บทที่6 เร็วเข้า ไปเอาจูบแห่งเทพธิดา
“แก…ใบหน้าของจางยิ่งเทียนกลายเป็นสีม่วง เขียว ไอ้สิ่งนี้ถึงจะปลอม แต่เขาก็หมดไปสามแสนกว่า เขาชี้นิ้วไปที่จมูกของลู่เสี้ยงหยางพร้อมสาปแช่ง “แม่ง แกโง่มากนักใช่ไหม? กล้าโยนสร้อยคอของฉันทั้ง เชื่อ ไหมฉันฆ่าแกแน่”
ลู่เสี้ยงหยางยิ้มหน้านิ่ง มองข้ามคำขู่ของจางดิ่ง เทียน แล้วพูดต่อ “จูบแห่งเทพธิดานะฉันซื้อไว้แล้ว เนื่องจากเมียฉันชอบ ฉันก็จะมอบให้เธอ ส่วนแกไสหัว ไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้ เสนอหน้าเอาของปลอมมาที่นี่ ไม่ได้ แกไปเอาความกล้ามาจากใคร ฮ่าฮ่า คนอย่างแก ฉันเจอมาเยอะ คิดว่าใส่ชุดสูททั้งตัว ก็สามารถปกปิด ความเสื่อมโทรมในกระดูกได้ ของปลอมอยู่ในมือ ก็ สามารถปกปิดความสกปรกและน่าสมเพชในใจได้ แก ปัญญาอ่อนหรือไง มิน่าแกไล่ตามเมียฉันมาหลายปี ขนาดนี้ แม้แต่กลิ่นตดยังไม่เคยได้ดม”
ภายใต้การโจมตีที่ไม่สิ้นสุดของลู่เสี้ยงหยาง จางสิ่งเทียนได้แต่ยืนตะลึง คำด่าพวกนี้เป็นสิ่งที่เขาจะ ใช้โจมตีลู่เสี้ยงหยางไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงโดนไอ้ผู้ชาย คนนี้ชิงพูดไปก่อนได้?
“จะเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังกล้ามากวนใจ เมียฉันอีก ฉันจะทำให้แกกลายเป็นขันทีคนสุดท้ายของ ประเทศ” ทั้งประโยคสุดท้ายไว้ ลู่เสี้ยงหยางก็เดินอย่าง ผยองเข้าบริษัทไป
จางติงเทียนยืนโง่ไปครึ่งวันถึงได้สติ ปากก่นด่า ขึ้นทันที “แกไอ้งี่เง่า แม่งเอ้ย คอยดูว่าฉันจะหาคนมาฆ่า แกยังไง”
ด่าเสร็จเขาก็ควานหาสร้อยคอจากถังขยะอย่าง ไร้ภาพพจน์ นี่มันเกือบล้านกว่าเลยนะ หายไปก็แย่สิ
ในออฟฟิศของเย่สวน
ลู่เสี้ยงหยางนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเป็นกันเอง พู ดกับเย่สวนว่า “สวนเอ๋อ ถ้าคุณชอบจูบแห่งเทพธิดา จริงๆ ผมซื้อให้คุณได้”
พอได้ฟังเยสวนก็มีน้ำโห ไอ้ขยะนี่อยู่ตระกูลเย่ มาสามปี มีวันไหนที่ไม่ถูพื้นซักเสื้อผ้า เคยทำเรื่องที่ ผู้ชายควรจะทำซะที่ไหน
จูบแห่งเทพธิดาต้องมีเงินอย่างน้อยร้อยล้านถึง ซื้อได้ อีกอย่างมีแค่เงินก็ซื้อไม่ได้ ต้องมีเส้นสายใหญ่ โต ไอ้ขยะนี่เอาความกล้ามาจากไหน กล้าพูดอะไรโอหัง ขนาดนี้
“ไปไปไป ไสหัวไปซะ นายคิดว่าฉันหวงแหนจูบ แห่งเทพธิดาของนายนักหรือไง” เย่สวนโบกมือด้วย สีหน้ารังเกียจ ราวกับไล่แมลงวัน
“อือ” ลู่เสี้ยงหยางตอบรับ ลุกขึ้นจากโซฟา แล้ว เดินออกไป
เยสวนจมูกเริ่มแดง แทบจะร้องไห้ออกมา เธอ แต่งกับคนวิเศษแบบไหนกัน? ทำเอาตื่นตระหนกแทบ ตาย ยังขี้โม้ได้หน้าไม่อาย
ลู่เสียงหยางเดินออกมาจากออฟฟิศ โมโหหัว เสีย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไป น้ำเสียงโทนต่ำ “พ่อ ผมจำได้ว่าจูบแห่งเทพธิดาที่มีอันเดียวในโลกอยู่ที่ บ้านเก่าของตระกูลลู่ใช่ไหม? เดี๋ยวผมให้ที่อยู่พ่อไป ส่ง ไปรษณีย์มาให้หน่อย ผมจะเอาให้ลูกสะใภ้พ่อ”
เดิมที่ลู่กั่วตังอยากจะถามว่าจะเอาไปทำอะไร พอได้ยินว่าจะมอบให้ลูกสะใภ้ ก็ตะโกนเรียกคนทันที “เร็วเข้า ไปเอาจูบแห่งเทพธิดามา!”
