หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 295 ไอ้เศษสวะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?



บทที่ 295 ไอ้เศษสวะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?

ไม่นานหวงและชายวัยกลางคนก็พาลูกน้อยนับร้อย

ชีวิตออกมาจากใต้อาคารซินหยวนกรุ๊ปอย่างองอาจ

แม้ว่าหลินเสี่ยวเฟิงจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพา กล แต่เขาก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อยเมื่อคิดว่าเขาคือ คุณชายของตระกูลหลิน มีตระกูลหลินเป็นผู้หนุนหลัง

วินาทีต่อมาเมื่อพวกของหวงและชายวัยกลางคน เดินเข้ามาใกล้ เขาก็ชี้ไปที่หวงจูและชายวัยกลางคน พร้อมกับด่าว่า “ประธานของพวกคุณออกมาแล้วหรือยัง? ผมจะคุยกับประธานของพวกคุณเท่านั้น”

ซิวเจียงหัวอยู่ข้างๆ กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่หวงจู “เขา คือประธานของซินหยวนกรุ๊ปที่โกงเงินลงทุนของพวกเรา ไป”

หลินเสี่ยวเฟิงยิ้มเยาะ มองหวงจูแล้วพูดว่า “ไอ้เศษ สวะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

หวงจูไม่ตอบคำถามปัญญาอ่อนนี้แต่กล่าวด้วยรอย ยิ้มจางๆ “แล้วคุณรู้ไหมว่าคนที่อยู่ข้างๆ ผมคือใคร?” เขาพูดพลางชำเลืองมองชายวัยกลางคนข้างๆ

หลินเสี่ยวเฟิงชาเลืองมองชายวัยกลางคน เมื่อแน่ใจ ว่าตนไม่รู้จักเขาจึงกล่าวอย่างไม่แยแส “ฉันไม่สนว่าเขา จะนักเลงมาจากไหน แกมันไอ้เศษสวะ โกงได้แม้กระทั่ง เงินของหุ้นส่วน หน้าด้านที่สุด ตอนนี้ฉันจะให้เวลาแกหนึ่ง นาที คายเงินทั้งหมดออกมาแล้วคุกเข่าขอโทษพวกเขา ฉันจะถือว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก

เมื่อได้ยินคำพูดที่มีอำนาจเช่นนี้หวงจูก็ตกตะลึง ก่อน จะส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า “เด็กน้อย เจ้ายังอ่อน ประสบการณ์เกินไป กล้าพูดอวดดีเช่นนี้ รู้ผลของการ ทำให้พี่สามขุ่นเคืองหรือเปล่า?”

หลินเสี่ยวเฟิงทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวว่า “สมรู้ร่วม คิดกันหมดทั้งนั้น พี่สามห่าเหวอะไร ฉันไม่เคยได้ยินมา ก่อน ให้ตายเถอะ พวกแกอย่ามัวมาพูดจาไร้สาระ ตอนนี้ รีบทำตามที่ฉันบอก คืนเงินแล้วคุกเข่าขอโทษซะ”

บรรดาผู้ถือหุ้นรอบๆ เห็นหลินเสี่ยวเฟิงพูดจาด้วย ความมั่นใจจึงรู้สึกริ่นตามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรคุณชาย หลินก็เก่งกาจกว่าคนโง่อย่างลู่เสี้ยงหยาง

ดังนั้นรอยยิ้มจึงวาดขึ้นบนใบหน้าของทุกคนและเริ่ม โจมตีหวงจูและพี่สาม

ชิวรั่วหานที่อยู่ข้างๆ แอบทอดถอนใจ สีหน้าดูอึดอัด มาก เมื่อเห็นสถานการณ์ในวันนี้ หลิวเสี่ยวเฟิงสามารถแก้ ปัญหานี้ได้จริงๆ สงสัยเธอต้องไปเป็นแฟนของเขาจริงๆ แล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้เธอก็ยังนึกถึงความรู้สึกของลู่เสี้ยง หยาง กลัวว่าการควบคุมของหลินเสี่ยวเฟิงในตอนนี้จะ ทําร้ายความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขา จึงปลอบเขาทันที ด้วยรอยยิ้ม “พี่เขย ความสามารถของหลินเสี่ยวเฟิงอาจ ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าพี่ เขาแค่อาศัยบารมีจากครอบครัว ของเขา อย่าเก็บเอามาใส่ใจ ในใจของฉันพี่เก่งที่สุด

ลู่เลี้ยงหยางพยักหน้า รู้สึกอบอุ่นในใจ เขาไม่คาดคิด มาก่อนว่าน้องสาวตัวเล็กๆ จะยังคงสนใจความรู้สึกของ ตนอยู่ในเวลานี้

