หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 20 ครั้งแรกสินะ



บทที่ 20 ครั้งแรกสินะ

เมื่อได้ยินคำพูดของจางเทียนเฉิง คนในตระกูล เย่ก็รู้สึกสะใจทันที คนรับจางเทียนเฉิงจะมองผิดได้ยัง ไงกัน

ดูเหมือนว่าท่านย่าจะไม่ชอบลู่เสียงหยางเอา มากๆ ถึงได้ไม่ยอมรับความดีความชอบของเขาอย่างนี้

ลู่เสี้ยงหยางถอนหายใจออกมา สีหน้าเรียบนิ่ง หลายปีมานี้ ท่านย่ามีท่าทีอย่างนี้ตลอด เขาจึงคุ้นชิน กับมันแล้ว

มือสวยของเย่สวนบีบเข้าหากันแน่น มองไปทาง ลู่เสี้ยงหยางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เพราะเธอคนเดียว ลู่เสี้ยงหยางถึงได้ถูกปฏิบัติอย่างไม่ เท่าเทียมในตระกูลของพวกเขา

“ขยะ เศษสวะ ไอ้โง่ไร้สมอง” หลิวจิ้งคิดอย่าง ไม่มีไตร่ตรองว่า ของโบราณที่ลู่เสี้ยงหยางให้เป็นของ ขวัญคือของปลอม และก็ยังเป็นแค่ของข้างทาง จึง รู้สึกไม่ชอบหน้าลู่เสี้ยงหยางมากกว่าเดิม

เย่หยุนเท่าหัวเราะออกมาเสี่ยงดัง ก้มหน้าลงไป พูดข้างหูของเย่สวนว่า “เห็นไหม นี่แหละตำแหน่งของ ไอ้คนไร้ประโยชน์ในตระกูล ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่า ภาพวาดของฉันก็เป็นของปลอมเหมือนกัน แต่คุณย่าก็ ยังมองว่ามันล้ำค่า ส่วนของลู่เสี้ยงหยาง ที่เป็นของจริง ในสายตาของคุณย่าก็ยังเป็นของปลอมอยู่ดี ฮ่าๆ!”
เมื่อได้ยินแบบ นี้ มีอของเยส่วนก็ยังบีบเขาหากัน แน่น จนเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือ แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บอะไร เลย

ท่านย่าลำเอียง ไม่เคยให้ค่าครอบครัวของพวก เธอเลย เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

“เอาล่ะ วันนี้ฉันมีความสุข พวกเราไปทานข้าวที่ ร้านอาหารรอยเอ็ลเบอร์หนึ่งด้วยกันเถอะ” ท่านย่าพูด ขึ้นมา

พูดตามตรงถึงแม้ปากจะบอกออกไปว่าของขวัญ จากลู่เสี้ยงหยางไร้ค่า แต่ของโบราณชิ้นนั้นมีมูลค่าถึง ห้าสิบกว่าล้านเลยนะ ถือเป็นเงินทองที่ได้มาแบบฟรีๆ แล้วจะไม่ให้เธออารมณ์ดีได้ยังไง

ต่อมา คนกลุ่มหนึ่งก็มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารรอย เอิลเบอร์หนึ่งโดยมีท่านย่านำทาง

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง พวกของลู่เสี้ยงหยางก็มาถึง ร้านอาหารรอยเอิลเบอร์หนึ่ง

ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกว่ามันตลกสิ้นดี ไม่คิดเลยว่าจะ ได้มาทานข้าวในร้านที่ตระกูลตัวเองเป็นเจ้าของ

ร้านอาหารรอยเอ็ลเบอร์หนึ่งเป็นหนึ่งในร้าน อาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองปินเหอ เมื่อก่อนไม่ได้เป็น ของตระกูลลู่หรอก แต่เพราะว่าเจ้าของคนเก่าของร้าน อาหารรอยเอิลเบอร์หนึ่งไม่เก่งเรื่องธุรกิจ เป็นหนี้เป็น สินไปทั่ว ไม่ทันไรร้านนี้ก็ถูกคุณปู่ของเขาซื้อต่อมาได้