หลังลู่เสี้ยงหยางไปได้สามชั่วโมง เลขาของเย่ สวนก็ถือพัสดุมาส่งให้ที่ออฟฟิศของเธอ
ชื่อบนพัสดุนั้นคือเย่สวน
ไม่กี่วันนี้เยสวนไม่ได้ซื้อของออนไลน์ ได้แต่แกะ
พัสดุด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นกล่องสวยงามขนาดเท่าฝ่ามือ ทำขึ้น
จากหยกก็ปรากฏให้เห็น
กล่องหยกนี้โปร่งใส มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นวัสดุ ชั้นเยี่ยม น่ากลัวว่ามีเงินไม่ถึงล้านก็คงซื้อไม่ได้
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือกล่องหยกนี้ยังมีสิ่งของอยู่
ข้างใน
เยสวนเปิดกล่องด้วยมือสั่นเทา ทันใดนั้นเธอก็ ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าตกตะลึง สมองว่างเปล่า
จูบแห่งเทพธิดา !
ข้างในคือจูบแห่งเทพธิดาจริงๆ
เลขาที่ยังไม่ได้เดินออกไปยืนอยู่ด้านหนึ่ง ตกใจ จนลงไปนั่งกองกับพื้น อึ้งจนพูดไม่หยุด “จูบแห่ง เทพธิดา ! แม่เจ้า ฉันเกิดมาได้เห็นจูบแห่งเทพธิดา แล้ว!”
ครึ่งนาทีต่อมา เย่สวนถึงได้สติ ในหัวเต็มไปด้วย
คำถามมากมาย
ใครกัน? ใช้ใจสื่อความหมายไปมากขนาดส่งจูบ แห่งเทพธิดามาให้เธอ?
ถึงแม้เมื่อกี้ลู่เสี้ยงหยางพึ่งพูดไป ว่าจะให้จูบแห่ง
เทพธิดากับเธอ แต่เธอไม่เชื่อเด็ดขาด ตอนนี้ก็เป็นเช่น
นั้น
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น คนทั้งชิงสุยกรุ๊ปต่างรู้ เรื่องกันหมด เย่สวนได้รับจูบแห่งเทพธิดา ทุกคนอยู่ใน ความโกลาหล
ในขณะเดียวกัน ลู่เสี้ยงหยางก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ไฟฟ้ามาถึงใต้ตึกหยูเม่ยหยิ่นกรุ๊ปแล้ว พนักงานสาวสวย ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปที่เดินไปเดินมาต่างชี้มาที่เขา
หยูเม่ยหยินกรุ๊ปนั้นทำผลิตภัณฑ์ความงาม ดัง นั้น90%ของคนในบริษัทต่างเป็นสาวงาม
“ว้าย ขี่มอเตอร์ไซค์มาสมัครงานบริษัทเรา ฉันพึ่ง เคยเห็น ไอ้โง่นี่กล้าใช้ได้เลยจริงๆ”
“ฮ่าฮ่า กล้าใช้ได้กับผีนะสิ เขาสมองไม่ปกติ คนแบบเขา มองยังไม่ต้องมองก็ตกรอบแล้ว”
ไม่แน่นะ เขาอาจจะมาสมัครเป็นยามก็ได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
กับคำพูดเหน็บแนมของคนเหล่านี้ ลู่เสี้ยงหยาง ทำหูทวนลม จอดรถมอเตอร์ไซค์เสร็จก็เตรียมเดินเข้า บริษัท
ที่บังเอิญคือ เขาที่พึ่งลงจากรถมอเตอร์ไซค์ก็เจอ เข้ากับหลี่หย่าหรู
หลี่หย่าหรูไม่คาดคิดเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่ลู่เสียง หยางทันที “ทำไมนายถึงได้หน้าหนาขนาดนี้?”
