ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 201 ค่าของชายนั้นหาเชื่อถือได้ไม่



บทที่ 201 ค่าของชายนั้นหาเชื่อถือได้ไม่

อันหลิงหยุนเดินตามกงชิงวี่ออกจากพระราชวัง มุ่งหน้าไปยังต้าจงเจิ้งย่วน นางลงจากรถม้าพลางทอด สายตาไปยังกงชิงวี่ และพยักหน้าเบาๆ พร้อมเดิน เข้าไปด้านใน

อาหยู่เข้าไปพร้อมกับอันหลิงหยุน ด้วยเหตุที่อัน หลิงหยุนต้องการสอบปากคำอ๋องชินจัง

เมื่ออ่องชินจงเห็นอันหลิงหยุน เขาหัวเราะขบขัน ออกมา: “ครานี้ พระชายาเสียนมาทำสิ่งใดเล่า?”

อันหลิงหยุนเดินเข้าไปเผชิญหน้า พร้อมนั่งมอง หน้าซีดเหลืองของอ๋องชินจง อ๋องชินจงเย้ยหยัน “พระชายาเสียนนั้นช่างเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร จากคำให้การในวันนั้น มันหาเป็นดังท่านกล่าวไว้ไม่ แต่ด้วยฝีมือของพระชายาเสียนแล้ว ข้านั้นกลับกลาย เป็นกบฏเสียได้

ในตอนนี้ ข้าเดาว่า ผู้คนทั้งเมืองหลวงคงรู้กันหมด แล้ว ว่าข้านั้นสมคบคิดก่อกบฏ”

อ่องชินจงพูดเหน็บแหนมพลางมองลงต่ำ

อันหลิงหยุนกล่าวว่า: “อ่องทั้งแปดท่านไม่สามารถ แทรกแซงการเมืองได้ ท่านนั้นรู้ดี”

“ข้ารู้” อ๋องชินจงเงยหน้าขึ้นพลางทอดสายตาไป ยังอันหลิงหยุน: “แล้วมันจักเป็นอันใดเล่า? แม้อ่องทั้ง แปดท่านมิอาจแทรกแซงการเมืองได้ แต่ข้าจักต้องก่อ กบฏเชียวรึ?

และยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับอ่องตวน หาก ข้าเป็นผู้กระทำ ข้าจักยอมรับว่าข้าทำ

แต่ข้ามิมีเจตนาอันใด ท่านทั้งหลายตึกรอบข้าเช่น นี้ จักยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่ หากข้ารอด ชีวิตไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ ข้าจักมิมีทางปล่อยคนที่ ทำร้ายข้า ให้รอดตัวไปได้เป็นแน่”

“อ๋องชินจงมิจำเป็นต้องปฏิญาณเช่นนั้น ถูกหรือ ผิด จักปรากฏให้เห็นได้

“ห์ จักปรากฏให้เห็นแน่!”

ทันใดนั้น อ่องชินจงก็ลุกขึ้น เขาพุ่งตัวเข้ามาทั้งๆ ที่ถูกใส่กุญแจมือ และโซ่ตรวนพร้อมโวยวาย อาหยู่ชัก ดาบออกมา พร้อมชี้ไปทางอ่องชินจงในทันที

“บังอาจ!”

อ๋องชินจงยืนอยู่อย่างโกรธเคือง: “จักเป็นเช่นไร ข้าก็ยังคงเป็นอ่อง ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ได้ แม้ข้าต้องตายในวันนี้ มันจักปรากฏแก่คนทั้งบ้าน เมืองว่าอ่องเสียนและพระชายาเสียนข่มเหงข้าเช่น ไร”

ขณะที่อ่องชินจงคิดไปถึงเรื่องเป็นเรื่องตาย อัน หลิงหยุนไม่ประนีประนอมแต่อย่างใด เพียงกล่าวว่า “ท่านสิ้นเสียดีกว่า ข้าจักได้บอกผู้อื่นว่า ท่านนั้นดูหมิ่น ข้า ข้าจำต้องประหารท่านเสียให้สิ้น

