บทที่ 66 สิ่งที่ถูกค้นพบ
“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่”
“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่”
ฮ่องเต้ชิงหยู่และกงชิงวี่มาที่พระตำหนักเฉาเฟิง พร้อมกัน และทำความเคารพหวางฮองไทเฮา
อันหลิงหยุนลุกขึ้นไปด้านหน้าเพื่อถวายความ เคารพฮ่องเต้ชิงหยู่ ในขณะที่นางกำลังจะก้มตัวลง กลับถูกฮ่องเต้ชิงหยู่หยุดเอาไว้ และประคองขึ้นมา ด้วยมือของเขาเอง
“ลุกขึ้นเถอะ ไม่มีคนนอก ข้าเป็นแค่พี่ชายของเจ้า เท่านั้น”
“หม่อมฉันมิบังอาจ ขอบพระทัยฝ่าบาท” อันหลิง หยุนลุกขึ้นและลดศีรษะลง ฮ่องเต้ชิงหยู่ฟุ้งซ่านไป เล็กน้อย
“ไม่ได้เจอเจ้ามาไม่กี่วัน พระชายาอ่องดูดีขึ้นไม่
น้อย” ฮ่องเต้ชิงหยู่เอ่ยชมเชย อันหลิงหยุนนิ่งเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ คำพูดของ เขาก็เป็นแค่การพูดไปเรื่อยเปื่อย นางไม่เก็บมาใส่ใจ
“ทำไมข้าถึงมองไม่ออก? ข้ากลับคิดว่า นางดูน่า เกลียดเสียยิ่งกว่าเดิม” กงชิงวี่เหลือบมองไปที่อันหลิงหยุนอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันไปมองที่หวางฮองไท เฮาตรงหน้า “เสด็จแม่ หม่อมฉันกำลังจะออกจากวัง แล้ว” “รีบร้อนอะไรกัน นานที่ๆ พวกเราจะพร้อมหน้า มา
ทานอาหารกลางวันด้วยกันแล้วค่อยออกไปจากวัง”
“ลูกต้องไปที่จวนตระกูลจุนเพื่อหารือเกี่ยวกับ เรื่องที่กุ้ยเฟยจะเข้าวัง” “นับดูแล้ววันเวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว ในเมื่อเป็นเช่น
นี้ เจ้าจงไปเถอะ” เมื่อหวางฮองไทเฮาพูดจบ กงชิงวี่ก็
หันกลับมาและจากไปอย่างไม่ลังเล
อันหลิงหยุนหันไปทางหวางฮองไทเฮาเพื่อทำการ เคารพ “หม่อมฉันทูลลา”
จากนั้นจึงหันไปทางฮ่องเต้ชิงหยู่เพื่อทำการ เคารพอีกครั้ง “หม่อมฉันทูลลา”
“อืม”
ฮ่องเต้ชิงหยู่วางมือไว้ด้านหลัง และทำสมาธิสักครู่ ก่อนจะติดตามหวางฮองไทเฮาไปพูดคุย แต่กลับเป็น อันหลิงหยุนที่รีบร้อน หากไม่ได้เรียกตัวนาง นางก็ไม่ สามารถเปิดปากเพื่อส่งยาได้
หลังจากออกมาจากพระตำหนักเฉาเฟิง อันหลิง หยุนก็เดินไปรอไป กงชิงวี่ที่เดินอยู่ข้างๆ นาง หันมา มองนางอย่างสังเกต จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น “จากนี้ไปไม่อนุญาตให้เจ้าแต่งหน้ายามเข้าวัง มองแล้วดูไร้รสนิยม”
อันหลิงหยุนกำลังคิดเรื่องต่างๆ อยู่ กลับถูก ขัดจังหวะโดยเขา นางลูบหน้าของตน “วันนี้หม่อมฉัน ออกมาโดยไม่ได้แต่งหน้าอะไร เมื่อเช้าพอล้างหน้า เสร็จเดิมตั้งใจคัดลอกหนังสือจากนั้นไปพักผ่อน แม้ กระทั่งอาหารเช้ายังไม่ได้ทาน จะมีเวลาที่ไหนไปแต่ง หน้ากัน?”
“ไม่มีหรือ?” กงชิงวีกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือเขามองผิดไป เขายกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของอันหลิงหยุน ไม่
มีจริงๆ “ไม่มีใช่ไหม?” อันหลิงหยุนอารมณ์ไม่ดี ทำไม
ฮ่องเต้ยังไม่มาอีก?
