หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 244 จุดจบของคนที่มีเรื่องกับคุณหาน



บทที่ 244 จุดจบของคนที่มีเรื่องกับคุณหาน

ด้านในโรงงานผลิตของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป

เยสวนเพิ่งเดินเข้ามาก็เห็นพนักงานทุกคนในโรงงานผลิตของหยู เม่ยหยินกรุ๊ปยืนอยู่ตรงหน้า และเห็นซุนเซียงเซียงที่กำลังยืนพูดให้ กำลังใจกับพนักงานเหล่านี้

แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากกว่านั้นคือ เธอกลับเห็นคนที่ยืน อยู่ข้างๆ ซุนเซียงเซียงคือลู่เสี้ยงหยาง

เย่สวนไม่เข้าใจจริงๆ คนนอกอย่างลู่เสี้ยงหยางจะมาอยู่ที่นี่ได้ อย่างไร?

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงความเป็นไปได้อันน่าตกใจเรื่องหนึ่ง ลู่เสี้ยง

หยางก็คือประธานที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทหยูเม่ยหยินกรุ๊ปคนนั้น เพราะทุกคนในปินเหอต่างก็รู้ดีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของหยูเม่ยหยิน กรุ๊ปคือตระกูลลู่ในเมืองหลวง อีกอย่างลู่เสี้ยงหยางก็มีนามสกุลอู่พอดี เขาต้องเป็นคนของตระกูลลู่แน่เลย

ตูม!

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ก็เกิดคลื่นฟ้าร้องดังขึ้นในจิตใจ

ของเย่สวน

แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจเลย ถ้าลู่เสี้ยงหยางเป็นคนของตระกูล ลิ่จากเมืองหลวงจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงยอมลดตัวมาเป็นลูกเขยที่ แต่งงานเข้าบ้านตระกูลเย่ของเธอ และยอมถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยาม ด้วย

ในขณะที่เย่สวนงงงวยอยู่ ลู่เสี้ยงหยางก็เดินเข้ามาแล้วยิ้มพูดกับ เธอ สวนเอ่อ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

เยสวนตอบเขา “สำหรับหยูเม่ยหยินกรุ๊ปแล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณมา ตลอด และในวันนี้พวกเขากำลังประสบกับปัญหาฉันก็ต้องเข้ามาให้ กำลังใจด้วยสิ” เมื่อพูดจบเธอก็ถามกลับลู่เสี้ยงหยางด้วยความสงสัย “แล้วคุณล่ะ มาอยู่ที่นี่ได้ไง?”

สู่เสี้ยงหยางหาค่าโกหกแล้วตอบเธอว่า “ผมรู้จักท่านประธานของห ยูเม่ยหยินกรุ๊ป วันนี้แกอยู่เมืองหลวง ไม่สะดวกเข้ามาที่นี่ แกจึงฝาก ข้อความให้ผมมาบอกกับซุนเซียงเซียงหน่อย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่สวนก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอหวังให้ลู่เสี้ยงหยาง จะบอกกับเธอว่าเขาก็คือประธานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปที่อยู่เบื้องหลัง คนนั้น และเขายังเป็นคุณชายตระกูลลู่จากเมืองหลวงด้วย

ณ ขณะนี้ มีเสียงความวุ่นวายดังขึ้นจากนอกประตูโรงงาน ลู่เสี้ยง หยางและคนอื่นๆ หันมองไปก็เห็นหานปิงหานและเศรษฐีคนอื่นๆ กำลัง เดินเข้ามา

จากนั้นไม่นานคนเหล่านี้ก็ได้มาถึงหน้าประตูโรงงาน

หานปิงหานมองมาที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วยิ้มพูดด้วยสีหน้าอันสดใส “เรา เจอกันอีกแล้วนะ”

เธอยังจำได้ดี หลายวันที่ผ่านมา เธอถูกลู่เสี้ยงหยางกระทำจนทำให้ เธอต้องอับอายขายหน้า และวันนี้เธอจะเอาคืนให้สาสมใจ

ลู่เสี้ยงหยางสีหน้าเฉยเมย จากนั้นพูดเบาๆ “คุณหานว่างจริงๆ เลย นะครับ ชิงเหอกรุ๊ปก็ใกล้จะล้มละลายแล้ว คุณยังมีเวลามาเยี่ยมชม โรงงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปอีกด้วย”

