ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 111 มงคลคู่ที่มาพร้อมกันกับอันน่าสยอง



บทที่ 111 มงคลคู่ที่มาพร้อมกันกับอันน่าสยอง

ขวัญ

บทที่ 111 มงคลคู่ที่มาพร้อมกันอันน่าสยองขวัญ

ที่นี่ เสินหยุนเอ๋อเองก็อยู่ด้วย แต่นางนั่งอยู่ในที่ที่ ไม่สะดุดตานัก ดูรูปร่างผอมบางของนาง และดวงตาที่ หมองคล้ำ ยิ่งทำให้รู้ว่าจิตใจไม่เบิกบาน แต่นางไม่ได้ มาคนเดียว มีคนติดตามมาด้วยอีกสองคนขนาบซ้าย

ขวา

ด้านซ้ายคือเสินเฉิงเสี้ยง ส่วนคนขวาคือเสินหยุน

เจ๋

อันหลิงหยุนไม่ทันที่จะสังเกตเห็นในตอนแรก เพียงแต่รู้สึกอยู่ตลอดว่า แถวๆนี้มีคนกำลังจ้องมอง นางอยู่ จนกระทั่งตอนที่นางเห็นเสินหยุนเอ๋อ จึงพบว่า เสินหยุนเจ๋ก็มาด้วย

L

เมื่อเผชิญหน้ากลับดวงตาที่เหมือนกำลังลุกเป็น ไฟของเสินหยุน อันหลิงหยุนก็รู้สึกผิดหวัง จริงๆ แล้วพวกเขาทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องเช่นไรกันแน่ ถึงจะต้องมองนางเช่นนี้

เมื่อนึกถึงกับอันนั้น อันหลิงหยุนก็รู้สึกเศร้าโศก อย่าได้มีความคิดอะไรกับร่างเดิมเลย

ไม่รู้ว่าตอนไหนกันที่มือของกงชิงวี่ออกแรงตีมา หนึ่งครั้ง อันหลิงหยุนตกใจจนสะดุ้งโหยง จึงหันหน้ากลับไปมองกงชิงวีด้วยท่าที่ฝืนยิ้ม: “พระชายากำลังดู อะไรหรือ?”

“ไม่มีอะไรเพคะ”

อันหลิงหยุนรู้สึกไม่มั่นใจ จริงๆแล้วนางมองเสิน หยุนเจ๋ถึงสองครั้ง แต่ก็ยากที่จะหักล้างความคิดของ อีกฝ่ายได้

“แคก แคก .อันหลิงหยุนกำลังคิดว่าจะไม่มอง เสินหยุนเจ๋ แต่ทางด้านของเสินหยุนเจ๋นั้นไอขึ้นมา อีก ทั้งยังเป็นการไอแบบเอาเป็นเอาตาย

อันหลิงหยุนเป็นหมอ เมื่อได้ยินคนไอ ก็เงยหน้า ขึ้นไปมองอย่างตั้งใจในทันที เมื่อเห็นเสินหยุนเจ๋กำ หมัดแน่น เหมือนคนเป็นวัณโรค นางก็รู้สึกเป็นห่วง นี่ มันวัณโรคไม่ใช่หรือ?

สีหน้าของกงชิงที่ดูเคร่งขรึมลง เขาออกแรงบีบมือ ของอันหลิงหยุน เพื่อที่จะดูโรคของเสินหยุนเจ๋ให้ ชัดเจน อันหลิงหยุนจึงไม่ได้สนใจเลยสักนิด

ทำให้กงชิงวีโกรธจนตบโต๊ะ

“ตูม!”

ตกใจจนเสียงรอบข้างเงียบกริบไปหมด

อันหลิงหยุนมองอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว หน้าตางุนงง แม่เอ๊ย! ให้ใครตกใจกัน?

กงชิงวี่ทใบน้าตาเย็นชา: “ข้าเจ็บหัวใจ!”
..” อันหลิงหยุนขมวดคิ้ว: “ตรงไหนหรือเพคะ?” นางคิดว่าเป็นเรื่องจริง

จึงยกมือขึ้นมาลูบดูทันที กงชิงวีดึงมือของนางมา วางไว้แนบอกตรงหัวใจ: “ตรงนี้รี?”

