หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 202 ผมมีคนหนุนหลัง



บทที่ 202 ผมมีคนหนุนหลัง

เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งไห่เทา ลู่เสี้ยงหยางก็กล่าวด้วยรอย ยิ้ม “คุณมั่นใจขนาดนี้ เดี๋ยวถ้าคุณเจอบทลงโทษจากคนของ สำนักบริหารยา หน้าคุณจะข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่”

เมิ่งให้เทาหัวเราะดังลั่น พูดอย่างภาคภูมิใจที่สุด หนุ่ม น้อย คุณนี่มันโง่ กำลังล้อเล่นกับผมอยู่เหรอ เดี๋ยวรอดูแล้ว กัน พ่อผมเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารยา เรื่องนี้อำนาจ ตัดสินใจอยู่ที่เขา แน่นอนต่อให้พ่อผมตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้ ตระกูลเมิ่งของผมก็ยังมีคนที่มีอำนาจมากกว่านี้อีก”

เมื่อได้ยินดังนั้นลู่เสี้ยงหยางก็ขมวดคิ้วบางๆ ดูเหมือนว่า อำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเมิ่งของพวกเขานั้นมีไม่น้อย จึง กล้าปล่อยให้เมิ่งให่เทาทำตามอำเภอใจแบบนี้

อาการหนาวสั่นปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาแวบหนึ่ง เนื่องจากมีคนอย่างเมิ่งไห่เทาอยู่มากเกินไป สังคมจึงขาด ความยุติธรรมและเป็นธรรม ในฐานะที่เขาเป็นประธาน หอการค้าในตอนนี้ เขายิ่งมีหน้าที่ที่จะต้องพลิกกระแสความ ชั่วร้ายนี้ให้หมุนกลับ

เมื่อเห็นลู่เสี้ยงหยางไม่พูดอะไร เมิ่งไห่เทาก็คิดว่าลู่เลี้ยง หยางกำลังกลัว เขายิ้มเยาะ มองไปที่คู่เสี้ยงหยางพลางพูด ว่า “หนุ่มน้อย เลิกพูดจาไร้สาระกับผม แม้ว่าคนของสำนักบริหารยาจะมาก็เป็นคนของผมอยู่ดี ตอนนี้คุณควรไป ทำงานในอุดมคติของชิวรั่วหานต่อ แล้วปล่อยให้เธอ แต่งงานกับผมโดยเร็วที่สุด อย่ามาถ่วงเวลาของเราทั้งสอง ฝ่ายเลย”

สู่เลี้ยงหยางไม่พูดอะไรขณะนั้นเองประตูห้องท่างานถูก ผลักเปิดออก ชายห้าคนในชุดสูทเดินเข้ามา

บนหน้าอกของพวกเขามีแขวนบัตรประจำตัวของสำนัก บริหารยา

เมิ่งไห่เทาลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพูดอย่างดูถูกว่า “พวกแก เพิ่งจะมาปล่อยให้คุณชายอย่างฉันรอตั้งนาน”

“ซี ไอ้สารเลว ท่าเรื่องฝ่าฝืนกฎหมายในโรงพยาบาลอีก แล้วเหรอ? แกรู้ไหมว่าอธิบดีสำนักบริหารยาออกคำสั่งด้วย ตัวเองให้ฉันมาที่นี่เพื่อจัดการญาติพี่น้องตามกฎหมาย” เมิ่งจือหยุนก้าวออกมาจากทางด้านหลังของชายคนหนึ่ง จ้องเขม็งไปที่เมิ่งไห่เทา

เมิ่งไห่เทายิ้มอย่างใจเย็น ไม่ได้เอาคำพูดของพ่อมาใส่ใจ เขากล่าวว่า: “พ่อ พ่ออย่ามาขู่ผมเลย ตรงนี้ไม่มีคนนอกอยู่ เรื่องนี้ก็เป็นที่รู้ๆ กัน จะจัดการเรื่องผมยังไง พ่อก็พูดกับ อธิบดีแค่คำเดียวก็เรียบร้อยแล้วนี่”

แม้ว่าจะพูดไปเช่นนั้น แต่เมิ่งจื่อหยุนก็ยังหยิบใบสั่งยา ของเมิ่งให้เทามาดูรอบหนึ่ง
ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็บ่นจนเป็นเส้นตรง ใบสั่งยานี้ไม่ว่า จะเป็นตัวยาหรือราคา มันล้วนไม่น่าเชื่อถือ ชัดเจนว่าเป็น ความละโมบที่ไม่สิ้นสุด หากใช้ยาตามในใบสั่งยานี้จริงๆ ก็ รอดูหายนะของครอบครัวได้เลย

“เฮ้อ ไอ้ลูกนอกคอก เกินจะเยียวยาจริงๆ ไม่ช้าก็เร็วต้อง เกิดเรื่องใหญ่!” เมิ่งจื่อหยุนโกรธจัดจนแทบจะกระอักเลือด แต่จะทำอย่างไรได้เขามีแค่ลูกชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น จะ ทนดูเขาเข้าคุกได้อย่างไรไหว ช่วยปกปิดอีกครั้งก็แล้วกัน