เมื่อได้ยินคำนี้ หานปิงหานก็ยิ้มหน้าบานกว่าเดิม

จางเท้าที่ยืนอยู่ข้างเธอหัวเราะเยาะและแสดงสีหน้าประชดประชัน จากนั้นมองหน้าลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดว่า “นายรู้ไหมว่าทำไมไอ้โรงงาน เน่าๆ ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปยังอยู่ถึงตอนนี้ได้? ถ้าตามกำหนดการของ เรา ไอ้โรงงานเน่าๆ นี้จะต้องถูกทำลายตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

สู่เสี้ยงหยางยังคงอยู่เงียบๆ และรอให้เขาพูดจนจบ

จากนั้นจางเทาก็พูดต่ออย่างที่คิดเอาไว้ “นายรู้ไหมว่าทำไมพวกเรา ถึงเลื่อนวันรื้อถอนมาวันนี้?” สู่เสี้ยงหยางมองเขาด้วยสายตาอันเย็นชาอย่างเงียบๆ

จางเทายิ่งพูดยิ่งสะใจ “ฮาๆ เราจะให้ทุกคนในหยูเม่ยหยินกรุ๊ปได้ เห็นด้วยตาของตัวเองว่าพวกเราพังโรงงานนี้อย่างไร! อีกอย่างเราก็จะ ประกาศให้คนทั่วปินเหอได้รู้ว่าคนที่กล้ามีเรื่องกับคุณหานของเราจะ ต้องพบกับจุดอย่างอย่างไร”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เยสวนและพนักงานคนอื่นๆ ในหยูเม่ยหยินกรุ๊ปต่าง ก็พากันใจหาย พวกเขาไม่คิดเลยว่าพวกหานปิงหานจะโหดร้ายขนาด นี้

คู่เสี้ยงหยางถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดกับจางเทา “ฟังจากน้ำเสียง ของคุณแล้ว กรมโยธาธิการและผังเมืองคงต้องฟังคำสั่งของคุณอย่าง เดียวสินะ”

จางเทาพูดอย่างได้ใจอีกครั้ง “คุณเข้าใจตรงกันแล้ว”

หลังจากที่เขาพูดจบ ผู้อำนวยการสวีปินก็เดินออกมาจากด้านหลัง ของหานปิงหานแล้วยิ้มพูด “ต้องขออภัยจริงๆ ที่ผมลืมแนะนำตัวเองนะ ครับ ผมเป็นผู้อ่านวยการกรมโยธาธิการและผังเมือง เรื่องการอนุมัติ ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอยู่ในอำนาจของผมคนเดียว ที่สำคัญผมกับ คุณหานปิงหานเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นธุระของเพื่อนก็เป็นธุระของผมเช่น กันครับ”

ลู่เสี่ยวหยางหรี่ตาแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เพราะมีคนเลว อย่างสวีปันมากเกินไป สังคมสมัยนี้จึงต้องเสื่อมโทรมไปด้วย

“เหอะๆ” สวีปืนยิ้มพูดต่อ “ผมจะบอกความจริงให้ฟังก็แล้วกันนะครับ อันที่จริงโรงงานเน่าๆ นี้มันไม่ได้อยู่ในลิสรายชื่อที่ต้องรื้อถอนหรอก ครับ แต่ผมเพิ่มมันเข้าไปเอง แล้วคุณคิดว่าการตัดสินใจของผมแบบนี้ ถูกต้องไหม? ที ถึงอย่างไรโรงงานเน่าๆ ของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปมันก็ไร้ ค่าอยู่แล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป ที่นี่จะกลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ เป็นประโยชน์ต่อเมืองปินเหอของสักที”

ลู่เสี้ยงหยางฟังคำพูดหยิ่งผยองของสวีปินแล้วยิ้มพูดกับเขาอย่างมี นัย “นี่เป็นความสุขครั้งสุดท้ายที่คุณจะมีในโลกภายนอกแล้ว รีบสนุก กับมันเลย เดี๋ยวคุณก็จะได้เข้าไปแล้ว”

สวิปินส่ายหัวอย่างน่ารังเกียจ เขาคิดว่าลู่เสี้ยงหยางคงไม่มีอะไรจะ

พูดแล้ว

“ไอ้โง่ ปัญญาอ่อนจริงๆ ตอนนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง อีก” คนรอบข้างของหานปิงหานพากันหัวเราะเยาะ

จางเทามองไปที่สวีปินแล้วพูดอย่างได้ใจ “ผู้อำนวยการสวีครับ ผม ว่านี่มันก็ได้เวลาแล้วนะครับ เรามาเริ่มการรื้อถอนดีกว่า” สวีปินพยักหน้าตอบ “ทีมงานรื้อถอนรออยู่ข้างนอกแล้ว ผมจะโทร

