หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 17 แลกเปลี่ยนตัวประกัน



บทที่ 17 แลกเปลี่ยนตัวประกัน

ทันทีที่ท่านย่ากดวางสาย ไม่นานเย่สวนก็โทร กลับมาอีกครั้ง

โดยที่ไม่รู้ว่า ตอนนี้เย่สวนกำลังตกอยู่ใน อันตราย

เธอสบโอกาสช่วงที่หลิวจิ้งกำลังเบี่ยงเบนความ สนใจจางติ่งเทียน ด้วยการอาศัยความรู้สึกกดเปิดราย ชื่อผู้ติดต่อ จากนั้นก็กดสุ่มโทรออก คิดไม่ถึงว่าจะโทร เข้าสายของท่านย่า

แต่ดูเหมือนเธอจะโชคไม่ดี เพราะท่านย่ากดวาง สายไปแล้ว

เยสวนจึงทำได้แค่กดโทรใหม่อีกครั้ง และสายก็ ถูกโอนมาถึงท่านย่าอีกครั้ง

“หา ทำตัวเป็นแมลงวันไร้หัวไปได้” ท่านย่าส่ง เสียงหีขึ้นจมูก แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องกดรับสาย เพื่อที่ บริษัทเกิดเรื่องอะไร จะได้ไม่สายเกินแก้

ทว่า สิ่งที่ทำให้ท่านย่าแปลกใจก็คือ เมื่อกดรับ สายแล้ว กลับไม่ได้ยินเสียงของเย่สวนเลย

“หืม? อะไรกัน?” เย่สวนขมวดคิ้วมุ่น พร้อมกับ ขยับโทรศัพท์แนบหู

ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เมื่อได้ยินบทสนทนาไม่น่าพึงประสงค์ในสายโทรศัพท์
“จางตึงเทียน อย่านะอย่า ขอร้องละปลอยพวก ฉันไปเถอะ”

“หีวันนี้ฉันจะเอาพวกแกสองคนพร้อมกันเลย รอสนุกไปด้วยกันซะดีๆ ..

ท่านย่าอยู่มาตั้งกี่ปี เคยผ่านอะไรมามากมาย จึงรู้เรื่องเป็นธรรมดา ว่าสองแม่ลูกนั้นกำลังเจอกับอะไร อยู่

“สามหาว คิดไม่ถึงเลยว่าจางยิ่งเทียนจะตัณหา กลับเอาไม่เลือก กล้ามาทำเรื่องทุเรศแบบนี้กับตระกูลเย่ ของฉันได้ยังไง” ท่านย่าตบโต๊ะเสียงดัง ลุกพรวดขึ้นมา

“แม่ครับ มีเรื่องอะไรเหรอ?”

“คุณย่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

คนตระกูลเย่ทยอยถามกันขึ้นมา ไม่เข้าใจว่า ทำไมท่านย่าถึงเดือดขนาดนี้

ท่านย่าทำหน้าขมุกขมัว จากนั้นก็ค่อยๆพูดเรื่อง ราวที่ได้ยินจากสายโทรศัพท์

เมื่อได้ยินที่ท่านย่าพูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากัน

ด้วยสีหน้าช็อกๆ

แต่ว่าไม่นานพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสะใจ ยังไงซะ ทุกคนก็ต่างไม่ชอบหน้าครอบครัวเย่สวนเท่าไหร่ จาง ติ่งเทียนจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ

“เหอะๆ คุณย่า ไหนๆคุณย่าก็รู้สึกขัดหูขัดตาสอง แม่ลูกนั่นอยู่แล้ว พวกเธอหาเรื่องเองก็ปล่อยให้พวกเธอเอาตัวรอดเองเถอะครับ ” เยหยุนเท่าพูดอย่างใจดำ ตอนนี้เขาเกลียดลู่เสี้ยงหยางฝั่งใจ ฉะนั้นปล่อยให้ลู่เสี้ ยงหยางโดนสวมเขาอันใหญ่ๆเถอะ ฮ่าๆๆ แค่คิดก็ขำ แล้ว

“เฮ้อ” ท่านย่าถอนหายใจออกมา พูดขึ้น” ถ้าจาง ซิ่งเทียนทำเรื่องทุเรศแบบนั้นกับเย่สวนและหลิวจิ้งจริงๆ มันกระทบถึงชื่อเสียงตระกูลเย่ของเราแน่ๆ เพราะฉะนั้น เราจะนิ่งเฉยไม่ได้”

ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เธอก็ไม่ได้ สนใจความเป็นความตายของสองแม่ลูกนั่นเลยสักนิด ที่ เธอแคร์ก็คือชื่อเสียงของตระกูลเย่ต่างหาก!