“ไม่ต้องเป็นห่วง พี่เขยของเธอมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่มาก เรื่องเล็กๆ แบบนี้ไม่เก็บมาใส่ใจหรอก” ลู่เสี้ยงหยางสาย หน้าและไม่สนใจ

และในเวลานี้

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้พวกเศษเดน ที่จะบีบให้ตายเมื่อไรก็ได้กล้าดียังไงมาตะโกนใส่หน้าเขา แบบนี้”

เขาโบกมือและพูดอย่างไม่แยแสว่า “ไปสอนวิธี ปฏิบัติตัวให้เขาหน่อย

ทันทีที่พูดจบ ชายร่างท้วมกำยำคนหนึ่งก้าวออกมา จากทางด้านหลังของเขา เดินเข้ามาถึงหลินเสี่ยวเฟิง เพียงไม่กี่ก้าว คว้าคอเสื้อของเขาขึ้นมาแล้วตบหน้า

“ไอ้เด็กบ้า แกนี่มันรนหาที่จริงๆ รู้ไหมว่าพี่สามของ พวกเราคือใคร? พี่สามแห่งเมืองเฉิงเป่ย ต่อให้พ่อของแก มาอยู่ที่นี่ก็ยังต้องพูดจาให้เกียรติพี่สามของพวกเรา ยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเด็กตัวกะเปี๊ยกอย่างแกเลย

อะไรนะ?

พี่สามแห่งเมืองเฉิงเป่ยเหรอ? เมื่อได้ยินคำนี้ร่างกายของหลินเสี่ยวเฟิงก็สั่นสะท้าน อย่างรุนแรง ดวงตาหรี่ลง สีหน้าหวาดกลัว

ถ้าจะพูดถึงพี่สาม ในเมืองปินเหอที่กว้างใหญ่นี้ ไม่รู้ ว่ามีอยู่กี่คน

แต่พี่สามแห่งเมืองเฉิงเปียกลับมีเพียงคนเดียว เท่านั้น!

พี่สามแห่งเมืองเฉิงเป่ยเป็นคนที่มีปากมีเสียงในโลก ใต้ดินของเมืองปืนเหอ เมื่อก่อนตระกูลหลินของพวกเขา ไม่ได้ตกเป็นเป้าหมายของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ในช่วงเวลาที่ อยู่จุดสูงสุดยังมีความสามารถพูดคุยกับพี่สามแห่งเมือง เฉิงเปียได้ แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นพี่สาม แม้แต่พ่อของเขาก็ ยังต้องก้มหัวให้

เมื่อนึกถึงผลกระทบเหล่านี้ หลินเสี่ยวเฟิงก็รู้สึกว่า ขาอ่อนและคุกเข่าลงกับพื้นทันที ก้มหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้พี่ สาม “ที่แท้ก็พี่สามแห่งเมืองเฉิงเป่ยนั่นเอง ผมมีตาแต่หามี แววไม่จึงได้ล่วงเกินคุณ ได้โปรดอย่าเก็บมาใส่ใจ

อะไร?

นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เหตุใดหลินเสี่ยวเฟิงที่ยังจองหองในวินาทีก่อนจึง คุกเข่าลงอย่างกะทันหันและหวาดกลัวเช่นนี้

น่าฉงน สับสนจนสุดจะพรรณนา!

ชิวเจียง วถึงกับอึ้งไป ทำไมคุณชายแห่งตระกูล หลินก็ช่วยอะไรไม่ได้? แบบนี้คงไม่มีใครสามารถช่วย พวกเขาได้อีกแล้ว

บรรดาผู้ถือหุ้นเหล่านั้นพากันเบิกตากว้างอย่างไม่ อยากจะเชื่อ

ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้า แค่ตบหน้าไม่กี่ครั้ง หลิวเสี่ยว เฟิงก็คุกเข่าลงแล้ว ช่างเป็นคนขี้ขลาดจริงๆ

เมื่อเห็นหลินเสี่ยวเฟิงคุกเข่าลง ชายวัยกลางคนก็ แสยะยิ้มแล้วพูดกับลูกน้องว่า “ตบปากเขาแรงๆ เมื่อไรที่ เขาจําได้ค่อยหยุด”

“ครับพี่สาม” ชายร่างท้วมกำยำที่เพิ่งตบปากหลิน เสี่ยวเฟิงยกมือขึ้นอีกครั้งแล้วเริ่มตบซ้ายตบขวาที่ใบหน้า ของหลินเสี่ยวเฟิง

