หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 215 เก่งนักใช่ไหม



บทที่ 215 เก่งนักใช่ไหม

เมื่อเห็นหวังเสว่เดินเข้ามา ลู่เสี้ยงหยางถึงกับตกตะลึงไป

สองสามวิ

ในความคิดของเขาตำรวจหญิงมักจะเป็นประเภทหญิง แกร่ง แต่ไม่คิดเลยว่าหวังเสว่จะสวยขนาดนี้

ใบหน้าทรงไข่อันงดงามเหมือนในภาพวาด หุ่นรูปตัว S ที่ ดูดีที่สุดของมาตรฐาน

แม้ว่าจะสวมเครื่องแบบชุดหลวม แต่ไม่สามารถซ่อน ความงดงามข้างในได้

บ้าเอ๊ย เป็นสาวสวยแบบนี้ได้ไง!

“เหอะๆ คุณเจ้าหน้าที่หวัง กรุณาพูดจาระวังด้วยนะครับ ผมเป็นคนซื่อสัตย์นะ ถ้าคุณคิดว่าผมไม่ใช่คนชื่อสัตย์จริงๆ คุณต้องมีหลักฐานนะครับ” ลู่เสี้ยงหยางพูดด้วยรอยยิ้ม

ซุนเชียงเชียงที่เห็นหวังเสว่เดินเข้ามาก็รู้สึกตกใจเหมือน กัน “คุณเจ้าหน้าที่หวังคะ ดิฉันให้คุณรออยู่ข้างนอกไม่ใช่เห รอคะ? คุณคิดว่ามียศตำแหน่งแล้วคุณจะมีสิทธิพิเศษด้วยเห รอคะ?”

หวังเสว่ทำเสียงไม่พอใจแล้วตอบกลับ “ตำรวจตำเนินคดี ต้องแจ้งให้คุณทราบทุกเรื่องเลยเหรอ?”
ขุนเชียงเขียงสีหน้าไม่พอใจมาก เธอเตรียมจะเปิดศึกแต่ เสี้ยงหยางห้ามไว้ “พอแล้วๆ พวกคุณสองคนหยุดทะเลาะกัน ได้แล้ว เชียงเชียง คุณไปทำงานก่อนเถอะ ผมขอใช้เวลา ปรับความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่หวังท่านนี้ก่อน”

“ค่ะ ท่านประธาน” เมื่อลู่เสี้ยงหยางออกคำสั่ง ทุนเชียงเชี ยงจึงปฏิเสธไม่ได้ เธอได้แต่จ้องหน้าหวังเสว่แล้วเดินออก จากห้องไป

“เหอะๆ” ลู่เสี้ยงหยางยิ้มพูดต่อ “เชิญนั่งครับ มีเรื่องอะไร อยากปรึกษาพี่ชายเชิญเลยครับ”

ที่!

พี่ชาย?

ใครน้องคุณ?

กะล่อนจริงๆ เห็นผู้หญิงแล้วหางโผล่เชียว

“เหอะ ลู่เสี้ยงหยาง กรุณาระวังคำพูดด้วยนะ ฉันมาที่นี่ เพราะคดีหนึ่ง โปรดให้ความร่วมมือด้วย ไม่งั้นฉันจะพาคุณ กลับไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจนะ” หวังเสว่พูดอย่างเย็น

ชา

สู่เลี้ยงหยางยักไหล่ตอบเธอ “ครับผมๆ คุณรีบว่ามาเลย ครับ ผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะเลย”

บ้าจริง! ผู้หญิงคนนี้ตุอย่างเสือเลย ล้อเล่นไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย

“คุณรู้จักหลินเสี่ยวโปใช่ไหม?” หวังเสว่ถามลู่เสี้ยงหยาง แล้วหยิบรูปถ่ายของหลินเสี่ยวโปขึ้นมา

เมื่อเห็นรูปนั้นสู่เสี้ยงหยางก็จำได้ทันที ให้ตายเหอะ นั้น มันคนที่เราเพิ่งสั่งสอนเมื่อวานไม่ใช่หรือ?

มันถูกเกาหยางจับตัวไปสอบปากค่าที่สถานีตำรวจแล้วนี้

นา?

“รู้จักสิครับ ทำไมเหรอ?” ลู่เสี้ยงหยางตอบ

หวังเสว่จ้องสายตาของลู่เสี้ยงหยางอย่างจริงจัง ราวกับว่า เธอกำลังอ่านใจเขา จากนั้นเธอพูดทีละคำอย่างชัดเจน “เมื่อ คืนนี้เขาถูกฆ่าที่ห้องกักขัง คุณทราบเรื่องนี้ไหม?”

ว่าไงนะ?

มันถูกฆ่าตายแล้ว?

ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างประหลาดใจ “ที! ฝีมือใคร?”

หวังเสว่พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่าคุณควรรู้ดีกว่าฉันนะว่า มันเป็นฝีมือใคร?”

ให้ตายเหอะ!

ผู้หญิงอกใหญ่แต่ไร้สมองคนนี้ ดันมาสงสัยว่าเราเป็น ฆาตกรได้ไง? ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกโกรธมาก
“เละๆ น่าสนใจตีนะ พวกคุณมักจะกล่าวหาคนโดยมี หลักฐานไม่ใช่เหรอครับ? คุณเจ้าหน้าที่หวัง คำพูดของคุณ เกินไปแล้วนะครับ แต่โชคดีที่ผมเป็นคนใจกว้างไม่ถือสาคุณ ไม่งั้นผมจะให้ทนายผมฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ ครับ” สู่เสี้ยงหยางยิ้มพูด

หวังเสว่เงียบไปสักพักแล้วหัวเราะขึ้นมา “ใจเย็นก่อนคุณ สู่ ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้น จริงสิ คุณมีเวลาไปดื่มชาด้วยกัน ใหม?”

ดื่มชา?

ไปดื่มชาที่สถานีตำรวจ?

ดื่มบ้าอะไร!

“ไม่ว่างครับ” ลู่เสี้ยงหยางปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

หวังเสว่ยิ้มหน้าบานกว่าเดิม “อย่าเข้าใจผิดนะคะ ไม่ได้ ชวนคุณไปดื่มชาที่สถานีตำรวจ แค่จะชวนไปที่ร้านชา”

ลู่เสี้ยงหยางส่ายหัวตอบ “ผมไม่ชอบดื่มชาจริงๆ แต่ แน่นอนถ้าคุณอยากเลี้ยงผม เราไปร้านอาหารรอยเอิลเบอร์ หนึ่งก็ได้นะครับ ผมได้ข่าวว่าอาหารที่นั่นรสชาติดีมาก อีก อย่างผมชอบไวน์กาแบร์เนมากเลยนะครับ”

“…” หวังเสว่ถึงกับอึ้ง ร้านอาหารรอยเอ็ลเบอร์หนึ่งเป็น ร้านระดับไฮเอนด์ที่สุดในเมืองปินเหอเลยนะ โดยปกติค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารในนั้นขันต่ำต้องหลายพัน หยวนขึ้นไป ซึ่งตามฐานเงินเดือนแล้วเธอไม่มีปัญญาที่จะพา เขาไปเลี้ยงในร้านนั้น

แต่เธอจะพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ไม่ได้ เธอจึงได้แต่ยิ้มพูด “วันหลังละกัน เอาล่ะ วันนี้เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูล

เท่านั้น ฉันหมดคำถามแล้ว ขอตัวก่อนนะ”

หลังพูดจบเธอก็หันเดินออกจากออฟฟิศทันที

สู่เสี้ยงยางก็มีธุระออกไปข้างนอกเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึง ตามหวังเสว่ออกจากสำนักงานของเขา

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็เดินออกจากอาคารหยูเม่ย หยินกรุ๊ป

แต่ในขณะนี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงกระวนกระวายของคุณยาย แก่คนหนึ่งดังขึ้น

“ช่วยจับโจรด้วย ช่วยจับโจรด้วย มันขโมยกระเป๋าของ

ฉัน”

เมื่อมองไปตามเสียงที่ตะโกนขึ้นก็จะเห็นคุณยายผมหงอก คนหนึ่งกำลังมองไปในทิศทางหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ

ในทางนั้นมีขโมยกำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต

สู่เลี้ยงหยางส่ายหัวแล้วพูดกับหวังเสว่ “คุณเจ้าหน้าที่หวัง ครับ ผมว่าคุณคงว่างมากที่มีเวลามาชวนผมคุยนะครับ ผมอยากถามจริงๆ ว่าคุณทำหน้าที่ของคุณอย่างเต็มที่แล้วหรือ

ยังครับ?”

