หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 246 สาวน้อย แบบนี้มันไม่น่าดูเลยนะ



บทที่ 246 สาวน้อย แบบนี้มันไม่น่าดูเลยนะ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หม่าเป็นถึงกับจูเทียนเซิงก็จ้องไปที่สวีปินแล้วยิ้ม พูดด้วยความเย้ยหยัน “เป็นแค่ผู้อำนวยการฝ่ายวางผังเมืองเล็กๆ คน หนึ่ง ช่างกล้าพูดจาโอ้อวด อยากรู้ว่าคุณเอาความกล้านี้มาจากไหน กัน?”

สวีปันหดคอโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ยังพูดอย่างหนักแน่นว่า “เรื่องนี้ ไม่ใช่การตัดสินใจของผมคนเดียว แต่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็น เอกฉันท์จากคนทั้งแผนกของผมแล้ว ผมเป็นแค่ตัวแทนของแผนก เท่านั้น”

ชายในชุดลายพรางหัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับเขา “คุณช่างกล้าดีที่ เป็นตัวแทนของคนทั้งแผนก ให้หัวหน้าแผนกของคุณมาคุยกับเรา”

สวีปินถึงกับทำตัวไม่ถูก “หัวหน้าแผนกผมติดธุระ ท่านจึงมอบหน้าที่ นี้มาให้ผม.”

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีเสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังขึ้น “สามหาว สวีปิน คุณกล้าดียังไงถึงได้เอาชื่อของผมไปแอบอ้างตามใจ ชอบ”

ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ ก็มีชายใส่แว่นวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงเดิน

เข้ามาอย่างเร่งรีบ

ซุนเจิ้งเย่!

หัวหน้ากรมโยธาธิการและผังเมืองตัวจริง

ทันทีที่เห็นซุนเจิ้งยี่ สีหน้าของสวีปินก็เปลี่ยนไป เขาวิ่งเข้าไปแล้ว พูดอย่างเลียแข้งเลียขา “หัวหน้ามาได้ไงครับ? เรื่องแค่นี้ผมจัดการเอง ได้นะครับ”

ขุนเจิ้งยี่ไม่ได้ตอบคำถาม แต่เขากลับง้างมือขึ้นแล้วตบไปที่กลาง

หน้าของสวีปิน

ผัวะ! เสียงแหลมคมดังก้องอย่างชัดเจน รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบน ใบหน้าของสวีปิน

สวีปันโกรธมากที่ถูกตบ เขามองหน้าซุนเจิ้งยี่แล้วพูดต่อ “หัวหน้า ครับ หัวหน้าหมายถึงอะไร นี่ผมทำตามเอกสารอย่างเคร่งครัดเลยนะ ครับ”

ผัวะ!

คำตอบของซุนเจิ้งยี่ก็ยังเหมือนเดิม

“โรงงานผลิตของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปไม่มีในลิสรายชื่อที่ถูกอนุมัติให้รื้อ ถอน แต่นายเพิ่มมันเข้าไปเอง เรื่องชั่วๆ แบบนี้นายยังคิดทำได้ นาย มันเสียชาติเกิดจริงๆ” ซุนเจิ้งยี่ตะโกนด่าอย่างดุเดือด

สวีปินถึงกับเหงื่อตกและไม่กล้าพูดอะไรต่อ หัวหน้าซุนเจิ้งยี่ของเขา ไว้ใจและมอบอำนาจในการตัดสินใจให้เขามาตลอด ดังนั้นเขาจึงกล้า ทำแบบนี้

แต่ไม่คาดคิดว่าตอนนี้ความลับจะถูกเปิดเผย

“เหอะ ช่างกล้าจริงๆ ทำความผิดร้ายแรงขนาดนี้ นายรอไปอยู่ในคุก ตลอดชีวิตได้เลย” ซุนเจิ้งยี่พูดอย่างเย็นชา

สืบ!