คนที่อยู่รอบๆล้วนมองดูพวกเขาอยู่ ใบหน้าของ เสินหยุนเจ่นั้น ซีดเผือดจนน่ากลัว และในตอนนี้เอง เขาก็เริ่มไออีกครั้ง

ส่วนคนที่เหลือ ต่างก็คิดกันไปต่างๆนานา ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่

อ๋องเสียนเจ็บหัวใจ ยังจะออกแรงทุบโต๊ะขนาด นั้นอีก “เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย ทำไมอยู่ดีๆถึงเจ็บหัวใจล่ะ

เพคะ? อันหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึง ลองตรวจดูให้อันชิงวี่ก่อนแล้วค่อยสรุป

มือข้างหนึ่งถูกอันชิงวี่จับแนบอกไว้ ส่วนมืออีกข้าง จับที่ข้อมือของเขา แล้วตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง

หายใจไม่สะดวกจริงๆด้วย ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึก เศร้า

โรคหัวใจไม่ใช่โรคที่จะรักษากันได้ง่ายๆ ถึงแม้จะ ไม่เหมือนจำพวกโรคไขข้อและปวดกระดูกที่ไม่ตายก็ เหมือนตาย แต่โรคหัวใจนั้น แม้ในยุคปัจจุบันก็ยากที่ จะควบคุมและรักษาให้หายขาด ยิ่งสมัยโบราณเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อันหลิงหยุนแสดงสีหน้ากังวลทันที: “ครั้งก่อน ท่านโกรธจนไม่สบาย ท่านโกรธอีกแล้วใช่หรือไม่?”

กงชิงว่าพยักหน้า ด้วยท่าทีเชื่อฟังอย่างมาก อันหลิงหยุนรู้สึกเป็นห่วง: “ท่านอย่าโกรธอีกเลย อีกประเดี๋ยวเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสร็จก็กลับกันเลยเพคะ”

“ดี”

กงชิงวี่ค่อยๆผ่อนคลายลง จริงๆแล้วก็โกรธไม่

น้อย

ขณะที่กำลังมองหน้าเขา นางก็แอบหันไปส่ง สายตากับเสินหยุนเจ๋ ในสายตายังมีเขาคนนี้อยู่อีก หรือไม่

อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ เป็นนางที่ถูกจูงมือ แต่มาตอนนี้นางกลับเป็นคนจูงมือ กงชิงวี่แล้ว

นางกลัวว่ากงชิงวี่จะไม่สบาย โรคหัวใจกำเริบ

เมื่อแม่ทัพอันเห็นว่าลูกสาวและกงชิงวี่มีความ สัมพันธ์ที่ดูกลมเกลียวกัน ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นเสินเฉินเสี้ยง ดูท่าทางเขาก็ พอใจมากเช่นกัน

โดยเฉพาะตอนที่เห็นเงินหยุนเจ์ ก็ดูมีความสุข

มาก

ลูกชายทั้งสองของตระกูลเสิน แม่ทัพอันก็เป็นผู้ชักนำเข้ากองทัพทั้งสิ้น แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยนำ เรื่องของส่วนรวมมาใช้ในการแก้แค้นส่วนตัว การ เติบโตและความสามารถของพวกเขาก็อยู่ในสายตา มาโดยตลอด

โดยเฉพาะเสินหยุนเจ๋คนนี้ แม่ทัพอันรู้วีกพอใจ เป็นอย่างมาก เวลาต่อสู้ก็มีความสามารถในการต่อสู้ เวลานำทัพก็มีความสามารถในการนำทัพ คนคนที่มี พรสวรรค์ที่หาได้ยากจริงๆ

เมื่อเห็นแม่ทัพอัน เสินหยุนเจ๋ก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็ก น้อย ไม่ไอ แต่กลับลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าแม่ทัพอัน แล้วทำความเคารพเข้า: “ข้าน้อยคารวะท่านแม่ทัพ”

