หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 111 คุกเข่าขอเป็นศิษย์



บทที่ 111 คุกเข่าขอเป็นศิษย์

เมื่อได้ยินที่ลู่เสี้ยงหยางพูดสวีเทียนหลินก็ยิ้มเยาะ “วัยรุ่นก็งี้ ขอบพูดจาโอ้อวด เอาความสามารถจริงๆมาโชว์กันดีกว่า”

“ช่างเถอะ ผมจะทำให้คุณยอมรับความพ่ายแพ้อย่าง เต็มใจให้ได้” สู่เสี้ยงหยางตอบกลับพลางหยิบผ้าที่ม้วน เป็นกระบองออกมาจากหน้าอก

ผ้าค่อยๆคลายออก เห็นแค่เข็มเงินที่ปักอยู่ถี่ยิบ

ดูเหมือนว่า ลู่เสี้ยงหยางอยากจะใช้เข็มเงินเหล่านี้แก้พิษ ให้กับนายท่าน

“หยุดก่อกวนได้แล้ว”ถังกั๋วเหลียง พูดขึ้นเสียงดัง ในใจ รู้สึกไม่สบายใจ อยากที่จะห้ามปรามลู่เสี้ยงหยาง

แต่ไม่ช้าเขาก็ถูกถังหลงกับถังปิงหยู่ขวางไว้

“พ่อครับ พ่อวางใจเถอะ ฝีมือทางการแพทย์ของพี่ใหญ่ นั้นสุดยอดจริงๆ “ถังหลงพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ใช่ครับพ่อ แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะชอบพูดโอ้อวด แต่เขาก็ เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่งเลยครับ ฝีมือการรักษาก็ไม่เลวนะ ครับ”ถังปิงหยู่พูดขึ้น

“ครู่หนึ่งสู่เสี้ยงหยางถึงกับพูดไม่ออก ทำไมถึงได้สบประมาทคนอื่นแบบนี้?

แต่ว่าการแก้พิษนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่มีความจำเป็น อะไรที่จะต้องมาเถียงกับพวกโลกแคบเหล่านี้

ถอดเสื้อของนายท่านออก จากนั้น เข็มแรกแทงไปที่ บริเวณหน้าอกตรงจุดถานจงของนายท่าน และตามด้วยเข้ม ที่สอง

ตามด้วยเข็มที่สาม เข็มที่สี่ เข็มที่ห้า

ไม่นาน หน้าอกของนายท่านก็ถูกปักเต็มไปด้วยเข็มเงิน ถี่ยิบ

สองมือของลู่เสี้ยงหยางฝั่งเข็มอย่างขมักขะเม่น

พวกของถังปิงหยู่ก็แล้วก็งงงัน ท่าทางของลู่เสี้ยงหยางใน ครั้งนี้นั้น ไม่เหมือนกำลังฝังเข็มแต่เหมือนกำลังดีดพิณเสีย มากกว่า

ทุกครั้งที่เขาฝังเข็ม เข็มที่ปักลงไปแต่ละเล่มนั้นไม่ร่องรอย ของเสียง มือของเขาฝังเข็มอย่างพันละวัน

เดิมที่สวีเทียนหลินนั้นอยากจะพูดเย้ยหยันสักสองสาม ประโยค แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางฝั่งเข็มของลู่เสี้ยงหยางที่ ซ้ำซอง เขาก็เกิดความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมา

“น่าแปลก หรือว่าเจ้าหนุ่มคนนี้มีความสามารถจริงๆ? สวีเทียนหลินติดในใจ
“ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้ เขาก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง แกล้ง ทำเป็นเซี่ยวชาญโกหกหลอกลวงคนอื่น ดูสิว่าวันนี้ผมจะ เปิดโปงละครเรื่องนี้ยังไง? “ไม่นานสวีเทียนหลินก็สายหัว พลางมองดูลู่เสี้ยงหยางอย่างไม่ไว้วางใจ