ทันทีที่ได้ยินคำนี้ สวีปินถึงกับเข่าทรุด หลังจากคุกเข่าลงพื้นเขาก็ ขอความเมตตากับซุนเจิ้งยื่อย่างไม่หยุด

ซุนเจิ้งยี่ไม่แม้แต่จะมองหน้าสวีปิน เขาโบกมือจากนั้นก็มีตำรวจสอง

นายเข้ามารวบตัวสวีปืนและพาตัวเขาไป

ในขณะนี้ ความหวังสุดท้ายของสี่ตระกูลใหญ่ก็หมดลง

สู่เสี้ยงหยางมองไปที่หานปิงหานแล้วพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ถ้า คุกเข่าสารภาพกับสิ่งที่ทำในตอนนี้ บางที่พวกคุณอาจจะมีทางรอด ก็ได้นะ”

เมื่อได้ยินคำนี้ หานปิงหานยังคงดื้อรั้น แต่พรรคพวกของเธอต่างก็ คุกเข่าลงกันหมดแล้ว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรานะครับ เราแค่ ถูกตระกูลหานบีบบังคับให้ทำเท่านั้น”

ลู่เสี้ยงหยางสีหน้าประชดประชันมาก เขามองไปที่หานปิงหานแล้ว พูดต่อ “ถ้าคุกเข่าก็อาจมีชีวิตรอดไปได้ แต่ถ้าไม่คุกเข่าพวกคุณควรรู้ ผลที่จะตามมานะ”

สืบ สืบ สืบ…

หลายคนในสี่ตระกูลใหญ่คุกเข่าลงอย่างไม่รอช้า

หานปิงหานรู้สึกละอายใจมาก แม้เธอจะไม่เต็มใจ แต่เรื่องมันเกิน เลยแล้ว เธอจึงไม่มีทางเลือกและค่อยๆ งอขาคุกเข่าลง

หานปิ้งหานเป็นคนฉลาดและยังมีไหวพริบที่ดี

เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ในวันนี้เธอไม่อาจเอาชนะได้แล้ว ดังนั้นเธอจึง ยอมก้มหน้าไปก่อน

เธอขอเพียงมีชีวิตอยู่รอดต่อไป ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ โอกาสมันก็ จะไม่มีวันสิ้นสุด

ในครอบครัวตระกูลหานที่ยิ่งใหญ่นี้ เธอเคยตกเป็นเป้าหมายของ การถูกกดขี่ของทุกคนในครอบครัว แต่เพียงเพราะเธอมีความอดทน มากพอ เธอโหดร้ายพอ และเธอมีกลยุทธ์เพียงพอ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เธอไต่เต้าจนกลายเป็นผู้มีอำนาจในตระกูลหานได้

หลังจากเรื่องราวในอดีตทำให้เธอได้เข้าใจความจริงเรื่องหนึ่ง การมี ชีวิตรอดก็คือความหวัง

เช่นเดียวกับวันนี้ ความอัปยศอดสูของเธอที่นี่เป็นเพียงชั่วคราว ขอ เพียงลู่เสี้ยงหยางปล่อยให้เธอมีชีวิตรอด เธอก็จะมีโอกาสที่จะล้าง แค้นลู่เสี้ยงหยางและหยูเม่ยหยินกรุ๊ปได้เสมอ

จางเทา เหอเทียนหลินและหลินเซี่ยวเทียนที่เห็นหานปิงหานคุกเข่า

ลง พวกเขาทั้งหมดก็ได้คุกเข่าตาม ในขณะนั้น หานปิงหานและพวกพ้องทั้งหมดก็คุกเขาลงในโรงงานข องหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ทำให้ทั้งเมืองปินเหอถึงกับสั่นสะเทือน!