คนในตระกูลเย่ค่อนข้างมีเยอะ บวกกับตอนที่กำลังเดินทางมา ท่านย่ายังเอียปากชกช่วน ครอบครัว ทางฝั่งลูกสะใภ้ทั้งสามคนให้มาทานข้าวด้วยกันอีกด้วย

แต่ก็เว้นครอบครัวของหลิวจิ้งไว้แค่คนเดียว การ ปฏิบัติที่แตกต่างกันนี้มันชัดเจนเกินไปแล้ว

คนในครอบครัวใหญ่ๆมารวมตัวกัน จนมีที่นั่ง ราวๆสิบห้ากว่าโต๊ะ

ตอนที่สั่งอาหาร ท่านย่ามองเย่หยุนเทาพูดออก มาอย่างเอาใจว่า “หยุนเทา แกสั่งเลย”

“ได้ครับ คุณย่า” เย่หยุนเทาพยักหน้า เพื่ออวด เบ่ง จึงโบกมือให้พนักงาน แล้วพูดว่า “ไม่ต้องสั่งหรอก เอาเป็นว่าขออาหารขึ้นชื่อของร้านมาทั้งหมด แล้วก็

พวกเครื่องดื่มขอเป็นของแพงที่สุดนะ”

“ได้ครับ กรุณารอสักครู่” พนักงานยิ้มรับ จากก็วิ่ง ไปแจ้งในครัว ในระหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ ทุก คนก็พากันคุยเล่นฆ่าเวลา

เยสวนเหม่อลอย เธอได้นั่งโต๊ะหลักกับท่านย่า แต่ลู่เสี้ยงหยางกลับได้นั่งโต๊ะท้ายๆ คนร่วมโต๊ะกับเขา ส่วนใหญ่แล้วมีแต่เด็ก

เยสวนรู้สึกผิด จึงเดินไปพูดกับลู่เสี้ยงหยางว่า “ต่อไปนี้ฉันจะพยายามให้มาก มันต้องมีสักวันที่ฉันพา คุณไปนั่งโต๊ะหลักได้!”

ลู่เสี้ยงหยางชะงัก ตำแหน่งของเขาในหัวใจของ เยสวนคงสำคัญมากๆเลยสินะ
ไม่ต้องหรอก ผมเองก็ไม่อยากคลุกคลีกับคน

พวกนั้นสักเท่าไหร่เหมือนกัน” ลู่เสี้ยงหยางสายหน้า ยัง

ไงร้านอาหารรอยเอิลเบอร์หนึ่งนี่ก็เป็นของตระกูลลู่ ถ้า เขารู้สึกไม่พอใจเมื่อไหร่ แค่เขาพูดออกคำเดียวก็ สามารถไล่คนพวกนี้ออกไปได้แล้ว

เยสวนถอนหายใจออกมาเบาๆ คิดแค่ว่าลู่เสียง หยางกำลังหงุดหงิด จึงกลับมานั่งที่ของตัวเอง

เย่หยุนเทาเหลือบมองเย่สวน แล้วพูดถากถาง ขึ้นมาว่า “ทำไม สงสารไอ้ขยะนั้นเหรอ? พูดตามตรงนะ นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตของไอ้หมอนั่นที่ได้มาทานข้าว ที่ร้านอาหารรอยเออร์เบอร์หนึ่ง ล่ะสิ ถ้าไม่ใช่เพราะได้ รับบารมีจากพวกเรา คิดว่าจะมีโอกาสได้มาไหม? อย่าว่า แต่นั่งโต๊ะเลย ต่อให้หมอนั่นยืนกิน ก็ถือว่าเป็นบุญสุดๆ แล้ว”

เยสวนโกรธจนหน้าดำคล้ำเครียด เธอพูดอะไร ไม่ออกเลย

เย่ซวงพูดซุบซิบขึ้นมาว่า “ฉันได้ยินมาว่าร้านนี้ เป็นของตระกูลลู่แห่งเมืองหลวงล่ะ ฉันว่าฉันต้องมา ทานข้าวที่นี่บ่อยๆแล้ว เพื่อจะมีสักวันบังเอิญได้เจอ คุณชายสักคนของตระกูลลู่ ถ้ามีวาสนาหน่อย ฉันอาจจะ ได้แต่งเข้าตระกูลลู่ก็ได้นะใครจะไปรู้ แล้วหลังจากนั้น ตระกูลเราก็คงต้องพึ่งพาฉันแล้วล่ะ”

