันหลิงหยุนก็จะกลับ ไปหากงชิง

แต่แล้ว ก็มีข่าวจากต้าจงเจิ๊งย่วน ว่ากงชิงวี ประชาทัณฑ์อ่องชินหรงจนสิ้นใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