ถังกั่วเหลียงรู้สึกกังวลใจ เพราะคนอื่นฝังเข็ม ก็ไม่ได้ โอ้อวดเหมือนกับลู่เสี้ยงหยาง

กาลเวลาผ่านไป เผลอแปปเดียวก็ผ่านไปห้านาที นาย ท่านยังคงนอนอยู่บนเตียง ไม่แสดงอาการใดใดออกมา ในขณะที่คนอื่นกำลังกังวลใจอยู่นั้น ลู่เสี้ยงหยางก็ตะโกน

ขึ้นมา : “พอได้แล้ว”

จากนั้นก็ค่อยๆปัดผ่านหน้าอกของนายท่าน

ผู้คนราวกับกำลังมองดูมายากล เข็มเงินที่ปักอยู่ที่หน้าอก

ถี่ยิบของนายท่าน

ก็มลายหายไปในพริบตา

นายท่านที่สลบอยู่บนเตียง ก็ลืมตาขึ้นมาทันใด จากนั้น

ลุกขึ้นนั่ง

อัก!

เลือดเสียสีดำในปากของเขาก็ถูกบ้วนออกมา

“อ่า คุณพ่อ”
“อ่า คุณปู่”

“นายท่านถัง”

แค่พริบตาเดียวเขาก็เรียกชื่อ ถังกั๋วเหลียง ถังหลง ถังปิงห ยู่และสวีเทียนหลินออกมาได้จนครบ

“มาดูหน่อย ใครก็ได้มาดูหน่อย”ถังกั๋วเหลียงตะโกนออก ไปด้านนอกประตู

เมื่อเสียงเงียบลง ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็วิ่งพุ่งพวตเข้ามา

ตระกูลถังไม่เคยขาดลูกน้องฝีมือดีในการต่อสู้

“ท่านถังมีเรื่องอะไรให้รับใช้ครับ? ” หัวหน้าชายฉกรรจ์ กลุ่มนั้นถามขึ้น

ถังกั่วเหลียงยื่นมือออกไปชี้ที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วออกคำสั่ง ว่า: “จัดการเจ้าหมอนี่ซะ”

“ครับท่านถัง” ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพุ่งไปที่สู่เสี้ยงหยาง

อาวุธที่อยู่ในมือเตรียมพร้อมไว้ตั้งนานแล้ว

ถังหลงและถังปิงหยู่กลัวจนหน้าถอดสี อยากจะห้ามแต่ ห้ามไว้ไม่ทัน

สีหน้าของลู่เสี้ยงหยางนั้นสงบนิ่ง สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เขาต้องวางแผนให้รอบคอบ

ขณะที่พวกชายฉกรรจ์กำลังจะประชิดตัวเขานั้นนายท่านพูดขึ้นเสียงแข็งว่า ตำหนิเสียงดุขึ้นว่า: “ออกไปเดี๋ยวนี้ เจ้า พวกนี้ ทำเสียเรื่องหมด อยากจะให้ฉันตายใช่ไหม”

เมื่อค่าพูดนั้นได้พูดออกไป ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็เหมือน ถูกตะปูตอกให้อยู่กับที่ ใครจะกล้าก้าวเข้าไปล่ะ?

ใบหน้าของถังกั๋วเหลียงนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พลางพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า: “พ่อ ตอนนี้พ่อเป็นยังไง บ้าง? ดีขึ้นไหม? ”

สีหน้าของนายท่านถังนั้นเปลี่ยนเป็นสีตับหมู ไม่ได้สนใจ ถังกั่วเหลียงแม้แต่น้อย แต่กลับคำนับพร้อมพูดขึ้นกับลู่เสี้ยง หยางว่า: ” ขอบคุณมากหนุ่มน้อย ที่ช่วยชีวิตคนแก่อย่าง ฉัน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป นายเป็นผู้มีพระคุณของตระกูล ถัง”

