บทที่ 62 คัดหนังสือช่วยชีวิตคน
“พระชายา” ในที่สุดลูกกระเดือกบนคอของอาหยู่ ก็ขยับลำคอของเขาแหบแห้ง
อันหลิงหยุนรีบเดินไปหยิบกุญแจที่ห้อยอยู่ด้าน หนึ่งในทันที จากนั้นจึงปลดโซ่ของอาหยู่ออก อาหยู่ไม่ ไป “พระชายา ข้าไปไม่ได้ ข้าไม่อาจทิ้งอาซิวไว้คน เดียวได้”
อันหลิงหยุนมองไปที่อีกคนที่ได้สติอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับมองมาที่นางด้วยสายตาโกรธแค้น
“ข้าขอร้องท่านอ๋องให้ช่วยเจ้าแค่คนคนเดียว เท่านั้น นั่นเพราะเจ้าไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด ท่าอ่องรับปาก ข้าว่าจะปล่อยเจ้าไปเพราะเห็นแก่ความบริสุทธิ์ของ เข้า หากต้องขอร้องให้อาซิว ข้ายังต้องคิดดูก่อน แต่ หากเข้าไม่ออกไปกับข้า การจะขอร้องให้ช่วยพวกเจ้า ทั้งคู่นั้นย่อมลำบากอยู่บ้าง ข้าต้องช่วยทีละคน ”
อันหลิงหยุนประคองอยู่ที่ยืนอย่างไม่มั่นคง อา หยู่เอ่ย “พระชายา ท่านอย่าได้โกหกข้า ท่านจะช่วยอา ซิ่วจริงหรือ?”
“ไม่ต้องกังวล หากข้าสามารถช่วยเขาได้ ข้าจะ ทำ”
อาหยู่มองไปที่อาซิวและเอ่ย “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเกิดเรื่อง ข้าจะไปขอร้องท่านอ๋องเอง”
ราวกับว่าอาซิวไม่ได้ยิน เขามองไปที่อันหลิงหยุน ด้วยสายตาที่ดุร้าย อันหลิงหยุนเข้าใจดี ความเกลียด ชังในการฆ่าภรรยาของเขานั้นไม่สามารถแยกกันได้ และนางก็ไม่ได้บังคับให้อาซิวต้องมาให้อภัยตน
อันหลิงหยุนประคองอาหยู่ออกไป เมื่อมาถึงด้าน นอกจึงส่งเขาให้พ่อบ้าน พ่อบ้านรีบเรียกให้คนมาพา เขากลับไปทันที อันหลิงหยุนกลับไปหยิบยาขึ้นมาให้ กับพ่อบ้าน ก่อนจะกลับไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น อันหลิงหยุนตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมยา สำหรับฮ่องเต้ชิงหยู่ เพิ่งจะลุกขึ้นยืนนางก็ได้ยินเสียง คนคุยกันอยู่ด้านนอก นางมองลอดผ่านรอยแยกของ ประตูออกไป เป็นอาหยู่ที่คุกเข่าอยู่ในสวน
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นเพราะอาซิว
พ่อบ้านและถางเหอก็อยู่ที่นั่นด้วย ทั้งคู่พยายาม หว่านล้อมให้อาหยู่ลุกขึ้น
อาหยู่เป็นคนดื้อรั้น หากกงชิงวี่ปฏิเสธที่จะปล่อย อาซิวไป เขาก็ตั้งใจที่จะไม่ลุกขึ้น
แต่เรื่องนี้นางไม่สามารถช่วยได้ ไข่มุกราตรีเพียง | หนึ่งเม็ด มิอาจช่วยชีวิตคนได้ถึงสองคน นับประสา อะไรกับอาหยู่และอาซิวแต่แตกต่างกัน
อาหยู่ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎทรยศต่อกงชิง แต่เป็นอาซิว ที่ทรยศ
นับตั้งแต่ที่อาซิวตัดสินใจที่จะฆ่านาง เขาได้ทรยศ ต่อกงชิงวี่แล้ว
การทรยศ หมายความว่าไม่มีความภักดี ภายใต้กฎหมายทหารของนาง เมื่อทรยศย่อมนับ ว่าทรยศต่อประเทศ
ความผิดพลาดของอาซิวนั้น ไม่อาจให้อภัย การที่อาหยู่คุกเข่าเช่นนี้นับว่าเสียเวลาเปล่า อันหลิงหยุนออกมาในตอนสาย และในที่สุดก็ เตรียมยาสำหรับฮ่องเต้ชิงหยู่เสร็จเรียบร้อย
เมื่ออันหลิงหยุนออกมาจากห้องและมองไปที่สวน อาหยู่ก็ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ท่ามกลางหิมะในฤดู หนาว ร่างกายของอาหยู่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะ ใบหน้าของเขาเป็นสีม่วง บางส่วนจากสีม่วงแปร เปลี่ยนเป็นสีดำ น้ำค้างแข็งบางๆ ปกคลุมบนใบหน้า ของเขา เมื่อมองดูให้ดีก็จะเห็นว่าผมของเขาถูกเกาะ เป็นน้ำแข็งไปแล้ว!
