ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 68 รักใคร่กลมกลืน



บทที่ 68 รักใคร่กลมกลืน

เสินหยุนเจ๋ยืนอยู่หน้ารถม้าและจ้องมองไปที่อัน หลิงหยุนด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาตะคอกออกมา “มา

นี่!”

อันหลิงหยุนแปลกใจ ผู้ชายคนนี้เป็นคนบ้าหรือ?

ทำไมตระกูลเสินถึงได้มีแต่คนบ้า?

ด้านข้างมีรถม้าผ่านมา อันหลิงหยุนตะโกน “ระวัง!”

เสินหยุนเจ๋หันกลับไปดู อันหลิงหยุนรีบเผ่น และ หายไปในพริบตา

เสินหยุนเจ๋ค่อยพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และ ทันใดนั้นแค่เพียงพริบตาที่เขาหันกลับมา คนก็ไม่อยู่ แล้ว

อันหลิงหยุนเดินอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็กลับไปถึง จวนอ๋องเสียน พอเข้าประตูไปนางก็รีบมุ่งตรงไปที่ลาน โอวหลาน

หลังจากเข้าไปในห้องนางก็รีบปิดประตูลง อัน หลิงหยุนถึงค่อยรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา

ถูกคนในตระกูลเสินทำให้ตกใจจนเป็นแบบนี้ ใน ขณะที่อาบน้ำนางก็อดรู้สึกดูถูกตัวเองขึ้นมาอยู่บ้าง
เดิมนางคิดว่ามันจบลงแล้ว แต่ไม่เคยคิดว่า เสิน หยุนเจ๋จะหาจวนอ๋องเสียนเจอ

พ่อบ้านรีบเข้ามาจากด้านนอก และเคาะประตู

“พระชายา มีผู้มาหาท่าน!”

อันหลิงหยุนไม่อยากลุกขึ้น นางนอนไปแล้ว แต่ก็ ไม่รู้ว่าเป็นใครกันที่มาหานาง และคนเหล่านั้นนางก็

รู้จักอยู่เพียงไม่กี่คน”

นางลุกขึ้นและออกไปดู

ด้วยความรีบร้อน อันหลิงหยุนหยิบเสื้อคลุมผ้า ฝ่ายที่แขวนอยู่หลังจากกันลมเข้ามาคลุม เป็นเสื้อคลุม สีแดงสดตัวหนึ่ง

อันหลิงหยุนออกมาจากห้องและเอ่ยถาม “ผู้ใด?”

“พระชายาไปดูเองเถอะขอรับ”

สีหน้าของพ่อบ้านยุ่งยาก เขาเคยได้ยินมาก่อน แล้วว่าคุณชายสามตระกูลเสินชอบบุตรีของแม่ทัพอัน เรื่องของทั้งสองถูกลือสะพัดออกไปจนแทบฟังไม่ได้

ต่อมา เสินเฉิงเสี้ยงจึงเป็นฝ่ายกราบทูลขอร้องฝ่า บาทเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องการให้บุตรชายของตนเงินหยุ นเจไปชายแดนกับบุตรชายคนโตของเขา เสินหยุนเล่ เพื่อฝึกฝน ในตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาประสบ ความสำเร็จอย่างยิ่งในการทำศึกสงคราม กลายเป็น แม่ทัพที่น่าเกรงขามของศัตรู

ตระกูลเสินเป็นข้าราชการ แต่กลับมีทหารถึงสองคน ซ้ำยังเป็นถึงแม่ทัพทั้งคู่ ทำให้เป็นที่เลื่องลือกัน อย่างดีในประเทศต้าเหลียง

เพียงแต่คุณชายสามผู้นี้นั่นเป็นคนที่ชั่วร้ายอย่าง ยิ่ง เรื่องราวเลวร้ายที่เขาเคยก่อขึ้นในอดีตแทบจะไม่ น้อยไปกว่าพระชายาในอดีตเลยสักนิด

