หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 179 เศษสวะ



บทที่ 179 เศษสวะ

เมื่อเห็นว่าฉินกว่างจากไป เย่สวนได้แต่กัดฟันแล้วบ่นพิมพำ อยู่ในปาก “ปัญญาอ่อน”

คู่เลี้ยงหยางไม่มีการแสดงออกได ๆ แต่ชื่อของฉินกว่าง นั้นถูกเขียนลงในลิสแห่งความตายของเขาเรียบร้อยแล้ว

เย่สวนคือของรักของหวงของเขา ใครกล้าแตะต้องจำเป็น ต้องแลกด้วยความหายนะ

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ทุกคนที่มาเข้าร่วมพิธีเปิดนี้ก็ได้มา กันครบแล้ว และพิธีเปิดก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

อันดับแรกเป็นการกล่าวเปิดพิธีของพิธีกรสาวสวยในชุด ราตรี จากนั้นตามด้วยซุนเซียงเซียงเดินออกมาท่ามกลาง เสียงปรบมือที่ดังสนั่น

ซุนเซียงเชียงแต่งตัวในชุดราตรีเซ็กซี่และเป็นผู้ใหญ่ซึ่งดู เหมือนราชินีแห่งแฟชั่น บรรยากาศครึกครื้นในท่ามกลางฝูงชนได้ถูกจุดประกาย

ขึ้น หลายคนจำเป็นต้องกลืนน้ำลายที่ได้เห็นเธอ ท่าน ประธานหอการค้าของเราดูงดงามมีราศีขนาดนี้เลยหรือ?

หลังจากซุนเซียงเซียงขึ้นไปบนเวทีเธอก็พูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านประธานของเราไม่ค่อยชอบบรรยากาศที่ครึกครื้นสักเท่าไหร่ ดังนั้นวันนี้ดิฉันต้องเป็นตัวแทนท่านประธานมา กล่าวเปิดพิธีนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนถึงรู้ว่าเธอไม่ใช่ประธาน แต่เป็นผู้ ช่วยของประธานเท่านั้น

ชุนเชียงเชียงยังคงพูดต่อ หลังจากพูดถึงการจัดตั้ง หอการค้าและกล่าวคำขอบคุณเสร็จเธอก็ยื่นไมโครโฟน คืนให้กับพิธีกร

พิธีรับไมโครโฟนมาแล้วดำเนินรายการต่อ ส่วนซุนเชียง เซียงก็ถอยไปอยู่หลังเวที

หลังจากการเฉลิมฉลองที่ครึกครื้นแล้ว พิธีเปิดในวันนี้ ก็ได้มาถึงรายการสุดท้าย

บรรดาผู้คนที่มาร่วมในพิธีต่างก็แสดงความยินดีด้วยการ มอบของขวัญ

เย่สวนและหลิวจิ้งไม่รู้ว่าจะมีการมอบของขวัญด้วย ดังนั้น พวกเธอจึงไม่ได้เตรียมอะไรมาและได้แต่นั่งอยู่กับที่อย่าง ทำตัวไม่ถูก

โชคดีที่สู่เสี้ยงหยางเตรียมการสำหรับพวกเธอไว้ เขาจึง หยิบปากกาออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้กับเย่สวน

“รับไว้” สู่เสี้ยงหยางยิ้มพูด

คือ?
เย่สวนเบิกตากว้างทันที ปากกาที่สู่เสี้ยงหยางให้มามัน ธรรมดาไปไหม? ก็แค่สินค้าข้างถนนราคาไม่กี่เหรียญเนี่ยนะ

อีกอย่าง สมัยนี้แล้วใครยังจะใช้ปากกาด้วย? ต้องเข้าใจว่าของขวัญนี้ต้องมอบให้กับท่านประธาน

หอการค้าเชียวนะ

“ลู่เสี้ยงหยาง คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ คิดอะไรอยู่ คุณ อยากฆ่าฉันทางอ้อมใช่ไหม?” เย่สวนพูดอย่างไม่เกรงใจ

ลู่เสี้ยงหยางตอบอย่างใจเย็น “ท่านประธานหอการค้า ต้องเซ็นเอกสารเยอะ ยังไงท่านก็ต้องชอบปากกาด้ามนี้ อย่างแน่นอน อีกอย่างผมได้ยินเพื่อนเล่าว่าท่านประธานเป็น คนใช้ชีวิตประหยัดเรียบง่าย ไม่ชอบความฟุ่มเฟือยและสิ้น เปลือง ถ้ามอบของขวัญหรูหราราคาแพงให้กับท่าน ท่านจะ ไม่ชอบมากกว่านะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่สวนก็เงียบไป

สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไมเธอเลือกที่จะเชื่อใจลู่เสี้ยงหยางอย่าง เธอจึงรับปากกาจากลู่เสี้ยงหยางมาแล้วเดินขึ้นไปบนเวที

ผู้คนมากมายที่อยู่ด้านล่างเวทีได้เห็นเยสวน ดวงตาพวก เขาเปล่งประกาย หัวใจสูบฉีดเร็วขึ้น ยังมีผู้หญิงที่สวย สมบูรณ์แบบในโลกใบนี้อีกหรือ?