หลินเสี่ยวเฟิงโดนตบจนร้องอย่างน่าเวทนา ปากก็พูด ไม่หยุด “พี่สาม ผมจำได้แล้ว ผมจำได้แล้ว คุณบอกให้ เขาหยุดเถอะ”

ชายวัยกลางคนทําเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ กวาด สายตาไปที่ชิวเจียงหัวและคนอื่นๆ พลางกล่าวอย่าง เฉยเมย “เมื่อกี้พวกคุณตะโกนโวยวายเสียงดังมาก เพื่อ เป็นการลงโทษ ทุกคนจะได้รับรางวัลเป็นการตบหน้า 100 ครั้ง”

ฮ่าๆ” สิ้นเสียงลูกน้องกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลังก็ กระโดดออกมา ก่อนจะเดินไปหาชิวเจียงหัวและคนอื่นๆ

เดินไปพลางกูไม้ถูมืออยากลองดูบ้าง เห็นได้ชัดว่า พวกเขาคันไม้คันมือมากแล้ว หลังจากนั้น

เมื่อเห็นปากใหญ่ๆ มือก็อยากจะฟาดลงไปบนใบหน้า ของชิวเจียงหัวและชีวรั่วหาน

ลู่เสี้ยงหยางทนดูไม่ได้อีกต่อไป เขาพูดเบาๆ ว่า “สือ เหล่าซาน คุณพอเถอะ อย่าได้คืบจะเอาศอก”

อะไรนะ?

ชายวัยกลางคนตกใจกับคำพูดนี้ สื่อเหล่าซานเป็น ชื่อเล่นของเขา มีเพียงผู้หนุนหลังของเขาสองคน พี่ผิงกับ พี่หลงเท่านั้นที่รู้ชื่อเล่นของเขา

แม่งเอ๊ย หรือว่าพี่ผิงกับพี่หลงจะอยู่ที่นี่แล้ว? สือเหล่าซานตัวสั่นพลันกวาดสายตามองไปรอบๆ

แต่เขาไม่เห็นเงาของพี่ผิงและพี่หลงเลย เห็นเพียง หนุ่มน้อยที่สวมใส่เสื้อผ้าราคาถูก

และคนที่เรียกเขาว่าสือเหล่าซานเมื่อครู่นี้ก็คือหนุ่ม น้อยคนนี้

“แม่งเอ๊ย แกเป็นใคร? บอกชื่อมา” สือเหล่าซานไม่รู้ เบื้องลึกของลู่เสี้ยงหยาง เขาจึงไม่กล้าผลีผลาม เพียงแค่ ถามอย่างเย็นชา

ลู่เสี้ยงหยางพูดเนือยๆ “ทั้งถังหลงและหลิวผิงก็ไม่ กล้าพูดกับผมแบบนี้ แล้วคุณกล้าดียังไงที่มาหยาบคาย กับผมแบบนี้!

เมื่อครู่ตอนที่สือเหล่าซานเดินออกมาจากบริษัท เขา ก็จำผู้ชายคนนี้ได้ เขาเคยเป็นหนึ่งในลูกน้องของถังหลง ไม่คิดเลยว่าจะหยิ่งผยองเช่นนี้หลังจากไม่เจอกันเพียงไม่ กี่เดือน

“เอ๊ะ?!” สือเหล่าซานกลัวแทบจะฉี่ราด เขาเคยได้ยิน ว่ามีผู้หนุนหลังพี่ผิงกับพี่หลงอยู่ เป็นเพราะผู้หนุนหลังคน นี้ทำให้พวกเขาทั้งสองสามารถรวมโลกใต้ดินของเมือง ปืนเหอได้

เขาอยากรู้จักมาตลอดว่าเขาเป็นเจ้าพ่อมาจากไหน แต่ไม่คิดว่าในวันนี้จะได้เห็นด้วยตาตัวเอง

“โอ๊ย แย่แล้ว” สือเหล่าซานกรีดร้องอยู่ในใจ เหงื่อ แตกพลั่กเต็มหน้าผาก วินาทีต่อมาก็คุกเข่าลงกับพื้นโดย ไม่ลังเล “หัวหน้า ผม…ผมผิดไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นคุณ ได้ โปรดอย่าเอาตัวเองมาแปดเปื้อนผมเลย”

ฮะ? ให้ตายสิ!

เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนก็ตกตะลึงพรึงเพริด ร่างกาย แข็งทื่อเป็นรูปปั้นหิน

พี่สามผู้มีอำนาจคุกเข่าลงให้หนุ่มยาจกคนหนึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