หวังเสว่ไม่มีเวลามาตอบคำถามของสู่เสี้ยงหยาง เธอวิ่ง ออกตัวตามคนร้ายคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว

โดยปกติถ้าตามความสามารถของหวังเสว่เธอจะไล่ล่า คนร้ายคนนี้ได้อย่างง่ายตาย แต่เนื่องจากวันนี้เธอทำหน้าที่ หาพยานหลักฐาน จึงจำเป็นต้องสวมเครื่องแบบเต็มยศและ รองเท้าหนัง ดังนั้นมันจึงค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการไล่ล่า ของเธอ

เป็นเวลาหนึ่ง ไม่เพียงแต่เข้าไม่ถึงคนร้าย แต่คนร้ายยิ่งวิ่ง ใกลออกไปเรื่อยๆ

หวังเสว่ทนไม่ไหวจึงต้องถอดรองเท้าแล้ววิ่งไล่ล่าโจรด้วย เท้าเปล่า

ในที่สุดหวังเสว่ก็เร่งความเร็วได้และค่อยๆ เข้าใกล้โจร มากขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้นหวังเสว่ก็ยังต้องวิ่งตามไปอีกหลายซอย จนถึงซอยตันที่เงียบสงบซอยหนึ่ง เธอถึงจะดักโจรคนนั้นได้

เมื่อเห็นว่าเป็นซอยต้น โจรคนนั้นจึงหยุดหนีและหันกลับ มาจ้องหน้าหวังเสว่ด้วยสายตาอันเหี้ยมโหด

หวังเสว่ถึงกับตกใจ เพราะระยะที่ใกล้ขึ้นทำให้เธอสามารถมองเห็นในหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของใจร คนนั้น ซึ่งดูแล้วมันน่าเกลียดและน่ากลัวมาก

“แมร่งเอ้ย ไอ้เด็กผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกัน บังอาจมายุ่ง เรื่องของกู คอยดูว่ากูจะจัดการกับมึงยังไง” โจรหยิบมีดสั้น ออกมาจากเอวแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หวังเสว่ตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยเมย “ไอ้คนเหลือขอ คอย ดูนะว่าวันนี้ฉันจะเอานายเข้าคุกยังไง….”

“ฮ่าๆ ๆ นี่คงเป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่พวกเราเคยได้ยิน มา” หวังเสว่ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงหัวเราะของผู้ชายหลาย คนดังขึ้น

เมื่อหวังเสว่หันหลังไปมองก็ได้เห็นชายร่างสูงสิบกว่าคน ถือไม้เบสบอลยืนอยู่ตรงหน้าปากซอย

“แย่แล้วสิ” หวังเสว่เลิกคิ้วแล้วเอื้อมมือไปหยิบปืนพกที่ เอวตามสัญชาตญาณ แต่กลับไม่มีปืนติดตัวมาด้วย

ซวยแล้ว!

วันนี้เธอตั้งใจออกมาเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับลู่เสี้ยง หยางเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเจอกับอุบัติเหตุเช่นนี้ อีกอย่างปืน ของเธอมีปัญหาจึงต้องนำไปส่งซ่อม

“เฮ้ย พวก น้องผู้หญิงคนนี้มันกล้ายุ่งเรื่องชาวบ้านว่ะเรา สั่งสอนมันสักหน่อยดีไหม!” โจรคนนั้นยิ้มพูดแล้วทิ้งกระเป๋าที่เพิ่งขโมยมาลงบนพื้น และวิ่งเข้าหาหวังเสว่

จากนั้นชายสิบกว่าคนที่ยืนอยู่หน้าปากซอยก็วิ่งเข้าหา หวังเสว่ด้วย

ในทันไดนั้น หวังเสว่ก็ตกอยู่ท่ามกลางของชายเหล่านั้น

แม้หวังเสว่จะรู้สึกกดดัน แต่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวเลย เพราะ เธอเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อน และครั้งหนึ่งเธอยังเคย เป็นแชมป์การต่อสู้ด้วย

เธอเริ่มวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีความลังเล จากนั้นเธอยก ชาขึ้นแล้วเตะโจรคนนั้นล้มไปนอนอยู่กับพื้น

ในเวลาเดียวกัน ชายสิบกว่าคนก็วิ่งเข้ามาและเริ่มต่อสู้ กับหวังเสว่

แม้ว่าหวังเสว่จะเก่งในการต่อสู้ แต่สองมือก็ไม่เท่าสิบมือ ยิ่งตอนนี้เธอยังเท้าเปล่าอยู่ด้วย

วินาทีต่อมาโดยที่ไม่ทันระวัง เท้าของเธอเหยียบลงบนหิน แหลมก้อนหนึ่ง จนทำให้เธอสูดปากด้วยความเจ็บปวด

ตามด้วยซายเหล่านั้นช่วยกันรุมกดเธอลงกับพื้นทันที

“แมร่งเอ๊ย! หนูเก่งนักใช่ไหม เหอะๆ ดูว่าเธอจะดิ้นยังไง อีก ฮ่าๆ ๆ วันนี้พวกพี่ๆ จะต่อแถวเรียงคิวเธอให้เข็ดไปเลย” ชายคนหนึ่งพูดอย่างชั่วร้ายและมือของเขาก็พร้อมที่จะ กระชากเสื้อของหวังเสว่
แต่ในขณะนี้มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าปากซอย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