หากในวันนี้คนรับใช้ได้รับรู้ว่าท่านอ่องชินจง ไม่ใช่คนดีอะไร อีกทั้งท่านยังเสียสิทธิ์ในการชิง บัลลังก์ เช่นนั้น ก็จักไม่มีใครให้ความสำคัญแก่ท่านอีก ต่อไป

ช่วงเวลาแห่งการสรรเสริญข้า ก็จักมาถึง”

อ่องชินจงหยุดนิ่งพลางทอดสายตาไปยังอันหลิง หยุน อันหลิงหยุนยังคงสงบนิ่ง: “อ๋องซินจง หากท่าน กล้าพอที่จักกล่าวว่า ท่านหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องอ องตวนไม่ ข้าก็กล้าพอเช่นกัน ที่จักปลงพระชนม์ท่าน พ่อของท่าน!”

“ท่านกำลังกล่าวถึงสิ่งใด?” อ๋องชินจงแสดงสีหน้า ประหลาดใจ”เจ้าจักปลงพระชนม์ท่านพ่อของข้าเช่น นั้นรี?”

“ปลงพระชนม์อ่องห้าให้ดูเป็นธรรมชาติ ก็มีความ ลำบากอยู่บ้าง แต่ข้าจักทำมันอย่างแนบเนียน เรื่องนี้ อองชินจังวางใจเสียเถิด”

“อันหลิงหยุน” อ่องชินจงกัดฟันกรอด

“อ๋องชินจง หากท่านอยากหลุดพ้น ท่านจักต้อง บอกสิ่งที่ท่านรู้ออกมาซะ เช่นนั้นจะทำให้ท่านสามารถ ฟันข้อกล่าวหาได้ ท่านต้องทนทุกข์ทรมาน ณ ที่แห่งนี้ ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่า ท่านเป็นผู้ก่อกบฏเพื่อแย่ง ชิงบัลลังก์ ใยท่านไม่คิดสักนิด ว่า อ๋องตวนเป็นต้นเหตุ แต่กลับเป็นท่านที่ต้องมาอยู่ในคอกนี้แทน

ท่านนั้นจักต้องเดินทางอยู่ตลอด ไม่ได้อยู่ที่วัง ก็ นานหลายปี

หากคนเหล่านั้นต้องการลอบสังหารใย พวกเขาไม่ลงมือกันให้เร็วกว่านี้เสียหน่อย เหตุใดจึง ลงมือในเพลานี้ อ่องตวนนั้นท่านไม่คิดว่า มีผู้ วางแผนจัดฉากไว้แต่แรกหรืออย่างไร?”

อ่องชินจงนั่งจมกับความโง่เขลาอยู่พักใหญ่

อาหยู่จึงเก็บดาบเข้าฝัก เหลือบมองที่ อาหยู่ และอันหลิงหยุน: “ท่านจักสื่อสิ่งใดกันแน่?

อันหลิงหยุนมองไปยังผู้ที่กำลังยกน้ำชาเข้ามา อัน หลิงหยุนรินน้ำชาแก่อ๋องชินจัง: “นี่คือการขออภัยโทษ จากข้าแก่ท่าน ความผิดนักต่อนักที่ข้าเคยทำไว้ โปรด อภัยแก่ข้าเถิด”

“อันหลิงหยุน ข้าหาเชื่อท่านไม่ มีสิ่งใด จงรีบพูด ออกมาซะ”