พ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ อาหยู่ ถึงเขาจะใส่เสื้อผ้า หลายชั้น แต่ก็ได้รับความหนาวเย็นอยู่ไม่น้อย
ถางเหอที่ยืนอยู่ประตูก็เช่นกัน
อาหยู่ได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถ ทนไหวอีกต่อไป หากยังไม่ลุกขึ้นก็คงไม่พ้นต้องตาย แน่แล้ว!
อันหลิงหยุนมองไปที่ประตูห้องของกงชิง วี่ หาก เขาอยากเปิดก็คงเปิดไปนานแล้ว
“ต่อให้เจ้าต้องแข็งตายเขาก็ไม่มีทางเปิดประตู เจ้าลุกขึ้นเถอะ”
อันหลิงหยุนก้มลงเพื่อประคองอาหยู่ ร่างกายขอ งอาหยู่แข็งไปแล้ว
“พ่อบ้าน ประคองอาหยู่ขึ้นมา เขาไม่ไหวแล้ว”
พ่อบ้านรีบเข้าไปช่วยประคองอาหยู่ ถางเหอก็รีบ ร้อนเข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน ร่างทั้งร่างของอาหยู่แข็ง เกร็ง อันหลิงหยุนกรงว่าจะกลับไปไม่ทัน ดังนั้นจึง บอกให้ถางเหอส่งคนไปที่ห้องของนาง
ทันทีที่เข้าไปข้างใน อันหลิงหยุนก็รีบให้ความ อบอุ่นเขา
“ท่านถาง เจ้าจงขยับมือและเท้าของเขา พ่อบ้าน ข้าต้องการแอลกอฮอล์เพื่อเช็ดตัวของอาหยู่” อันหลิง หยุนกำลังยุ่งอยู่กับการสั่งการ อย่างไรก็ต้องทำให้อาห ยู่ตื่นขึ้นมา
อันหลิงหยุนเตรียมยาทาและส่งให้ถางเหอ “ท่าน ถาง ทายานี้ให้ทั่วตัวของอาหยู่ ข้าจะออกไปก่อน” อันหลิงหยุนวางยาลง และหมุนตัวออกไปข้างนอก
ถางเหอรีบทายาให้กับอาหยู่ แต่ในใจกลับกำลัง นึกคิด อันหลิงหยุนแตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ
หลังจากทายาเสร็จถางเหอก็นั่งลง “เรื่องนี้ท่าน อ๋องทรงเมตตามากแล้ว เจ้าอย่าได้ดื้อดึงต่อไป”
อาหยู่ไม่ได้ตอบรับ แต่กลับเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “อาซิวเป็นเพราะข้า แต่เดิมข้าเรื่องนี้เป็นข้าที่ต้องทำ แต่ข้าลงมือกับพระยาชา ไม่ได้ต้องการที่จะฆ่านาง อา ซิ่วคุยกับข้า ข้าเกิดความลังเลและอยากให้อาซิวยอม แพ้ ดังนั้นเขาถึงได้เลือกเดินทางนี้เป็นข้าที่ทำร้ายอา ซิ่ว หากวันนั้นข้าตามท่านอ่องเข้าวังไป ก็ย่อมไม่เกิด เรื่องเช่นนี้”
ถางเหอลุกขึ้น “อย่าคิดมาก ท่านอ่องไม่ได้รับสั่ง ให้ประหารชีวิตอาซิว ไม่แน่ว่ายังมีโอกาส แต่หากเจ้า ยังทำเช่นนี้ต่อไป หากท่านอ๋องโกรธขึ้นมา ผลที่ตาม มาคงจะแย่กว่าเดิม”
ถางเหอออกไปดูอันหลิงหยุนที่กำลังสวมชุดขน สัตว์ยืนอยู่ภายใต้หิมะ นางหยุดยืนหน้าประตูของท่าน อ๋องด้วยท่าทางเหม่อลอย
ถางเหอปิดประตูลงและเดินไปหาอันหลิงหยุน อัน หลิงหยุนถึงค่อยเอ่ยขึ้น “ท่านถางก็คิดว่า สมควร ปล่อยอาซิวไปหรือไม่?”