หลังจากนั้น หม่าเป็นถึงกับจูเทียนเซ็งได้พาเหล่าผู้คนชนชั้นสูงของ เจียงเป่ย ซิงโจวและไห่ตงกล่าวอำลากับซุนเซียงเซียงแล้วจากไป

ตามด้วยเหล่าขุนพลและเหล่าทหารก็กล่าวอำลาและจากไปเช่นกัน

ไม่นานหลังจากนั้น โรงงานขนาดใหญ่ก็เหลือเพียงหานปิงหานและ พวกพ้องของเธอที่ยังคุกเข่าอยู่

คู่เสี้ยงหยางหรี่ตาแล้วมองไปที่หานปิงหานและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณ แต่งตัวหรูหรารื่นเริงแล้วมาคุกเข่าอยู่ที่นี่ พนักงานทุกคนของหยูเม่ย หยินกรุ๊ปคงรับไม่ได้หรอก”

หานปิงหานรู้สึกอึ้งและตัวแข็งที่อทันที

ด้วยไหวพริบของเธอ เธอสามารถรับรู้ได้ว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นพยายาม เล่นงานเธออยู่ตลอด

“ตามความต้องการของคุณนะ” หานปิงหานเงยหน้ามองลู่เสี้ยง หยาง จากนั้นสิบนิ้วเรียวสวยของเธอก็ยกขึ้นและเริ่มปลดกระดุมชุดกี่ เฟ้าที่สวมใส่อยู่

จากนั้นไม่นาน กระดุมทุกเม็ดถูกปลดออก และกี่เพ้าของหานปิง

หานก็ถูกถอดออกเช่นกัน

ซึ่งหุ่นอันเซ็กซี่ของหานปิงหานที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ถูกเปิดให้ทุกคน ได้เห็น

คนรอบข้างของหานปิงหานทุกคนยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นภาพนี้ จางเทาที่เห็นภาพนี้ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เมื่อเห็นหานปิงหานที่ต้อง อับอายขนาดนี้เขาอดไม่ได้ที่จะจัดการกับลู่เสี้ยงหยางเดี่ยวนี้เลย แต่ เขาก็ไม่กล้าพอที่จะทำมัน ได้แต่อดทนต่อความอัปยศอดสู

ในเวลาเดียวกัน สายตาของลู่เสี้ยงหยางกวาดมองไปที่คนอื่นๆ แล้ว พูดว่า “พวกคุณก็เหมือนกัน” วันนี้หานปิงหานและคนอื่นๆ ต่างพากันแต่งตัวหรูหรารื่นเริงเพื่อมา เฉลิมฉลองความสำเร็จในการยุบโรงงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดก็ต้องถอดเสื้อผ้าออกด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน หลายๆ คนก็คุกเข่าอยู่ในสภาพเปลือยกายแล้ว เยสวนมองอย่างตกตะลึง ลู่เสี้ยงหยางจะเลวร้ายเกินไปไหม!

แต่ไม่นานสีหน้าของเธอก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ เหตุผลที่ลู่เสี้ยงหยาง ต้องออกหน้าออกตาขนาดนี้ก็เพราะเพื่อนที่เป็นคุณชายตระกูลลู่คน นั้นสินะ ถ้าเป็นแบบนี้ หลังจากเรื่องนี้จบพวกหานปิงหานต้องมาเอา เรื่องลู่เสี้ยงหยางอย่างแน่นอน

“พอแล้ว ไม่ต้องยุ่งเรื่องของคนอื่นแล้ว เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ” เย่ สวนเข้าไปพูดกับลู่เสี้ยงหยาง

คู่เสี้ยงหยางพยักหน้าตอบ เพราะเรื่องนี้มันจบลงแล้ว

เขาจึงออกไปพร้อมกับเย่สวน

ไม่นานหลังจากนั้น

หน้าประตูโรงงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปก็มีเสียงเท้าเดินอีกครั้ง เมื่อ หันมองไปก็เห็นท่านย่าตระกูลเยและคนอื่นๆ ในตระกูลเย่เดินเข้ามา อย่างเร่งรีบ

พวกเขากวาดสายตามองไปทั่วโรงงานเพื่อจะเข้าไปขอโทษหานปิง หาน แต่เมื่อพวกเขาเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าต่างก็ต้องตกตะลึงและขนลุก

กันไปหมด

หานปิงหานและคนอื่นๆ ต่างก็คุกเข่าอยู่กับพื้น แม้กระทั่งบางคนยัง อยู่ในสภาพเปลือยกายด้วย มันช่างเป็นภาพที่อนาถจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