ในที่สุด อ่องชินจงก็ทนไม่ไหว

อันหลิงหยุนจัดเสื้อคลุมตัวใหญ่บนตัวนางอย่าง สงบ พลางถอนหายใจ: “อ่องชินจง ท่านมีภูมิหลังไม่ ธรรมดา ด้วยเหตุนี้ท่านจักต้องร่ำเรียนมาไม่น้อย แม้ ข้าไม่อาจกล่าวได้ว่า ท่านมีความเข้าใจในศาสตร์ต่างๆ มากน้อยเพียงใด แต่ท่านจำต้องเคยได้ศึกษา ประวัติศาสตร์เป็นแน่ ข้าขอถามว่า มีราชวงศ์ใดบ้างใน อดีต ที่ถูกห้ามมิให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผนดิน นับ ประสาอะไรกับท่าน ที่ไม่ได้รับแม้แต่การอนุญาตให้ ข้องเกี่ยวกับการเมืองเสียด้วยซ้ำ”

อ่องชินจงครุ่นคิดอย่างรอบคอบ: “แล้วมันเป็นเช่น ใดเล่า?”

“พูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ มีเหตุผลในการที่ไม่ อนุญาตให้ราชนิกุลของท่านเข้าแทรกแซงการเมือง แม้ข้ายังไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุอันใด แต่จักต้องมีบาง อย่างเคยเกิดขึ้นเป็นแน่ นี่คือประการแรก และยังมี ประการที่สอง

อ๋องชินจง ในฐานะข้าราชสำนัก ท่านไม่สนว่า ฮ่องเต้จักกล่าวอันใด หรือจักทำสิ่งใด ข้าราชสำนัก สามารถทำได้เพียงอย่างเดียวคือ จงรักภักดีจนกว่าจัก สิ้นลมหายใจ ท่านนั้นก็รู้ดี”

“เช่นนั้นแล้วมันกระไรอีกเล่า?”

“ก็หมายถึง ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องตาย ไม่ว่าจะ เป็นเมื่อใดหรือสถานการณ์เช่นไร ก็ตายอยู่ดี ”

แต่ราชนิกุลของท่านจักหาเป็นเช่นนั้นไม่ หากข้า คิดไม่ผิด ราชนิกุลของท่านเองก็ภักดีต่อกันใช่หรือ ไม่?”

อันหลิงหยุนพูดเบาๆ

อ่องชินจงตัดบททันที: “หยุดพูดไร้สาระ พวกข้า นั้นภักดีต่อฮ่องเต้” “คำพูดงดงามแฝงไปด้วยคำลวงหลอก ลองถาม ตัวท่านเองเถิด ว่าคิดเช่นนั้นจริงหรือไม่?” อันหลิงหยุน ไม่แสดงสีหน้าอันใด

สุดท้าย อ่องชินจงที่ทำสิ่งใดต่อไปไม่ถูก ก็จำต้อง ปล่อยมันไป พร้อมนั่งลงโดยไร้คำพูดใด

อันหลิงหยุนจิบชา: “ชาที่นี่รสชาติแย่เสียจริง!”

อ่องชินจงเงยหน้ามองอันหลิงหยุนด้วยความงุนงง ว่าเหตุใดจึงพูดถึงชาขึ้นมา?

อันหลิงหยุนกล่าวต่อว่า : “ข้าไม่ได้อยากมาที่นี่เลย แม้แต่น้อย อะไรๆก็แย่ไปเสียหมด แต่เพื่อฮ่องเต้ จักไม่ มาก็ไม่ได้ ข้ากล่าวไว้ตรงนี้เลยว่า หากฮ่องเต้ต้องการ ให้ข้าสิ้นเสีย ข้าก็ยินดี”

“เจ้าคิดว่าข้ามิใชผู้ภักดีต่อฮ่องเต้อย่างนั้นรี?” อ่องชินจงพูดอย่างหดหู

“ท่านมิมีความภักดีต่อฮ่องเต้ ท่านภักดีต่อเชื้อพระ วงศ์ของท่านเองต่างหากเล่า หากเพื่อปฏิญาณความ จงรักภักดี ท่านยอมสิ้นเสียในที่แห่งนี้ โดยมิปริปากให้ การใดๆได้หรือไม่? อ่องชินจง เฉกเช่นการชอบใครสัก คน จักยอมทำทุกอย่างเพื่อนาง และกงการของท่าน จักส่งผลกระทบต่อชายารองหยุน ซึ่งนั่นหาเป็นผลดี ไม่