ลู่เสี้ยงหยางยิ้มพลางพูดว่า : “นายท่านเกรงใจไปแล้ว ผมเป็นหมอ ช่วยเหลือคนเจ็บนั้นเป็นหน้าที่ของผม”

นายท่านถังยิ้มกว้าง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดี ดี ถ้างั้นชีวิตนี้ของ ฉันก็ขอมอบให้นายก็แล้วกันนะ”

เมื่อพูดจบ เขาก็หลับตา ถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว จากนั้น นอนลงบนเตียง

เมื่อสักครู่นี้ลู่เสี้ยงหยางทำเพียงนำเลือดเสียออกจาก ร่างกายของเขาเท่านั้น ทำให้เขานั้นได้สติขึ้นมาชั่วครู่ แต่นั้น

ก็

นั้น

ของ

เขา
“ไม่ ไม่ จะเป็นไปได้ยังไง เขาก็เป็นแค่หนุ่มน้อยคนหนึ่งก็ เท่านั้น “ยังไงสวีเทียนหลินก็จะไม่ยอมรับสู่เสี้ยงหยางง่ายๆ

แต่ว่าเรื่องบางเรื่องเขาก็ไม่สามารถประมาณการได้ เวลานี้ถังหลงกับถังปิงหยู่หันกลับไปมองเขา พลางพูดว่า

: “อาจารย์สวี ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณควรแสดงความรับผิด ขอบแล้ว? ”

สวีเทียนหลินปากแข็งพลางพูดขึ้นว่า “เจ้าหนุ่มคนนี้ยัง รักษานายท่านไม่หายดีเลย ผมยังไม่แพ้ให้กับเขาสัก หน่อย”

คู่เสี้ยงหยางส่ายหัว พูดขึ้นอย่างผ่อนคลายว่า: “แต่ถึงยัง ไงนายก็ต้องคุกเข่าไหว้อาจารย์ฉันอยู่ดี ถ้าไหว้วันนี้คุณที่อยู่ ที่นี่ก็มีเพียงไม่กี่คน แต่หากรอให้ฉันรักษานายท่านให้หาย แล้วล่ะก็ ฉันจะป่าวประกาศให้คนในใต้ล้ามาดูนายไหว้ฉัน เป็นอาจารย์”

อะไรกัน?

สวีเทียนหลินตกใจกลัว

หากรอให้ถึงตอนนั้นจริงๆ ทุกคนก็ต้องรู้กันหมดสิ เขาจะ ต้องคุกเข่าขอเป็นศิษย์เจ้าหนุ่มวัยรุ่นคนนี้

ช่างเถอะ หากจะเสียหน้าก็เสียหน้าซะวันนี้เถอะ ถึงยังไง วันนี้คนก็ไม่เยอะ พอกลับไปถึงเมืองหลวงก็ใช้ชีวิตเป็นปกติได้

เมื่อคิดถึงจุดนี้สวีเทียนหลินก็ไม่ได้ลังเลใจอีกต่อไป คุกเข่าลงต่อหน้าลู่เสี้ยงหยางพลางพูดอย่างอๆอึ้งๆว่า “อา อาจารย์ โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วยครับ”

ถังกั่วเหลียงปาดหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ดีที่ตรงนี้ไม่มี คนแปลกหน้า ไม่อย่างงั้นตื่นตะลึงกันหมดสวีเทียนหลินนั้น เป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ข้าราชการและคนมี อำนาจสูงศักดิ์ล้วนต่อแถวเพื่อรอรักษาโรคกับเขา

หากไม่มีคนรู้จัก หรือยอมจ่ายค่ารักษาที่แพงหูฉี ก็ไม่มี ทางที่จะได้รักษากับสวีเทียนหลิน

สวรรค์ บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วจริงๆ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เจ้าหนุ่มคนนี้จะต้องการเป็นคนดังในชั่วข้ามคืนเป็นแน่

ถังกั่วเหลียงเหงื่อออกจนเสื้อผ้าเปียกโชก ไม่อยากที่จะ คิดเรื่องนี้ต่อ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