เมื่อท่านย่าพูดมาอย่างนี้ ทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไร อีก ขณะเดียวกันคนของตระกูลเย่กับจางเทียนเฉิงก็รีบ ตรงไปที่บ้านของเย่สวน

อีกอย่าง ตอนที่เพิ่งออกมา ท่านย่าก็โทรศัพท์ไป แจ้งตำรวจไว้แล้ว

ความช่วยเหลือจากตำรวจน่าจะได้ผลมากว่า ความช่วยเหลือจากตระกูลเย่ อีกอย่างแถวๆบ้านของเย่ สวนยังมีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ๆ ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที ตำรวจก็มาถึง จากนั้นก็ล้อมตัวบ้านเอาไว้

ในตำรวจทีมนี้ ผู้นำทีมก็คือตำรวจหญิงหวังเสว่ คนสวยหุ่นแซ่บ

หวังเสว่เปิดโทรโข่ง แล้วพูดกับคนข้างในว่า “คน ที่อยู่ข้างในฟังไว้ ตอนนี้คุณถูกล้อมแล้ว ทางที่ดีห้ามขัดขึน ถ้าคุณหยุดการกระทาที่ไม่ดีลงเสียตอนนี้ พวก เราจะผ่อนปรนโทษให้”

ภายในห้องนอนบริเวณชั้นสอง จางสิ่งเทียนเพิ่ง ฉีกกระชากเสื้อของหลิวจิ้งออกสำเร็จ และในตอนที่ กำลังจะสัมผัสชุดชั้นใน เสียงของหวังเสว่ก็สะท้อนเข้า มาในหู

“บ้าเอ๊ย! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?” จางดิ่งเทียน เริ่มวิตก ไม่มีอารมณ์กระทำความผิดใดๆต่อ

เขาเดินไปที่หน้าต่างอย่างร้อนรน จึงพบว่าข้าง ล่างมีตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว

“ให้ตาย ทำไมเรื่องมันถึงเป็นอย่างนี้!” จางดิ่ง เทียนชัดหมัดกระทบผนัง ในใจรู้สึกยอมไม่ได้

เขาไม่เพียงแต่ขึ้นใจเย่สวนกับหลิวจิ้งไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นหาเรื่องติดคุกซะงั้น

แต่ว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่ยอมถูกจับง่ายๆ แน่ ในดวงตาฉายแววโหดเหี้ยมเขาจับมีดปอกผลไม้ที่ วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วรีบเดินเร็วๆไปยังข้างเตียง จากนั้นก็กระชากเย่สวนขึ้นมาอย่างแรง แล้วนำมืดปอก ผลไม้จี้เข้าที่คอของเยสวน

“คนข้างนอกฟังเอาไว้ ทางที่ดีพวกแกห้ามทำ อะไรผลีผลามเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มีดในมือฉันได้ ปาดคอของเย่สวนขาดแน่”

คิ้วของหวังเสว่เริ่มขมวดมุ่น ฟังจากเสียงพูดของ จางสิ่งเทียนแล้ว ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังตื่นตระหนก ดูเหมือนคงใช้ไม่แข็งไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้น อาจจะเป็น เหตุให้มีคนเจ็บก็เป็นได้

“รีบติดต่อนักเจรจามาหน่อย บอกให้เขามาที่นี่” หวังเสว่พูดกับผู้ช่วยข้างกาย

ผู้ช่วยรับคำ จากนั้นก็รีบล้วงโทรศัพท์ออกมากด โทรออก

ขณะเดียววัน คนของตระกูลเย่ก็ทยอยมาถึง หลังจากคุณย่ามาถึงก่อนแล้ว

ท่านย่ากลืนน้ำลายลงคอ จากนั้นก็ตะโกนเสียง ดังว่า “จางยิ่งเทียน อย่าทำอะไรบ้าๆนะ กลับตัวเสีย ตอนนี้ก็ยังทัน ตำรวจและทุกคนจะยอมผ่อนปรนโทษ ให้”

“ฤย! โกหกทั้งเพ ฉันไม่หลงกลหรอก” เสียงตื่นๆ ของจางติ่งเทียนตะโกนลงมาจากชั้นสอง

“นี่ จางดิ่งเทียน กว่าคุณจะมาถึงจุดนี้ก็ลำบากมา เยอะ งั้นพูดมาเถอะ ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมปล่อย หลานสาวและลูกสะใภ้ของฉัน?” ท่านย่าเอ่ยถาม

เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก ท่านย่ามักจะแสดงความ เมตตา ความเป็นกลาง และความน่านับถือในฐานะผู้นำ ของตระกูลออกมา