ในตอนแรกที่ทั้งคู่ยังอยู่ในเมืองหลวง ก็แทบจะ เหมือนกำลังแข่งขันกันอยู่อย่างไรอย่างนั้น ขอแค่พระ ชายาทำเรื่องแปลกประหลาดอะไรขึ้นมา คุณชายสาม ก็จะไม่ยอมน้อยหน้าเลยสัก ทำให้พวกเขากลายเป็นที่ น่าขบขันอยู่ไม่น้อย

อีกทั้งคุณชายสามยังประกาศเอาไว้ว่า เขา ต้องการจะสู่ขอพระชายา

เพียงแต่ตอนนั้นไม่มีผู้ใดใส่ใจ แต่เมื่อตอนนี้คน ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก็ทำเอาผู้คนปวดหัวไม่ น้อย

อันหลิงหยุนเดินไปยังประตู เมื่อมองออกไปดูผู้ ที่มาด้านนอก นางก็ตกตะลึง

ตามมาถึงที่บ้านแล้ว

“อันหลิงหยุน เจ้ากลัวข้าขนาดนี้เชียว?” เสิ่นหยุน เจถามขณะที่เดินไปด้วย ท่าทางโมโหหงุดหงิด

อันหลิงหยุนรีบเตรียมเข็มเงินสองเล่มเอาไว้ หาก อีกฝ่ายหาเรื่องนางอีกครั้ง นางก็ได้แต่ต้องฉีกหน้าเขา แล้ว
แต่อันหลิงหยุนกลับทายผิด เสินหยุนเจ๋แม้ปากจะ พูดจาทิ่มแทง แต่ในตอนนี้สายตาที่มองดูนางกลับอ่อน โยนลงมาก

จู่ๆ เสินหยุนเจ๋ก็ยิ่มแล้วเอ่ยถาม “ชุดนี้เขาทำให้ เจ้าหรือ?”

ในเวลานี้อันหลิงหยุนถึงค่อยค้นพบว่าตนสวมชุด สีแดง เมื่อมองดูแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ก็แค่ชุดสี แดงชุดหนึ่งเท่านั้น

แต่พออีกฝ่ายพูดขึ้นมาแบบนี้ อันหลิงหยุนก็ไม่รู้ ว่าจะพูดตอบอะไร นางได้แต่เงยหน้ามองดูเขา เห็นที คงเป็นปัญหายุ่งยากที่เจ้าของเดิมก่อไว้แน่ เมื่อเห็นว่าอันหลิงหยุนไม่พูดจา เสินหยุนเจ๋กลับ

พูดขึ้น “หากเขาไม่ดีกับเจ้า ก็มาหาข้า อย่าได้เกรงกลัว

ผู้ใด ข้าเสินหยุนเจ๋ไม่กลัวใครทั้งนั้น!”

พูดจบเสินหยุนเจ๋ก็โยนอะไรบางอย่างให้อันหลิง หยุน อันหลิงหยุนยกมือขึ้นรับตามสัญชาตญาณและ มองดู มันเป็นปิ่นทองอันหนึ่ง

“เห็นมันเหมือนเห็นเจ้า เก็บเอาไว้มีประโยชน์”

เสียงของเสินหยุนเจ๋ดังมาจากรถม้าที่อยู่ไกลออก ไป เมื่ออันหลิงหยุนมองดู รถม้าก็ได้ออกแล้วอย่าง รวดเร็ว

เมื่อมองไปที่ปิ่นในมือของตน อันหลิงหยุนก็จำไม่ ได้อยู่ดีว่าชายตรงหน้าของตนนั้นคือผู้ใด นางลูบหัวตนเอง ก่อนจะหมุนตัวจากไป แต่พอหันหลังกลับมาก็ เห็นว่ากงชิงที่กำลังเฝ้ามองตนอยู่ไม่ไกล

อันหลิงหยุนหยุดลงอย่างหดหู เจอเข้าให้กับ ใบหน้าบูดบึ้งของกงชิงวี่แบบนี้ นางไม่รู้จะอธิบาย อย่างไร