ต่อหน้าผู้คนมากมาย อีกทั้งทั้งสองตระกูลก็เป็น ศัตรูกัน การก้าวออกมาของเสินหยุนเจ๋ ทำให้ทุกคน รู้สึกตกใจ เสินเฉินเสี้ยงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ในใจรู้ดี ว่าลูกชายตนเองหลงรักอันหลิงหยุนแล้ว แต่ก็ควรจะ เอาเรื่องนี้ทิ้งไว้ในอดีต ตอนนี้นางเองก็แต่งงานแล้ว ทำ เช่นนี้น่าขายหน้าจริงๆ

แม่ทัพอันเองไม่ได้มีทีท่าลังเล รีบลุกขึ้นไปประ คองเสินหยุนเจ๋ทันที: “เจ้าโตแล้ว อีกทั้งยังแข็งแกร่ง ได้ยินว่าเจ้าประสบความสำเร็จในการรบอย่างมาก ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ฮ่องเต้จริงๆ”

“ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะท่านแม่ทัพสั่งสอนมาดี หยุ เจ้จึงประสบความสำเร็จในการรบอย่างเช่นวันนี้” เสินหยุนเจ๊ใบหน้าซีดเผือด อีกทั้งยังคงไออยู่เล็กน้อย
แม่ทัพอันเอ่ยถาม: “เจ้าเป็นอะไรไปรี?”

“เป็นหวัดนิดหน่อยขอรับ เพิ่งจะกลับมา ก็ต้องไป ที่ชายแดนต่อ” เสินหยุนเจ๋สีหน้าขมขื่น ขณะที่กำลัง พูดฮ่องเต้ชิงหยู่พร้อมกับฮองเฮาและพระสนมเดินมา ทางด้านหน้า

ฮ่องเต้ชิงหยู่หยุดยืน พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า: “ดูไม่ ออกเลยว่า แม่ทัพอันกับหยุนเจ๋เป็นสหายต่างวัยกัน”

“ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา เซียวกุ้ยเฟย..

ทุกคนลุกคนและหมอบลงไปบนพื้น ฮ่องเต้ชิงหยู่ กล่าวว่า: “ลุกขึ้นเถอะ”

ฮ่องเต่ชิงหยู่นั่งลง เสินหยุนชูจับมือและนั่งลง ข้างๆฮ่องเต้ชิงหยู่ โดยมีเซียวกุ้ยเฟยนั่งอยู่ด้านล่าง ตอนนี้เองทุกคนจึงกล้าที่จะนั่งลง

แต่เสินหยุนเจ๋กลับยืนอยู่ที่เดิม ฮ่องเต้ชิงหยู่เอง รู้สึกโปรดปรานน้องเขยที่ประสบความสำเร็จในการรบ ครั้งนี้เป็นอย่างมาก จึงเอ่ยปากถามว่า: “หยุนเจ๋ เจ้ามัว ยืนอยู่ทำไม?”

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันอยากจะนั่งข้างๆแม่ทัพอัน พ่ะย่ะค่ะ”

“หยุนเจ๋ อย่าพูดเหลวไหล” เสินหยุนชูซึ่งมีศักดิ์ เป็นฮองเฮา พูดตำหนิน้องชายของตนเองอย่างตรงไป ตรงมาที่ไม่รู้จักกฎระเบียบ ทางด้านฮ่องเต้ชิงหยู่ เพื่อ

ที่จะแสดงถึงความรักความโปรดปรานที่มีต่อฮองเฮาจึงจับนางไว้แล้วตบเบาๆ: “ให้เขานั่งเถอะ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

ตอนนี้เอง เสินหยุนเจ๊จึงเดินไปนั่งลงข้างๆแม่ทัพ อัน ซึ่งติดกับอันหลิงหยุนพอดี

อันหลิงหยุนรู้สึกอึดอัด ฮ่องเต้ตรัสอะไรก็ได้ยินไม่ ชัดเจน ได้แต่เก็บความรู้สึกไม่ชอบใจเอาไว้

กงชิงออกแรงบีบมือของนางอีกครั้ง ทรมานจริงๆ

อีกทั้งจุนฉูฉูและเสินหยุนเอ่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ กำลังมองนางอยู่