จางยิ่งเทียนครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็คิดออก พูดออกมาทันทีว่า “นังแก่ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ถ้าแก อยากช่วยหลานกับลูกสะใภ้ของแก งั้นก็เอาตัวแกมา แลกตัวประกันสิ”
จางตึงเทียนสมกับเป็นพ่อค้าหน้าเลือด สมอง ทางด้านนี้ใช้งานได้ดีมาก ตอนนี้เขาต้องการตัวประกัน ที่มีตำแหน่งสูงมากพอที่จะสามารถเป็นหลักประกันให้ เขาได้ และตอนนี้ท่านย่าก็ถือครองตระกูลเย่กรุ๊ปอยู่ จำนวนค่าตัวคงอยู่ที่ราวๆร้อยล้าน ถ้าได้เธอมาเป็นตัว ประกัน เขาก็จะสามารถเสนอข้อต่อรองที่ได้ประโยชน์ มากกว่านี้

“อะไรนะ?” คำพูดของเขา ทำให้ท่านย่าขาอ่อน จนทรุดลงนั่ง คนในตระกูลเย่เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาบน หน้าผาก จากนั้นก็พากันพูดว่า

“แม่ ห้ามเข้าไปเด็ดขาดเลยนะ จางติ่งเทียนมัน บ้าจนเสียสติไปแล้ว ถ้าแม่เข้าไปต้องเจออะไรโหดร้าย บ้างก็ไม่รู้”

“ใช่คุณย่า ช่างหัวชีวิตไร้ค่าของเย่สวนกับหลิว จิ้งไปสิ ชีวิตคุณย่ามีคุณค่ากว่าเป็นไหนๆ!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวังเสว่ก็เดดแอร์ ตระกูลนี้นี่ มันแปลกเสียจริง จำเป็นต้องประจบเอาใจขนาดนี้เลยเห รอ?

ทว่ายังมีเรื่องแปลกไปกว่านั้น เมื่อได้ยินเย่หยุน เทาเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมาว่า “คุณย่าครับ คุณย่าไม่ จำเป็นต้องเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือหรอกครับ คนที่ จางสิ่งเทียนเกลียดที่สุดก็คือลู่เสี้ยงหยาง เอาเขามา แลกตัวประกันแทนจะไม่ดีกว่าเหรอครับ ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็จะได้คนในตระกูลคืนมา ทั้งยังได้กำจัดคนไร้ ประโยชน์ออกไปด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะครับ”

หวังเสว่มีสีหน้าถมึงทึงในทันที เอาคนอื่นไปแลก ตัวประกัน? ความคิดชั่วร้ายแบบนี้ คงมีแค่ครอบครัว แปลกประหลาดนี่แหละที่คิดออกมาได้

“ความคิดดี หยุนเทา เรื่องนี้แกจัดการเลยนะ” ดวงตาของท่านย่าเป็นประกาย เธอไม่ยอมไปเป็นจำเลย แน่ๆ

อีกอย่าง เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คน โง่อย่างลู่เสี้ยงหยาง แล้วจะเป็นใครได้อีก?

“ได้ครับ คุณย่าคอยดูได้เลย” เย่หยุนเทาทำหน้า เหลิง แสยะยิ้มร้ายแล้วล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมา โทร หาลู่เสี้ยงหยาง

ภายในห้องท่านประธานหยูเม่ยหยินกรุ๊ป

ลู่เสี้ยงหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทาง สบายๆ ตรงหน้ามีหวงโหย่วเหวยและไปสู้สู้ที่ยืนอยู่ อย่างนอบน้อม

สองคนนั้นก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาลู่เสี้ยงหยาง เลยแม้แต่น้อย

หวงโหย่วเหวยรวบรวมความกล้า แล้วพูดออกมา อย่างยากลำบากว่า “คุณชายลู่ ผมทำความสะอาดไปสู้ สู้เรียบร้อยแล้ว ผมพาเธอมาส่งตามที่คุณสั่งไว้”

“อืม นายออกไปได้แล้ว” ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้านึ่งๆ

“ครับคุณชายลู่” หวงโหย่วเหวยไม่รีรอ รีบหมุน ตัวเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว

ไปสู้สู้กำหมัดแน่น คิดไม่ถึงว่าหวงโหย่วเหวยจะ ต่ำทรามถึงขนาดนี้ ในเวลาแบบนี้ไม่ใช่แค่ทิ้งเธอ แต่ ยังส่งเธอให้ผู้ชายคนอื่นอีก

“คุณคงรู้ว่าต้องทำยังไง หรือต้องให้ผมบอก?” ลู่ เสี้ยงหยางลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าไป สู้สู้ จากนั้นก็ช้อนคางเธอขึ้น

ใบหน้าของไปสู้สู้เต็มไปด้วยความอัปยศอดสู แต่เธอก็ไร้ทางเลือก ใครจะไปรู้ล่ะว่าคนที่เธอไปลองดี ด้วยจะเป็นคนใหญ่คนโตอย่างลู่เสี้ยงหยาง เธอกัดฟัน อยู่สักพัก มือเรียวสวยก็ยกขึ้นมา ค่อยๆแกะกระดุมออก!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