แต่ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นปากการาคาถูกที่เย่สวนถืออยู่

“ฮ่า ๆ ๆ เธอเป็นคนหน้าตาดีอยู่นะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็น ปัญญาอ่อน จะเอาปากกาเน่า ๆ แบบนั้นเป็นของขวัญมอบ ให้กับท่านประธาน คงคิดจะล้อเลียนว่าท่านประธาน หอการค้าเป็นเกษตรกรแน่?” เสียงหัวเราะท่ามกลางฝูงชน ดังขึ้น

“ช่า ๆ ๆ เธอจบแน่ กล้าล้อเลียนกับท่านประธาน หอการค้าแบบนี้”

“อ้าว นั่นไม่ใช่เยสลูกสาวของตระกูลเย่เหรอ? ชิบหาย ทั้งครอบครัวแน่”

เมื่อฟังคำเยาะเย้ยของคนเหล่านั้นจู่ ๆ เย่สวนก็รู้สึกเสียใจ ที่ดันไปเชื่อคำพูดของลู่เสี้ยงหยาง เธอต้องตายเพราะเขาแน่

หลิวจิ้งสีหน้าเคร่งเครียด เธอประมาทไปเองที่ปล่อยให้เย่ สวนขึ้นไปโดยที่ไม่ได้ห้ามสู่เสี้ยงหยางยุยงเธอ

เอาไงล่ะทีนี้ อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่ให้ของขวัญก็จบเรื่อง ตอนนี้ กลับต้องทำให้ท่านประธานต้องโกรธ

ในเวลาเดียวกันสีหน้าของพิธีกรก็ดูแย่มาก เธอกระชาก ปากกาจากมือของเย่สวนแล้วโยนลงไปบนพื้นทันที “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณคิดว่าท่านประธานเป็นขอทานหรือ?

บอกชื่อนามสกุลของคุณมา ตระกูลของคุณเตรียมถูกลบออกจากปินเหอได้เลย” พิธีกรพูดอย่างเย็นชา

พรีบ!

เย่สวนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร เธอรู้สึกขาอ่อนจนต้องนั่งลง

กับพื้น

หมดกัน!

ตระกูลเย่หมดกัน!

เกลียด!

ณ ตอนนี้เธอเกลียดลู่เสี้ยงหยางมาก

เพราะความคิดแย่ ๆ ของเขาคนเดียว!

เมื่อเห็นทำทีของพิธีกรบนเวที ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วแล้ว หยิบโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ข้อความและส่งออกไป

ฉินกว่างเดินตามหลังเย่สวนเพื่อขึ้นไปมอบของขวัญบน เวที

ของขวัญจากฉินกวางคือภาพวาดของเหยียนเจินชิง

เหยียนเฉินซิงคือนักเขียนและนักศิลปะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คนหนึ่ง ซึ่งราคาประมูลภาพวาดของเขานั้นขั้นต่ำจะอยู่ที่ 5

ล้าน

และภาพวาดที่ฉินกว่างจะมอบให้กับประธานในวันนี้มีชื่อ ว่า “เจียซู” ซึ่งเป็นผลงานภาพวาดชิ้นล่าสุดของเหยียนเจินชิงตามราคาท้องตลาดแล้วภาพนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน

ก่อนหน้านี้แม้หลายคนจะมอบของขวัญล้ำค่าให้ประธาน แต่มูลค่าของขวัญนั้นมากสุดก็แค่สองถึงสามล้าน ซึ่งฉิน กว่างเป็นคนแรกในวันนี้ที่มอบของขวัญอันมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้าน

พิธีกรที่ผ่านอะไรมามากมายกลับต้องตกตะลึงในวินาทีนี้ “คุณผู้ชายท่านนี้สุดยอดเลยจริง ๆ ของขวัญของคุณรับรอง ว่าท่านประธานต้องพอใจอย่างมากแน่นอน”

ฉินกว่างยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ขอเพียงท่านประธาน ชอบใจก็พอแล้วครับ”

เมื่อพูดเสร็จเขาก็หันกลับไปมองเย่สวนที่ยังคงนั่งอยู่บน พื้นแล้วยิ้มพูดต่อ “เดี๋ยวผมก็จะกลายเป็นคนดังต่อหน้าท่าน ประธานแล้วนะ ส่วนครอบครัวของคุณก็คงถูกลบออกจาก เมืองปินเหอนี่ ฮ่า ๆ ถ้าคุณยอมคุกเข่าขอร้องผมและยอมรับ เงื่อนไขที่ผมบอก ยอมเป็นของเล่นบนเตียงของผมซะ ผม อาจจะช่วยคุณแก้ต่างต่อหน้าท่านประธานได้นะ”