ไม่นาน นางก็กลายเป็นเหมือนผู้หญิงที่สวยที่สุด ในที่นั้น ที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้

ฮ่องเต้กล่าวคำพูดด้วยท่าที่สง่างามสองสาม ประโยค แล้วงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น

ฮองเฮาเสนอเกมที่สนุกๆขึ้นมาหนึ่งเกม โดยให้ ฮ่องเต้ชิงหยู่เป็นผู้เริ่ม หนึ่งคนหนึ่งประโยค หากพูดรับ ต่อได้ก็ให้รางวัลเป็นอาหารหนึ่งอย่าง หากรับต่อไม่ได้ ก็จะต้องถูกลงโทษโดยการให้แสดงความสามารถออก มาหนึ่งอย่าง

ฮ่องเต้ชิงหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง: “เช่นนั้นก็พนะชายา เสียนแห่งจวนอ๋องเสียนละกัน”

คนที่อยู่ด้านล่างต่างผงะไปชั่วครู่ และต่างก้ม ศีรษะกันอย่างโกลาหล
กงชิงวี่เลิกคิ้วเงยขึ้นมอง แล้วจึงหลบสายตากลับ โดยไม่พูดอะไร อันหลิงหยุนรู้สึกเอือมระอา ที่ก็ไม่ต่าง กับว่าให้ทุกคนหยอกล้อนางและกงชิงวี่เหมือนกับ หยอกล้อลิงหรอกหรือ?

ฮ่องเต้ชิงหยู่ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทำให้ทุกคนลำบากใจอยู่นะ เพคะ?” ฮองเฮารีบช่วยแก้ไขสถานการณ์

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองลงไป: “ไม่มีใครต่อหรือ?”

” ไม่มีใครตอบ

ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงพูดว่า: “เช่นนั้นให้พระชายาเสียน เป็นคนพูดเองเถอะ”

อันหลิงหยุนกรีดร้องอยู่ในใจ อยากจะเอาฮ่องเต่ ชิงหยู่มาเตะแทนลูกบอลจริงๆ

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันต่อไม่ถูกเพคะ” อันหลิงหยุน แสร้งทำท่าทีเสียใจ

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองอันหลิงหยุนอย่างพิจารณาสัก พัก: “เช่นนั้นก็ออกมาแสดงความสามารถสักอย่างสิ” กงชิงวี่ยกแก้วเหล้าขึ้น: “ให้หม่อมฉันต่อเถอะ” กงชิงวีมองที่อันหลิงหยุน: “มีความสุข!”

“ต่อรี?” ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสเบาๆ

..” ทุกคนต่างทำตัวไม่ถูก ปกติอ่องเสียนไม่ เคยใส่ใจพระชายาเสียน
อันหลิงหยุนมองไป เช่นนี้ก็ได้หรือ?

“ถือว่าใช้ได้ อ่องตวนตาเจ้าแล้ว พูดถึงเจ้ากับพระ ชายาตวน” ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสต่อ อ่องตวนไม่ลังเล แม้แต่น้อย จับมือของจุนฉูฉูแล้วพูดว่า: “ขอเพียงแค่ได้ เคียงคู่กันตลอดไป ต่อให้ได้เป็นเซียนก็ไม่ต้องการ”

“อืม”

ฮ่องเต้ชิงหยู่พยักหน้า แสดงถึงความพอใจ

แต่เขาเพิ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสินหยุนเจ๋พูดขึ้นมา ว่า: “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันก็ต่อได้พ่ะย่ะค่ะ

เสินเฉินเสี้ยงได้ยินก็โกรธเป็นอย่างมาก เกี่ยว

อะไรกับเจ้าด้วย? ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่น้องเขย: “ลองพูดดูสิ”

“เช่นนั้น ข้าจะลองต่อกับอ๋องเสียนดู” พูดจบ เสิน หยุนเจ๋ก็มองไปที่อันหลิงหยุนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ มองดู อย่างละเอียดและไตร่ตรองอยู่เป็นเวลานาน: “ตอนนั้น ก็คือตอนนั้น….ตอนนี้ก็คือตอนนี้!”