แต่เมื่อคิดไปว่ากงชิงวี่ก็คงจะไม่ใส่ใจอะไรตนเช่น กัน ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ท่านอ๋อง”

เมื่อกงชิงวี่เดินเข้ามา พ่อบ้านทักทายเขา ตามด้วย อันหลิงหยุนที่ย่อตัวเคารพ นางชินไปแล้ว เจอเขา เหมือนเจอกฎมารยาท

“พระชายาเสียนอันสูงส่ง ยังมีกฎธรรมเนียม

มารยาทอยู่บ้างหรือไม่ ข้ายังไม่ตายนะ!” กงชิงวี่โกรธ สุดขีด ยิ่งมองนางก็ยิ่งโกรธ เขาไม่อยู่แค่วันเดียว ก็มี คนรักมาหาถึงที่ “หม่อมฉันก็ไม่รู้จักเขา เป็นเขาที่มาที่นี่เอง เหตุใด

ท่านอ๋องต้องพูดจาถากถางหม่อมฉันเช่นนี้ด้วย แต่เดิม ท่านก็รู้ดีว่าชื่อเสียงของหม่อมฉันฉาวโฉ่ ท่านอ๋องเองก็ มองหม่อมฉันราวกับสิ่งสกปรก แล้วคนอื่นๆ จะมอง หม่อมฉันเป็นสมบัติล่ำค่าหรือ?”

อันหลิงหยุนหันหลังกลับไปยังลานโอวหลาน

ใบหน้าของกงชิงซีบิ้งตึง เสินหยุนเจ่อยู่ที่ชายแดน ใครบอกให้เขากลับมากัน?
เข้ามาในลาน อันหลิงหยุนกลับไปพักผ่อน แต่ถูก พ่อบ้านเรียกไว้

“พระชายา ท่านอ๋องรับสั่งว่าหนังสือที่พระองค์คัด ลอกมีอยู่หลายจุดที่ไม่ชัดเจน จึงขอให้ท่านไปคัดลอก เพิ่มเติม” พ่อบ้านยืนอยู่ที่ประตูด้วยความเคารพ อัน หลิงหยุนกัดฟัน เห็นได้ชัดว่านี่คือการลงโทษนาง

อันหลิงหยุนออกจากห้องและไปยังห้องของกงชิง วี่และเคาะประตู เสียงทุ้มลึกของกงชิงวี่ดังขึ้นมาจาก ในห้อง “เข้ามา”

อันหลิงหยุนที่เปิดประตูเข้าไปก็ยังคงสวมใส่เสื้อ คลุมสีแดงตัวนั้นดังเดิม ศีรษะของนางไม่ได้รวบขึ้น และทำแค่เพียงมัดเป็นหางม้าหลวมๆ ไว้ข้างหลัง นาง แค่ต้องการกลับไปพักผ่อนเร็วๆ

กงชิงที่นั่งอยู่บนเตียง เมื่อนางเข้ามา ก็รู้สึก ประหม่าไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “บนโต๊ะ คัดใหม่ อีกครั้ง”

อันหลิงหยุนรู้ดีว่าตนโต้เถียงอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึง ไม่พูดอะไร นางเดินเข้าไปกล่องและหยิบพู่กันขึ้นมา จากนั้นจึงเริ่มลงมือคัดลอก ทีละตัวทีละประโยค เข้าไปในสายตาของอันหลิงหยุน ทำให้ในใจของนาง สงบลงกว่าเดิมมาก

บนเตียงกงชิงวี่มองดูนางย่างละเอียด เขารู้สึกมิ อาจละสายตาไปจากนางอยู่บ้าง
ไม่ทันได้รู้ตัวนางก็คัดลอกไปไม่น้อย อีกทั้งอัน หลิงหยุนก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน

นางไม่ได้นั่งลงและคัดลอกไปทั้งอย่างนั้น เนื่องจากกลัวว่าถ้านั่งลงไปนางจะหลับ

กงชิงลุกขึ้นมาจากการพักผ่อนและหยุดที่ด้าน ข้างของอันหลิงหยุน ดวงตาที่เฉยเมยของเขาตกลงที่ ตัวหนังสือที่คัดลอกเสร็จเรียบร้อย ลายมือเป็น ระเบียบ แบบอักษรสดใหม่และสง่างาม เฉกเช่นนางใน ตอนนี้