เยสวนยังคงมีศักดิ์ศรีพอ แม้จะรู้ว่าหายนะกำลังไกล้เข้า มาแล้ว แต่เธอก็ยังตอบอย่างปากแข็ง “คุณฝันไปเถอะ”

ดวงตาของฉินกว่างประกายความหนาวเย็น ใบหน้าของ เขามีดมิดไปชั่วขณะ ในเมื่อพูดแบบนี้แล้ว คุณกับ ครอบครัวของคุณก็รอเจอกับหายนะได้เลย”
เมื่อพูดจบ ฉินกว่างเอามีอไขว้หลังด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ แล้วเดินลงเวทีกลับไปนั่งที่นั่งเดิมของเขา

คนรอบข้างฉินกว่างรู้ดีว่าเขากำลังจะถูกประธานยกย่อง ดังนั้นทุกคนจึงรีบเข้าหาเขาเพื่อตีสนิท

หลิวจิ้งที่เห็นภาพนี้แล้วแทบไม่อยากหายใจต่อ สิบนาทีต่อมา ผู้ที่มอบของขวัญค่อย ๆ เดินลงและไม่มี

ใครขึ้นไปมอบของขวัญอีก

พิธีกรกำลังจะประกาศว่าพิธีเปิดนี้ได้สิ้นสุดลงอย่าง สมบูรณ์แล้ว แต่ในเวลานี้ซุนเซียงเซียงกลับเดินขึ้นเวทีอีก ครั้งแล้วหยิบไมโครโฟนมาพูดด้วยรอยยิ้ม “ติฉันได้ยินว่า ทุกคนได้มอบของขวัญให้กับท่านประธานจึงตั้งใจออกมาดู ว่ามีขอขวัญอะไรบ้าง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินกว่างมีความสุขที่สุดอย่างไม่ต้อง สงสัย ดูเหมือนว่าเขากำลังจะถูกประธานยกย่องแล้วสินะ

เยสสวนก็เริ่มมีความปรารถนาที่จะตายแล้ว และเธอได้ ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะแบกรับความโกรธเกรี้ยวของประธาน ไว้คนเดียว

สายตาของซุนเซียงเซียงกวาดมองของขวัญเหล่านั้น และ ทันใดนั้นสายตาของเธอก็หยุดตรงที่ภาพของเหยียนเจินชิง

“ขอขวัญชิ้นนี้ท่านใดเป็นผู้มอบ? กรุณายืนขึ้นหน่อยค่ะ”ขุนเชียงเชียงพูดเบา ๆ

“ของผมครับ ของผมครับ” ฉินกว่างรีบลุกขึ้นแล้วขึ้นไป บนเวทีทันที

ชุนเชียงเชียงยิ้มถาม “ภาพวาดนี้ราคาเท่าไหร่เหรอคะ?”

ฉินกว่างตอบ “ไม่มากครับ แค่11ล้านเท่านั้น” ซุนเซียงเซียงยิ้มหน้าบานขึ้นแล้วถามเขาต่อ “ภาพวาดนี้

หายไปหลายปีแล้ว คุณได้มาจากไหน?”

ฉินกว่างตอบอย่างภาคภูมิใจ “ผมได้มาจากตลาดมืดและ ผมหวังว่าท่านประธานจะชอบนะครับ”

“ดีมาก จริงใจมาก” ชุนเซียงเชียงยังคงถามต่อ

ฉินกว่างส่ายหัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “จากนี้ ไปตระกูลฉินของเราจะสนับสนุนท่านประธานอย่างเต็มที่ และผมก็หวังว่าท่านประธานก็จะจดจาคุณงามความดีของ ตระกูลฉินของเราด้วยครับ”

“แน่นอน แต่น่าเสียดายท่านประธานของเราไม่ชอบของ จากตลาดมืดที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ สักเท่าไหร่” น้ำเสียงของ ซุนเซียงเซียงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

หือ? หมายความว่าไง? ฉินกว่างขมวดคิ้วทันที

ซุนเชียงเชียงพูดต่อ “คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายสมบัติของชาติ คุณลองคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยนะ

พรีบ!

ฉินกว่างเข่าอ่อนจนนั่งลงกับพื้น

“เฮ่อ น่าผิดหวังจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าในงานหอการค้าของ เรากลับต้องเจอกับของเถื่อนแบบนี้ มา ส่งคุณผู้ชายท่านนี้ไป ตรวจสอบในแผนกที่เกี่ยวข้องหน่อย” ซุนเชียงเชียงโบกมือ เรียก

ชายในชุดสูทสองคนรีบวิ่งขึ้นไปบนเวทีแล้วจับตัวฉิน

กว่างไป

ฉินกว่างได้แต่กรีดร้องขอความเห็นใจ แต่มันก็สายเกินไป

นี่มัน?

ฉากนี้ทำให้คนที่มอบของขวัญต่างสบตากันและกัน มัน หมายความว่ายังไง?

หลิวจิ้งรู้สึกอึ้งและยังตั้งสติไม่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