ถางเหอรู้สึกได้ถึงบางอย่างเล็กน้อย เขาเงยหน้า ขึ้นมองไปที่อันหลิงหยุนในวันนี้
การเปลี่ยนแปลงของผู้คนนั้นเป็นเรื่องแปลก ประหลาดอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะมองอันหลิงหยุ นอย่างไรก็ล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่ชื่นชอบ แต่กลับไม่เกลียดชังอีกต่อไป เมื่อก่อน แค่เพียงเหลือบมองยังรังเกียจ แต่ตอนนี้ กลับไม่ปฏิเสธ
“อาซิวถึงแม้จะไม่ควรมีชีวิตอยู่ แต่การตายเช่นนี้ก็ ไม่ดีต่อท่านอ๋องแต่อย่างใด คนด้านนอกล้วนไม่รู้ และ คิดว่าอาซิวไม่ผิด เป็นท่านอ๋องที….” ก็
ถางเหอไม่กล้าพูดต่อ แต่อันหลิงหยุนเข้าใจอย่าง แจ่มแจ้ง ที่ถางเหอมาก็เพื่อต้องการให้นางออกหน้า
ในใจของนางหัวเราะเหอเหอ คนพวกนี้ล้วนเป็นก ลุ่มเดียวกัน มีเพียงแค่นางเท่านั้นที่ต่อสู้เพียงลำพัง ดังนั้นไม่ว่านางจะเป็นหรือตายพวกเขาล้วนไม่ ไยดี
โชคร้ายเสียจริง!
“ท่านถาง ข้าจะลองดู”
อันหลิงหยุ เดินไปที่ประตูห้องของกงชิงวี่ด้วย อารมณ์เศร้าหมอง จากนั้นจึงยกมือขึ้นเคาะประตู
เสียงเยียบเย็นของกงชิงที่ดังออกมาจากประตู “ตายแล้วก็โยนมันออกไปและฝังมัน”
อันหลิงหยุนหันไปมองถางเหอที่ยืนอยู่กลางสวน ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะไม่กล้าเข้าไปใกล้ ที่แท้ก็กลัว ความตาย
แล้วนางไม่กลัวเหรอ? เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วกงซิงวี่ยังไว้หน้าอยู่เบาบาง แต่หากเป็นนางคงมีแต่โชค ร้าย
อันหลิงหยุนเปิดประตูเข้าไป และไม่ลืมที่จะปิด ประตูลง
เมื่อประตูปิดลง อันหลิงหยุนก็ยืนอยู่ที่ประตูและ เอ่ย “ถวายบังคมท่านอ๋อง”
กงชิงวี่ลืมตาและมองไปที่ประตู จากนั้นจึงลุกขึ้น นั่งบนเตียง
“มีเรื่องอะไร?” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ในเวลานี้ ความโกรธของกงชิงที่ลดลงมาอยู่บ้าง
อันหลิงหยุนรินน้ำชาหนึ่งถ้วยและนำไปให้กงชิงวี่ “ท่านอ๋องโปรดดื่มชา”
ขอร้องผู้อื่น ย่อมต้องมีท่าทีของผู้ขอความช่วย เหลือ
กงชิงวี่หยิบถ้วยชาขึ้นมา จากนั้นจึงเป่าเบาๆ และ ดื่มมัน หลังจากดื่มเสร็จจึงเอ่ยถาม “พูดเถอะ มีเรื่อง อะไรอีก?”
อันหลิงหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านอ๋อง อาซิวอยู่ กับท่านมาหลายปี ถึงแม้ว่าเขาจะทำผิดพลาด แต่นั่นก็ เพราะเขาเห็นแก่น้องสาวของอาหยู่ นี่นับเป็นเรื่องของ อารมณ์ความรักและความชอบธรรม ก่อนหน้านี้ท่านก็ มีอคติกับข้า ทุกคนในจวนล้วนพร้อมใจกันต้องการที่ จะกำจัดข้า อาซิวก็ถือว่าทำเพื่อท่านอ่องเช่นกัน พูดไปเช่นนี้แล้ว….หากเขาต้องถูกประหารไปแบบนี้ ก็ดู เหมือนจะไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง เช่นนี้ยังไม่อาจเทียบ กับ…ปล่อยไปจะดีกว่า!”
อันหลิงหยุนพูดรัวๆ จนจบ ในใจมีเสียงกลองดัง
กึกก้อง
แต่เดิมกงชิงวี่นั้นก็เป็นเปลี่ยนแปลงไปมาไม่แน่ไม่ นอน นางไม่เคยเข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยว่า แท้จริงแล้วเขาคิดอะไรอยู่ และวินาทีถัดมาจะทำอะไร
นางเข้ามาที่นี่และเอ่ยสิ่งที่คิดออกมาราวกับลูก กระสุนที่ถูกยิงออกจากกระบอกปืน หากนางยิงผิด ย่อมต้องไม่มีจุดจบที่ดี กงชิงวียิ้มเยาะ “พระชายาดูเหมือนจะว่างไม่น้อย
เรื่องหนึ่งต่อด้วยอีกเรื่องหนึ่ง หรือว่าอารมณ์ของข้าจะ
ดีเกินไป?”
“เอ่อ?” อันหลิงหยุนหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้าย นางไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ จึงได้แต่ต้องหุบปาก
“ฮี ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดเก่งนุกหรอกหรือ ทำไมถึงได้ เงียบเล่า ข้าว่าระยะนี้พระชายาคงว่างมากจริงๆ นับ ตั้งแต่วันนี้ไปจงมาที่นี่คัดหนังสือ เมื่อใดที่คัดหนังสือ ของข้าเสร็จแล้วถึงค่อยออกไปได้อีกครั้ง ” กงชิงวี่โยน หนังสือในมือไปที่เท้าของอันหลิงหยุน แต่อันหลิงหยุ นกลับไม่ถือสาแต่อย่างใด ก็แค่คัดลอกหนังสือเท่านั้น อันหลิงหยุนก้มลงหยิบหนังสือขึ้นมาและเอ่ยถาม”ท่านอ๋อง ท่านมีหนังสือมากแค่ไหน?”
“ที!”
กงชิงขี่มองไปที่อันหลิงหยุนอย่างดูถูก “หากเจ้า คัดหนังสือทั้งหมดได้อย่างไม่ตกหล่นแม้แต่ตัวอักษร ข้าจะยกเว้นอาซิวจากการทำโทษ! ”
“จริงหรือ?”
อันหลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะง่ายดายปานนี้ เพียงแค่คัดหนังสือก็สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้
“คำพูดของข้าเป็นเรื่องโกหกงั้นหรือ?” กงชิงวี่ทำ
หน้าดูยาก อันหลิงหยุนมองดูในห้อง มีหนังสืออยู่เพียง ไม่กี่เล่ม การคัดลอกไม่ใช่เรื่องเสียแรงแต่อย่างใด
“ได้ ข้ารับปาก”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