ถูกว่าอย่างงุนงงไปหนึ่งที่ ลู่เสี้ยงหยางรู้สึก สับสน “ฉันทำไมหรอ?”
“นี่ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เมื่อคืนหลังจากที่เจอฉัน
เห็นฉันหน้าตาสวย หลงใหลในความงามของฉัน ก็ อยากจะมาตามฉัน ได้ยินว่าฉันทำงานที่นี่ นายเลยจะมา สัมภาษณ์งานใช่ไหม?”
“ไม่ดูสภาพตัวเองว่าเป็นยังไง คิดว่าอยากเข้าหยู เม่ยหยินกรุ๊ปก็เข้าได้หรอ?”
ตอนที่เห็นลู่เสี้ยงหยาง เธอนึกถึงอยู่แค่ สถานการณ์เดียว ต้องเป็นเพราะเจ้าหนุ่มนี่เจอเธอเมื่อ คืนแน่ ถูกเธอครอบงำด้วยเสน่ห์ของเธอ เตรียมที่จะเริ่ม สะกดรอยตามเธอ ไล่ตามเธอมาจนถึงหยูเม่ยหยินกรุ๊ป แล้ว
ลู่เสียงหยางมีนนิ่งไปสามวินาที เข้าใจความคิด ของหลี่หย่าหรู จึงสายหัวทันทีแล้วพูดว่า “เธอวางใจ ฉันไม่ได้สนใจเธอเลย เธออย่าเข้าใจผิด”
“เหอะเหอะ เป็นคนไม่หัดเข้าใจด้วยตัวเอง งั้นก็ ไม่มีความหมาย ฉันทำงานที่นี่ได้ ไม่ได้แปลว่านายก็ ทำได้ คนอย่างนายแม้แต่ยามยังสมัครไม่ได้ด้วยซ้ำ รีบ ไปซะดีกว่า”
พูดจบ หลี่หย่าหรูก็เงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง แล้วบิดสะโพกเตรียมเดินเข้าบริษัท
แล้วในตอนนั้นเอง หญิงสาวสวมแว่นตาคนหนึ่งก็
รีบร้อนวิ่งออกมาจากด้านในบริษัท สวมใส่เครื่องแบบสี ดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว หลี่หย่าหรูตัวสั่นสะท้าน เธอรู้ว่าสาวสวยคนนี้เป็น
ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป การ
สัมภาษณ์รอบสุดท้ายก็เป็นหล่อนที่ทำการสัมภาษณ์
“ซุน , หัวหน้าซุน…” พูดทักทายด้วยความตื่น เต้นสุดขีด แต่หล่อนกลับไม่ได้สนใจเธอเลยซักนิด เดิน เฉียดไหล่ผ่านตัวเธอไป
ถึงแม้จะไม่ได้สนใจหลี่หย่าหรู แต่หลี่หย่าหรูก็ ไม่ได้โมโหโกรธเคือง หลังจากนี้อาจจะเป็นเจ้านายตัว จริง จำเป็นต้องเลียแข้งเลียขาไว้
เมื่อเห็นหัวหน้าซุนเดินจากไป ลู่เสี้ยงหยางที่ยืน อยู่ที่เดิมก็เรียกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “เฮ้ หยุดก่อน เธอมอง ไม่เห็นฉันหรือไง?”
หลี่หย่าหรูได้ยิน ในใจก็มีเสียงร้องออกมา ตกอก ตกใจ ฟังจากน้ำเสียงนั้น เป็นไปได้ไหมว่าคนระดับล่าง อย่างลู่เสี้ยงหยางจะรู้จักกับผู้จัดการฝ่ายบุคคลของ บริษัทยักษ์ใหญ่?
นี่หรือว่าฉันทำพลาดไปครั้งใหญ่กัน!
ในขณะที่หลี่หย่าหรูกำลังประหม่า หัวหน้าซุนก็ หันหัวมา มองลู่เสี้ยงหยางไปแวบนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วพูด อย่างเย็นชา “นายเป็นใคร?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