เรียกพวกเขาเข้ามาตอนนี้เลย”

จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

แต่ในเวลาเดียวกัน สมาชิกของทีมรื้อถอนคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาจาก ข้างนอกแล้วตะโกนพูดว่า “ผู้อำนวยการครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”

สวีปินจ้องมองและถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมต้องรีบร้อน ขนาดนี้”

ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้ากระวนกระวาย “ท่านครับ ผมว่าท่านออก ไปดูเองจะดีกว่านะครับ ข้างนอกมีผู้หลักผู้ใหญ่มามากมายเลยครับ” หานปิงหานกับสวีปินและคนอื่นๆ ต่างก็คิดว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่ว่าต้อง

เป็นผู้สนับสนุนพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปต้อนรับ

ด้วยรอยยิ้ม

ด้านนอกโรงงานผลิตของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปมีรถหรูจอดเป็นแถวยาว สองแถว

ประตูรถหรูด้านหน้าสองคันถูกเปิดออก จากนั้นมีชายสองคนก้าวลง มาจากรถ

ชายทั้งสองสวมชุดสูทและรองเท้าหนังสีดำเงาอันเปล่งประกาย ความน่าเกรงขาม

หานปิงหาน จางเทาและคนอื่นๆ ถึงกับตกตะลึง พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ชายสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือใคร

หม่าเป็นถึงที่ร่ำรวยที่สุดในเทียนเหอ ส่วนอีกคนคือจูเทียนเชิงที่ ร่ำรวยที่สุดในชิงโจว

ทั้งสองซึ่งมีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านหยวน นอกจากนี้ ยังมีกิจการอีกมากมายรวมถึงบริษัทหลายแห่งในเมืองปินเหอนี้ด้วย

ถึงแม้ไห่ตงจะเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจียงหนาน แต่ GDP ของ เทียนเหอชิงโจวก็ไม่ได้ต่ำกว่าไห่ตง ดังนั้นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดใน เทียนเหอและชิงโจวก็จะร่ำรวยกว่าเศรษฐีระดับต้นๆ ของไห่ตงอย่าง แน่นอน

ส่วนตระกูลหานก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลระดับต้นๆ ของไห่ตงนี้เหมือนกัน แต่นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตระกูลหานก็ยัง ไม่เคยได้รับตำแหน่งที่ร่ำรวยที่สุดในไห่ตง ดังนั้นหานปิงหานที่ยืนอยู่ ต่อหน้าคนที่ร่ำรวยที่สุดของเทียนเหอและชิงโจว เธอก็ยังถือว่าเป็น เด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ดี

หานปิงหานกับจางเทาและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขายังสงสัยกันว่าคนอย่างหม่าเป็นถึงและจูเทียนเชิงจะมาร่วม อุดมการณ์กับพวกเขาจริงหรือ?

แต่ว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย คนระดับนี้คงไม่จำเป็นต้องให้

เกียรติพวกเขาขนาดนี้หรอก

ในเวลาเดียวกัน รถหรูที่จอดอยู่เป็นแถวด้านหลังก็ค่อยๆ เปิดประตู ออกทีละคัน จากนั้นก็มีชายหญิงนับไม่ถ้วนก้าวลงมาจากรถ

คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของเทียนเหอกับซิง โจว แม้กระทั่งรวมไปถึงคนชนชั้นสูงมากมายในไห่ตงด้วย

สามารถพูดได้ว่าบุคคลชนชั้นสูงของเทียนเหอ ซิงโจวและไห่ตง

ต่างก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว

หานปิงหานและจางเทาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เพราะพวกเขาต่างก็ รู้ลิมิตของตัวเองดี ถ้าอย่างนั้นแล้วคงมีเพียงสาเหตุเดียว นั่นก็คือคนเหล่านี้มาเพื่อลู่เสื้

ยงหยาง

แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะคนอย่างลู่เสี้ยงหยางนั้นพวก เขาสามารถจัดการได้อยู่หมัดอยู่แล้ว คนระดับชนชั้นสูงของเทียนเหอ ชิงโจวและไห่ตงคงไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับมันหรอก

แม้จะมีความสงสัยในใจมากมาย แต่หานปิงหานและพวกพ้องของ เธอก็ยังเดินเข้าไปต้อนรับพวกเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