ตอนนั้นให้ความหวังเขา ตอนนี้ทำผิดคำสัญญา ของนาง!

อันหลิงหยุนตกใจ นางมองไปที่เสินหยุนเจ๋ ดวงตา ของเสินหยุนเจ๋คู่นั้นกำลังมองนางด้วยความโกรธแค้น อันหลิงหยุนรู้สึกว่าต้องมารับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ก่อ ร่าง เดิมทำผิดอะไรไว้ต่อเขากันแน่ ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามีทั้ง รักและทั้งเกลียด
แต่เขาพูดว่าตอนนั้นก็คือตอนนั้น ตอนนี้ก็คือตอน นี้ จริงๆแล้วก็พูดถูก

ตอนนั้นร่างเดิมรักแต่ไม่อาจครอบครองได้ ตอนนี้ รักจนไม่อาจปล่อยมือ!

“อืม ไม่เลว หยุนเจ๋ อ๋องตวนล่ะ” ฮ่องเต้ชิงหยู่ พอใจมาก เรื่องของอันหลิงหยุนและกงชิงจริงๆแล้ว เป็นเช่นนี้เอง

เสินหยุนเจ๋หันหน้าที่สง่งามของเขา มองไปที่อ๋อง

ตวนและพระชายาตวน

“ดอกไม้ไม่มีวันร่วงโรย”

อ่องตวนไตร่ตรองสักครู่: “ไม่ร่วงตลอดไปหรือ?”

อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้า เสินหยุนเจ๋คงจะไม่ได้ หมายความว่าพวดเขาไม่มีทางได้ลงเอยกันหรอกนะ? ดอกไม้บานไม่ร่วงโรย ไม่ใช่ว่าไม่ได้ลงเอยกัน

หรอกหรือ? จุนฉูฉูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสินจุนเจ๋ก็ พูดขึ้นมาว่า: “หวังว่าพระชายาตวนจะงดงามดั่งดอกไม้

ไม่มีวันร่วงโรย”

“เอาล่ะ เจ้าคงจะพูดขาดไปสองประโยคล่ะสิ เรียนหนังสือมาก็หลายปี ยังกล้าจงใจเล่นคำอีก” ฮองเฮารู้สึกไม่พอใจนัก น้องชายของตนเองตนเอง ย่อมที่จะรัก
ฮ่องเต้ชิงอยู่พูดว่า: “ตกรางวัล นำกระบี่โม่เย่ที่ข้า ใช้เมื่อวานออกมามอบให้หยุนเจ้”

“ฝ่าบาท ไม่ได้เพคะ นั้นคือของคู่พระวรกายของ พระองค์ จะมอบให้หยุนเจ๋ได้กระไร?” ฮองเฮารีบลุก ขึ้น ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงจับมือนางไว้

“ไปเอามา”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ออกคำสั่ง สวีกงกงจึงรีบพาคนไปนำ มาทันที

“ท่านแม่ทัพน้อย รีบขอบพระทัยเร็วเข้า นี่เป็นของ คู่พระวรกายฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณอัน ล้นพ้น”

เสินหยุนเจ๋ลุกขึ้น แล้วเดินไปด้านหน้าพระที่นั่ง

ยกเสื้อคลุมขึ้น แล้วคุกเข่าลงรับกระบี่!

ขอบพระทัยเสร็จก็ลุกขึ้นยืน เสินหยุนเจ๋ยืนดู กระบี่อยู่ตรงหน้าสักครู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็พูดขึ้นว่า: “มี กระบี่เล่มนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็สามารถนำดาบ เข้าวังหลวงได้”

เมื่อเสินหยุนเจ๋มองไป ก็เห็นเส้นเฉินเสี้ยนรีบลุก ขึ้นทันที: “ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ขอทรงถอน รับสั่งด้วย”

ฮ่องเต้ชิงหยู่จับมือของฮองเฮาเสินหยุนชูไว้: “มี อีกเรื่องที่ข้าจะประกาศ ฮองเฮาและกุ้ยเฟยตั้งครรภ์ แล้ว”
อันหลิงหยุนตกใจ คนที่อยู่รอบข้างต่างรีบลุกขึ้น แล้วคุกเข่าลงแสดงความยินดีแด่ฮ่องเต้ชิงหยู่

อันหลิงหยุนถูกดึงให้ลุกขึ้นแสดงความยินดี ทุก คนต่างก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง

อันหลิงหยุนรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ช่างน่าตกใจ จริงๆ!