ได้ยินดังนั้น ก็ไม่มีใครขัดเธอสักคน กลับกันมีแต่ สนับสนุน
“เออ ซ่วงเอ่อ ดีแล้วล่ะทีมีความทะเยอทะยาน คนอย่างแกก็ไม่ใช่ธรรมดา อาจมีหวังได้แต่งเข้าตระกูล ไฮโซอย่างตระกูลลู่” ท่านย่าพยักหน้าพร้อมกับพูดออก

มา

เมื่อได้ความมั่นใจจากท่านย่า เย่ซวงก็ลำพองใจ จากนั้นก็มองไปทางเย่สวนอย่างดูถูก

ในวงศ์ตระกูล มีแค่เยสวนที่สวยและก็เรียนสูง กว่าเธอ เดิมทีแล้วมีความเป็นไปได้ที่สุดที่จะได้แต่งเข้า ตระกูลไฮโซ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ได้แต่งงานกับ เศษสวะไร้ค่าเสียก่อน

“เย่สวน ฉันแนะนำว่าควรรีบเลิกกับไอ้หมอนั่นให้ ไวๆ สักวันถ้าฉันได้แต่งเข้าตระกูลลู่ ไม่แน่ฉันอาจจะ แนะนำคนในตระกูลลู่ให้แกสักคนก็ได้นะ ถือซะว่า ทำบุญให้ก็แล้วกัน” เย่ซวงพูดถากถางออกมา

ไม่ต้องเปลืองแรงหรอก” เย่สวนพูดออกมาจาก นั้นก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก

ส่วนคนอื่นๆก็เริ่มเยินยอเย่ซวงขึ้นมาทันที

“พี่ซวงซวง ถ้าวันใดวันหนึ่งพี่ได้แต่งเข้าตระกูล ลู่ ก็อย่าลืมพาพวกเราได้ดีไปด้วยกันนะ”

“ซวงซวง แกเยี่ยมมาก ต่อไปนี้แกคือความหวัง ของตระกูลเราแล้วนะ”

อาหารถูกนำมาเสิร์ฟ ท่ามกลางเสียงเยินยอ เย่หยุนเทาดื่มเหล้าไปสองแก้ว เมื่อเหล้าแรงๆมาเสร์ฟ เขาก็เดินมาหาลู่เสียงหยางมองเหยียดอีกฝ่าย

แล้วพูดเหน็บแนมว่า “คนจนอย่างนาย คงเคยมาร้านอา

หารหรูๆแบบนี้เป็นครั้งแรกสินะ เวลากินก็กินให้มี มารยาทหน่อยล่ะ ถ้าทำให้ตระกูลเย่ของพวกฉันขาย หน้า นายจะรับผิดชอบไหวเหรอ”

ลู่เสี้ยงหยางทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงทานอาหารไป เรื่อยๆ

เย่หยุนเทายื่นมือออกไปจิ้มหน้าอกของลู่เสี้ยง หยาง แล้วพูดเหน็บแนมยิ่งกว่าเดิม “นายนี่มันโชคดี ฉิบหาย ให้ของข้างทางเป็นของขวัญคุณย่าแล้วยังได้ มากินข้าวอยู่ที่นี่อีก รู้ไหมว่าเพราะอะไร? เพราะว่าแก มันเกาะผู้หญิงกินยังไงล่ะ หน้าด้าน หน้าไม่อาย ไอ้โง่”

“งั้นเหรอ?” ลู่เสี้ยงหยางวางตะเกียบในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเย่หยุนเทา “คันหน้าอยากโดนต่อย อีกเหรอ?”