กงชิงวี่วางหนังสือลง ดวงตาดำขลับของเขา เหลือบมองอันหลิงหยุนที่มีกำลังง่วงนอน นางง่วงจน เริ่มที่จะสัปหงก

“ง่วงนอน?” กงชิงวี่ท่าทางเฉยเมยไม่แยแส อัน หลิงหยุนตกอยู่ในภวังค์และพยักหน้า

“วันนี้ไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ พรุ่งนี้ยังมีอีก สองเล่มที่ต้องคัด”

อันหลิงหยุนพยักหน้า ขอแค่ได้นอน ทุกอย่างล้วน สามารถต่อรองได้

กงชิงวี่เอ่ยเสียงทุ้ม “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ อนุญาตให้ไปพบปะกับชายใดเป็นการส่วนตัว ทำให้ข้า ขายหน้า”

“อืม”

อันหลิงหยุนวางปากกาลงและหาว
“ราตรีสวัสดิ์ท่านอ๋อง” หลังจากทำความเคารพ อัน หลิงหยุนก็เดินไปที่ประตูอย่างสะลึมสะลือ เปิดประตู และเดินจากไป

กงชิงวี่มองดูตัวอักษรจองนาง รู้สึกประหลาดใจ คนก็ยังเป็นคนผู้นั้น แต่ทำไมตัวอักษรเหล่านี้ถึงได้ เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

อันหลิงหยุนกลับไปพักผ่อน ในฝันนางพบกับซูมู่ หลง แกทั้งยังทะเลาะกันอีกด้วย เหนื่อยทั้งกายและใจ

เมื่อตื่นขึ้นมานางก็ยังคงรู้สึกหดหู เกรงว่าตลอด ชั่วชีวิตนี้นางมิอาจพบซูมู่หรงได้อีกต่อไปแล้ว

วันนี้กงชิงที่ต้องออกไปข้างนอก แต่ก่อนออกไป เขากลับมาทานอาหารเป็นเพื่อนอันหลิงหยุนก่อน

อันหลิงหยุนก็คิดเช่นกัน อยู่ดีๆ เหตุใดถึงได้มา ทานอาหารกับนาง หรือว่าจะมีเรื่องอะไร และก็เป็นเช่น นั้นจริงๆ

หลังทานอาหารเสร็จ กงชิงวี่ก็ให้นางไปเปลี่ยน เสื้อผ้าและออกไปข้างนอกกับเขา

อันหลิงหยุนได้แต่ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออก ไปกับเขา เมื่อขึ้นไปบนรถม้า กงชิงวี่ก็สั่งให้ไปยังจวน ตระกูลจุน เรืองของกุ้ยเฟยยังไม่เสร็จสิ้น เขาต้องไป จัดการ

นางนั่งอยู่ในรถอย่างอึดอัด การไปจวนตระกูลจุน สำหรับอันหลิงหยุนแล้ว นี่ออกจะไม่ใช่เรื่องที่ดี
สิ่งที่แย่ที่สุดคือการต้องเจอกับจุนฉู่ ฉู่

เมื่อรถม้ามาถึงประตูจวนของราชครูจุน กงซิงวี่ก็ ลงจากรถม้า และหันไปมองดูอันหลังหยุนที่กำลังออก มาจากรถม้า อันหลิงหยุนไม่ได้คาดหวังว่า กงชิงวี่จะ ต้องยื่นมือมาพยุงตน นางลงจากรถม้าไป และสวมผ้า คลุมมือและถือเครื่องทำความร้อนเอาไว้และเดินไป หยุดอยู่ด้านข้างของกงชิงวี่

ตระกูลจุนมีคนออกมาต้อนรับพวกเขา

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่าเป็นจุนฉู่ฉู่ อย่างที่คิดเอาไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