ต่อให้การรักษาจะได้ผลเพียงใด ก็ไม่น่าจะเร็วถึง เพียงนี้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

ฮองเฮาเองก็ตั้งครรภ์แล้ว

หลังจากแสดงความยินดีเสร็จ ทุกคนก็ยังคงอยู่ใน บรรยากาศของความปิติยินดี อันหลิงหยุนรู้สึกปวด เมื่อยไปหมด เข้าวังทุกครั้งต้องคุกเข่า นางอย่างจะ เป็นฮ่องเต้จริงๆ เช่นนั้นก็จะมีแต่คนอื่นที่จะต้องคุกเข่า ให้

เมื่อนั่งลง อันหลิงหยุนก็เห็นไปหน้าซีดเผือดของ ขุนฉูฉู ที่มองดูครอบครัวด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางยังคงรอคอยการขึ้นครอง ราชย์ของอ๋องตวน อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกเห็นอก เห็นใจนาง

อันหลิงหยุนหันหน้าไปมองกงชิงวี่ อยากจะรู้ว่า เขามีสีหน้าเช่นไร แต่ดูเหมือนเขาจะกำลังจมอยู่ใน ความคิดอะไรสักอย่างอยู่ ก้มหน้าก้มตาคิดเรื่องบาง อย่างอยู่
เขาดึงมือของนางมา ตอนนี้เองเขาค่อยๆใช้นิ้วโป้ง ถูไปถูมาบนมือของนางเบาๆ

คิดว่าคงจะรู้สึกตกใจเช่นกัน

ฮ่องเต่ชิงอยู่มีบุตรยาก แต่เซียวกุ้ยเฟยเพิ่งจะเข้า วังมาไม่ถึงสองเดือน ทั้งสองตำหนักก็ทรงพระครรภ์ทั้ง

คู่ เช่นนี้จะไม่ให้ตกใจได้กระไร?

เป็นเพราะทรงพระโสมนัส ฮ่องเต้จึงพระราชทาน รางวัลเป็นอาหารลงมาหลากหลายอย่าง อันหลิงหยุนมี ลาภปากแล้ว

งานเลี้ยงจบลง ทุกคนต่างแยกย้าย เหล่าข้าราช บริพารที่อยู่ในตำแหน่งสูงเหล่านั้น ต่างก็มีสีหน้าที่แตก ต่างกันออกไป

อันหลิงหยุนเดินตามกงชิงวี่ไปด้วยความแปลกใจ ปล่อยให้เขาจูงมือไป

นางเดินไปพลางบ่นพึมพำไปพลาง: “หรือแม้แต่ ราชครูจุนและเสินเฉินเสี้ยนก็ไม่รู้เรื่องนี้?”

อันหลิงหยุนสังเกตเห็นว่าพวกเขาต่างก็ไม่รู้เรื่อง

กงชิงวี่พูดเบาๆ : “ถ้าหากเรื่องที่แม้แต่ข้าเองก็ยัง ไม่รู้ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้รู้แน่นอน”

อันหลิงหยุนแสดงสีหน้าตกใจ: “ท่านเก่งกาจ

ขนาดนั้นเชียวหรือ?”

“ข้าไม่เก่งกาจหรอกหรือ?” กงชิงวี่แสดงสีหน้าภูมิใจ แววตาที่มองอันหลิงหยุนเต็มไปด้วยการหยอก ล้อ อันหลิงหยุนมองเขาอย่างเบื่อหน่าย: “หน้าไม่อาย!”

“อืม!”

กงชิงวี่พยักหน้า แสดงให้เห็นว่าอันหลิงหยุนพูด

ถูก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