ในขณะนั้นเอง เขาจ้องมองไปที่เมิ่งไห่เทาแล้วบอกว่า “เมิ่งให้เทา อย่าลืมนึกถึงกฎหมายบ้าง ช่วงนี้แกระวังตัว หน่อย ถ้ามีครั้งต่อไป แกต้องเก็บกวาดปัญหาด้วยตัวเอง”

เมิ่งไห่เทาได้ยินประโยคนี้มาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว เขาจึง พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้ว พ่อ ครับ พ่อรีบจัดการเรื่องนี้เร็วๆ แล้วรอดูว่าพ่อจะได้ลูกสะใภ้ ในไม่ช้านี้ ฮ่าฮ่า เรื่องนี้เป็นผลกำไรมหาศาลสำหรับตระกูล เมิ่งของเรา”

เมิ่งจื่อหยุนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เขาวางใบสั่งยาใน มือลงและกำลังจะพาคนออกไป

แต่เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าลู่เสี้ยงหยางก็พูดอย่างยิ้มแย้ม : “คนจากสำนักบริหารยาอย่างพวกคุณคิดเหมือนกันไหมว่า ใบสั่งยานี้มีปัญหา? ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงต้องขอให้อธิบดีของพวกคุณมาที่นี่ด้วยตนเอง”

ทีม?

เท้าที่ก้าวออกไปของเมิ่งจื่อหยุนซักกลับมา เขาหันกลับไป มองลู่เลี้ยงหยาง สีหน้าเต็มไปด้วยความหม่นหมอง

“แม่ง! คุณนี่แม่งทำอะไรโง่ๆ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณ คิดว่าอธิบดีของสำนักบริหารยามาแล้วจะทำอะไรผมใด้เห รอ? คุณรู้ไหมปู่ของผมเป็นใคร? แม่งเอ๊ย ปู่ของผมเป็นผู้ เชี่ยวชาญในสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ชีวภาพ อธิบดีสำนัก บริหารยาในปัจจุบันนี้เป็นลูกศิษย์ของเขา หนุ่มน้อย ที่พูดมา ไม่กลัวว่าคุณจะไม่เชื่อ วงการแพทย์ของปินเหอนี้อยู่ใต้ ชายคาของตระกูลเมิ่งเรา การที่ทำให้คุณชายอย่างผมโกรธ เชื่อไหมว่าผมจะทำให้คุณไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ อีกเลย” เมิ่งไห่เทากล่าวอย่างดุดัน

คนคนนี้โง่นัก ถ้าไว้หน้าเขา ไม่สั่งสอนเขา เขาจะคิดว่ามา เท่าไม่ดูตาม้าตาเรือที่นี่ได้ สู่เสี้ยงหยางรู้สึกขบขัน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ชีวภาพ

เป็นสถานที่ที่หลิ่วหรูยู่ทำงานอยู่ไม่ใช่หรือ?

ครั้งหนึ่งซิลี่เคยพาเขาไปที่สถาบันวิจัย วิทยาศาสตร์ชีวภาพเพื่อตอบคำถามที่ยุ่งยากแทนหลิ่วหรูยู่ เขาเคยถูกชายชราที่ชื่ออาจารย์เพิ่งกลั่นแกล้งมาก่อน
หลังจากนั้นเขาก็โยนขวดยาน้ำที่พัฒนาขึ้นเองออกมา ซึ่ง ทำให้ตาแก่เมิ่งเลื่อมใส คุกเข่าลงไหว้ครูตรงนั้น

ถ้าเขาเตาไม่ผิด ตาแก่เมิ่งคนนั้นน่าจะเป็นคุณปู่ที่เมิ่งให้ เทาพูดถึง

“ช่าฮ่า ยิ่งใหญ่จริงๆ พูดตามตรงนะ ต่อให้คุณปู่ของคุณ อยู่ตรงนี้ ก็ต้องคุกเข่าลงเคารพผมเหมือนกัน” ลู่เสี้ยงหยาง พูดพร้อมกับสายหน้า

เข็ดแม่ง!

น้ำเสียงกร่างมาก

เมิ่งให่เทาตกตะลึงอ้าปากค้างทันที

บรรดาลูกน้องที่ติดตามเมิ่งจอหยุนมาต่างมองหน้ากันเลี่

nấm

แม่งเอ๊ย! โลกนี้มีมันบ้าเกินไป

ยังจะกล้าคุยโว บอกว่าอาจารย์เมิ่งคุกเข่าคารวะเขา

เอาล่ะ คนคนนี้มันโง่สินะ?

เมิ่งจื่อหยุนแทบกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาจ้องไปที่ คู่เสี้ยงหยางด้วยสายตาที่ลุกโชน เมื่อครู่เขาไม่ได้ให้ความ สนใจกับลู่เสี้ยงหยางมากนัก แต่ในเวลานี้เขาพบว่าสู่เสี้ยง หยางมีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเหมือนเสือ ราวกับว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่อยู่ในสายตาของเขา

ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็รู้สึกบีบหัวใจ ลู่เสี้ยงหยางเป็นพุทธแท้ หรือพุทธเทียมกันแน่?