หากอ่องเสียนพบว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังการลอบ สังหารอ่องตวน ไม่ช้าก็เร็ว จุดจบของท่านจักต้องมา ถึง ด้วยเหตุที่ท่านสมคบคิดกับผู้ก่อกบฏ ในการลอบ สังหารอ่องตวน

สำหรับชายารองหยุน นางมาเพื่อนำอ่องตวนไปยัง ตำหนักกั๋วกง หรือกล่าวอีกนัยได้ว่า หากไม่พบตัวผู้ บงการ เช่นนั้นความผิดจักต้องตกอยู่ที่นาง”

“ไม่ใช่โล่ชวน”

อ่องชินจงส่ายหน้า อันหลิงหยุนมองไม่ออกว่าอ๋อง ชิ้นจังกำลังพูดจริงหรือเท็จ จึงเพียงแต่ทำตามแผน เดิมต่อไป

อ่องทั้งแปดท่านมิอาจปล่อยผ่านเป็นแน่ เนิ่นนาน เพียงใดจักต้องหาคนมารับโทษให้จงได้

“เรื่องนั้นหาเกี่ยวข้องอันใดกับข้าและท่านไม่ ใน ท้ายที่สุดหากมีมีผู้ใดออกมายอมรับ เช่นนั้น ท่านและ โล่ชวน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จักต้องโทษทั้งหมด

ในเมื่อท่านไม่ยอมรับ เชนนั้นคงเป็นนาง”

“ท่าน…” อ๋องชินจงทอดสายตาไปอีกทาง: “ได้ ข้าจะพูด”

อันหลิงหยุนเหลือบมองไปทางอาหยู่ อาหยู่รีบ เตรียมปากกาหมึก และศิลาขึ้นมาเพื่อจารึกทันที

อ๋องชินจงสารภาพอย่างรวดเร็วว่าวันนั้นหลังออก จากจวนอ่องเสียน ได้บอกกำหนดการแก่ผู้ใดบ้าง

หลังจากสอบปากคำเสร็จ อันหลิงหยุนกล่าว: “ไม่ กี่ชั่วยามมานี้ ชายารองหยุนรอท่านอยู่ด้านนอกต้าจง เจิ้งย่วน ทั้งยังอธิบายแก่อ่องตวนว่า ท่านมิใช่ผู้ลอบทำ ร้ายอ่องตวน แม้ในวันที่มีผู้ใดเชื่อในตัวท่าน ก็ยังมี นางที่เชื่อใจท่าน

ท่านหลีกเลี่ยงอย่างหนักในการพูดถึงเรื่องพวกนี้ ข้ามิอาจเข้าใจได้เลยว่าท่านคิดการใดอยู่

ฮ่องเต้ต้องการข้าราชบริพารผู้ภักดี หากท่านมี ยอมกล่าวออกมา จักเป็นท่านเองที่เป็นผู้ทรยศ

การกล่าวออกมาเท่านั้น ที่จักพิสูจน์ได้ว่า ท่าน มิใช่ผู้ทรยศ !” อันหลิงหยุนเสร็จกิจแล้วจึงออกไป อันหลิงหยุนรู้

สึกโล่งใจเมื่อได้รับคำสารภาพ นางตรงไปหากงชิงวี่

ทันที

เมื่อนำคำสารภาพมาได้ กงชิงวิ่งโผเข้ากอด และจูบ อันหลิงหยุน

“พระชายาช่างเก่งกาจเสียจริง!”

” อันหลิงหยุนโศกเศร้ายิ่งนัก เพราะคำของ ชายนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด หาเชื่อถือได้ไม่!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