เย่หยุนเท่ามีสีหน้าอีกอัก เมื่อนึกไปถึงภาพก่อน หน้า เขาจึงไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก แต่ว่าแววตาที่มอง ลู่เสี้ยงหยาง ก็ยังคงเต็มไปด้วยความพยาบาท อย่ากจะ ฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ

“ขยะ” ลู่เสี้ยงหยางพูดออกมาสองคำ ขี้เกียจจะ เผชิญหน้ากับอันธพาลอย่างเย่หยุนเทา จึงเหยียดกาย ลุกขึ้นเดินไปหาท่านย่าที่โต๊ะหลัก

“คุณย่า คุณย่าแน่ใจนะว่าปิ่นปักผมที่ผมเอาให้ เป็นของปลอม?” ลู่เสี้ยงหยางกัมมองท่านย่าจากที่สูง
ดวงตาของท่านย่าวาวโรจน์ “ทำไม? เอาของข้าง ทางมาให้ฉัน ยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ อยากให้ฉันพูด ย้?”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมแค่ เกรงว่าลุงจางจะมองผิดไป อยากให้ท่านดูให้ดีอีกรอบ” ลู่เสี้ยงหยางพูดออกมาอย่างราบเรียบ

“เอาสิ ในเมื่อแกอยากขายหน้าอีกครั้งล่ะก็ ฉันจะ ตามใจแก” ท่านย่าหยิบกล่องเก่าๆออกมา

หลังจากได้รู้ว่าปิ่นปักผมเป็นของจริง และมี มูลค่าถึงห้าสิบล้าน สิ่งแรกที่เธอทำก็คือสั่งให้คนกลับ ไปเอากล่องที่ใส่ปิ่นปักผมมาให้เธอ ของมีค่าขนาดนี้ เธอต้องเก็บไว้กับตัว

“ตาจางหัวโบราณ คุณดูใหม่อีกรอบสิ มีคน ข้องใจกับสายตาของคุณนะ” ท่านย่าพูดกับจางเทียน เฉิงที่นั่งอยู่ข้างๆ

สีหน้าของจางเทียนเฉิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ใน ใจก็แอบด่าลู่เสี้ยงหยางว่าโง่ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าท่านย่าแสดงออกชัดแล้วว่าไม่ชอบ เขา และหาวิธีโจมตีเขาอยู่ แต่เขาดันเสนอหน้าออกมา รับซะอย่างนั้น

หลิวจิ้งยืนขึ้น แล้วชี้หน้าด่าลู่เสี้ยงหยาง “ลู่เสี้ยง หยาง ไอ้คนไร้ประโยชน์ มีสิทธิ์อะไรมายืนอยู่ตรงนี้ ไสหัวไปเลยนะ แค่เห็นหน้าแกฉันก็อารมณ์เสียแล้ว”

ถ้าลู่เสี้ยงหยางถูกโจมตีเรื่องปิ่นปักผมอีกครั้งล่ะก ครอบครัวของพวกเธอต้องขายหน้าอีกครั้งอย่าง เลี่ยงไม่ได้แน่ๆ

แต่ทว่าเรื่องที่ทำให้ทุกคนเหนือความคาดหมาย ก็คือ ไม่ทันที่จางเทียนเฉิงได้เอ่ยปากพูด ลู่เสี้ยงหยาง ก็หยิบเอากล่องนั้นขึ้นมา

จากนั้นก็เปิดกล่อง แล้วหยิบเอาปิ่นปักผมที่อยู่ ข้างในออกมา ออกแรงแค่นิดหน่อย ปิ่นปักผมก็ถูกขยำ เป็นท่อนๆ ลู่เสี้ยงหยางยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขาขยำ มีอจนปิ่นปักผมแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆจากนั้นก็โยน ลงถังขยะเท่านั้นยังไม่พอ เขาถ่มน้ำลายลงถังขยะตาม

ไปด้วย!

ทุกคนอ้าปากค้าง

นี่มันอะไรกัน?

“ลู่เสียงหยาง แก…ท่านย่าใบหน้าบิดเบี้ยว ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ใช้สองมือกุมหน้าอก รู้สึกเจ็บปวดใจ สลาย ลมหายใจเริ่มติดขัด

นั่นมันโบราณวัตถุมูลค่าห้าสิบล้านเลยนะ คิดไม่ ถึงเลยว่าจะถูกลู่เสี้ยงหยางทำลายไปแล้ว แถมยังโยน ลงถังขยะอีก

“หีๆ คุณย่า ในเมื่อมันก็แค่ของข้างทาง และ คุณย่าก็รู้สึกอารมณ์เสียเวลาเห็นมัน เพราะงั้นผมเลย เอาทั้ง คุณย่าจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสียอีกไง” ลู่เสี้ยง หยางพูดออกมาอย่างสบายๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