เมิ่งจื่อหยุนที่คอยระมัดระวังตัวมาโดยตลอดไม่กล้าทำ อะไรผลีผลาม เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพ่อของเขา บอกให้เขามาหาหน่อย

ถ้าเจ้าหนุ่มคนนี้พูดจาเหลวไหล มันก็จะเป็นโอกาสอันดีที่ จะฆ่าเขา

ถ้าเจ้าหนุ่มคนนี้มีฝีมือจริงๆ ถ้าอย่างนั้นคงต้องพึ่งพาพ่อ ของเขาเพื่อจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้

เมิ่งไห้เทาไม่เข้าใจว่าพ่อของเขากำลังทำอะไรอยู่จึง โวยวายขึ้น: “พ่อ รออะไรอยู่ รีบหาคนมาจัดการเจ้าหนุ่มคน นี้ที่ จัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ผมจะได้แต่งงานเอาสะใภ้เข้า บ้านมาให้พ่อไง”

พอนึกถึงใบหน้าอันงดงามและร่างกายที่เต็มไปด้วยความ มีชีวิตชีวาของซิวรั่วหาน เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะพิชิตเธอ

เมิ่งจื่อหยุนถลึงตาใส่เมิ่งไห่เทาแล้วบอกว่า: “เรื่องนี้รอ คุณปู่ของแกมาค่อยว่ากันเถอะ”

เมิ่งไห่เทาสายหน้าพีมพ่า “เรื่องเล็กทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็ แค่เหยียบมดตายตัวเดียวจะต้องทำให้ยุ่งยากแบบนั้นทำไม”

เวลาผ่านไปราวกับสายน้ำท่ามกลางการรอคอย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายชราในชุดกาวน์สีขาวก็รีบวิ่งกระหืด กระหอบเข้ามาในห้องทำงาน

อาจารย์เมิ่งเมิ่งด้าชวนเติมที่กำลังพิจารณาใบสั่งยาที่ลู่เสี้ ยงหยางโยนมาให้เขาก่อนหน้านี้ แต่คิดไม่ถึงว่าลูกชายของ เขาจะเรียกมาที่นี่อย่างเร่งด่วน

“มีอะไรอีก? พวกแกสองคนมีเรื่องอะไรกันอีก? ฉันว่าพวก แกสองพ่อลูกวันๆ กินอิ่มแล้วก็ไม่มีอะไรทำ” เมิ่งต้าชวนดุด่า ทันทีที่เขาเข้ามาในห้องทำงาน

เมิ่งจื่อหยุนมีสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่พูดอะไร ขยิบตาให้เมิ่งไห่เทาเพื่อบอกให้เขาพูดถึงเรื่องนี้

เมิ่งไห่เทาเดินเข้ามาหาเมิ่งด้าชวนทันทีแล้วกล่าวด้วยรอย ยิ้ม “คุณปู่ เรื่องเล็กนิดเดียว มีคนสงสัยเกี่ยวกับรายการยาที่ ผมสั่ง เลยเชิญคุณปู่มาให้ความเป็นธรรม อีกอย่าง เมื่อกี้มี เด็กโง่พูดจาแอบอ้าง บอกว่าคุณปู่จะคุกเข่าลงเคารพเมื่อ เห็นเขา ดังนั้นพวกเราจึงขอให้คุณปู่มาสั่งสอนเขาด้วยตัว เอง”

อะไรนะ?

คุกเข่าเคารพเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งต้าขวนก็โกรธจัดถลึงตามองแล้วพูด อย่างรุนแรง “ไอ้เด็กนั่นอยู่ที่ไหน? แม่งเอ้ย! ยโสโอหังมอง ไม่เห็นหัวคนอื่น เดี๋ยวดูว่าฉันจะสับเขาให้เป็นชิ้นๆ ยังไง”

เมิ่งไห่เทายิ้มแปลกๆ ชี้ไปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วบอกว่า “เล่น อะไรโง่ๆ”

เมิ่งไห่เทาหัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วพูดต่อ “เจ้าหนุ่มน้อย คิดได้หรือยังว่าจะตายยังไงดี? ฮ่าฮ่าฮ่า แค่ปู่ของผมพูดคำ เดียว คุณก็จะได้ติดคุกปินเหอสมใจ กลัวไหม? ถ้ากลัวก็ คุกเข่าขอร้องผมตอนนี้ แล้วพายัยตัวร้ายชิวรั่วหานไปอาบ น้ำให้สะอาดก่อนจะส่งไปที่เดียงของผม ผมอาจจะยกโทษ ให้คุณก็ได้…”

“อา อา..อาจารย์ คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” ในเวลานี้ เมิ่งต้า ชวนได้เห็นลู่เสี้ยงหยางแล้วเช่นกัน เขาตื่นเต้นจนแทบจะ คุกเข่าลงกับพื้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