อันหลิงหยุนหันไปมองยังในวัง และมองเห็นเป็น สวีกงกงที่กำลังเดินเข้ามา
“ข้าน้อยคำนับท่านอ๋องเสียนและพระชายาเสียน” สวีกงกงรีบทำความเคารพ อันหลิงหยุนค่อยโล่งใจ
“กงกง มีเรื่องอะไร?” กงชิงวี่ยืนเอามือไขว้หลัง
สวีกงกงรีบเอ่ย “ผ่านบาทเพิ่งกลับไปยังพระ ตำหนักจรุงจิต และคิดได้ว่ายังมีอีกเรื่องที่ไม่ได้ตรัส กับท่าน จึงรับสั่งให้ข้าน้อยมาเชิญท่านอ๋องกลับไป”
“กงกงโปรดนำทาง”
จากนั้นกงชิงวี่ก็เดินไป พร้อมกับอันหลิงหยุนที่ ติดตามเขาไปด้านหลัง
เมื่อไปถึงพระตำหนักจรุงจิต ทั้งคู่ก็รออยู่ชั่วครู่ อันหลิงหยุนคิดไปถึงเรื่องที่เกือบจะตายในพระ ตำหนักจรุงจิตวันนั้น ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ ใบหน้าเย็นชาของกงชิงวี่
วันนั้นที่เขาไม่พอใจก็เป็นเพราะใบหน้าที่บอบบาง ของจุนฉู่ฉู่ผู้นั้นใช่หรือไม่?
แต่ทำไมถึงได้ทำตัวสงบศึกกับนางเล่า?
โดยเฉพาะไม่กี่วันมานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ ลงมือตั้งใจทำอะไรเลย
ถึงแม้จะไม่ได้ดั่งใจบ้าง ก็แค่ดุครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำอะไรกับนาง?
สวีกงกงเชิญกงชิงวี่เข้าไปข้างใน ในขณะที่อัน หลิงหยุนรออยู่นอกพระตำหนักจรุงจิต
“อย่าเดินไปมาซี้ซั้ว” กงชิงวี่ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะ เดินไป อันหลิงหยุนมองด้านหลังของเขาอย่างอ่อนใจ นางพูดอะไรได้หรือไง?
แน่นอนว่าเมื่อกงชิงก้าวเข้าไปในตำหนัก สวีกง กงก็เดินออกมา และเชิญอันหลิงหยุนไปที่วิหารบรรทม รอง
ตลอดทางที่เดินไป อันหลิงหยุนไม่กังวลว่าใครจะพบเห็น นางรู้ดีว่าฮ่องเต้ชิงหยู่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว
แต่จู่อย่างไม่มีเหตุผล การที่นางทำเรื่องลับหลัง กงชิงวี่เช่นนี้ ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”
อันหลิงหยุนเข้าไปในวิหารบรรทมรองและทำการ เคารพฮ่องเต้ชิงหยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่อยู่ตรงหน้านาง ก่อน จะเรียกนางลุกขึ้น
“ข้ารู้สึกว่าไม่กี่วันมานี้สุขภาพดีขึ้นกว่าเก่ามาก เห็นที่ยาคงได้ผลแล้ว”
ฮ่องเต้ชิงหยู่เอ่ยสั้นๆ แต่อันหลิงหยุนก็ไม่กล้ารีรอ นางเอ่ยทันที “ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องตรวจชีพจรของ พระองค์ก่อน”
“อืม”
ฮ่องเต้ชิงหยู่ยื่นมือออกมา อันหลิงหยุนกดลงข้อ มือของฮ่องเต้ชิงหยู่อย่างระมัดระวังเพื่อวินิจฉัยชีพจร นางตรวจสอบระบบต่างๆ ก่อนจะปล่อยมือและเอ่ย “ฝ่าบาท ดีขึ้นมากแล้ว หากยังคงปรับตัวตามยาที่ให้ไว้ ต่อไป หลังจากนี้ครึ่งเดือนก็จะสามารถฟื้นตัว”
“ครึ่งเดือน?” ฮ่องเต้ชิงหยู่นิ่งไปเล็กน้อย “เร็ว ขนาดนั้นเชียว?”
“เพคะ”
ฮ้องแต้ชิงหยู่ราวกับว่าตั้งตัวไม่ทัน
อันหลิงหยุนจริงๆ ไม่เข้าใจพวกผู้ชายของ ราชวงศ์นี้เลยจริงๆ ป่วยแต่ก็ไม่ต้องการที่จะหายดี
“เช่นนั้นก็ครึ่งเดือน” ฮ่องเต้ชิงหยูมองไปที่อันหลิง หยุนอย่างสนใจและเอ่ยถาม “ช่วงนี้ดีหรือไม่? อ๋องเสีย นยังปฏิบัติกับเจ้าเช่นเคยหรือไม่?”
“ยังดี อ่องเสียนทรงเมตตาปล่อยหม่อมฉันบ้าง
แล้ว” อันหลิงหยุนตอบอย่างหดหู
“งั้นหรือ?” ฮ่องเต้ชิงหยู่จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา อันหลิง หยุนท่าทางจนใจ นี่มีอะไรให้ตลกกัน
“ฝ่าบาท นี่คือยาที่เหลือ อย่าได้หยุดใช้ และอย่า ได้ใช้มากเกินไป อีกครึ่งเดือนนี้จะต้องทำใจให้สงบ ทานอาหารรสอ่อน” อันหลิงหยุนส่งยาให้ฮ่องเต้ชิงหยู่ เขาหยิบมาดูและเก็บเอาไว้
“ไปเถอะ”
“หม่อมฉันทูลลา”
อันหลิงหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และ ถอยออกมายังด้านนอกพระตำหนักจรุงจิตเพื่อรอ จน กระทั่งกงชิงวี่ออกมาจากข้างใน
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก อันหลิง หยุนก็พยายามที่จะไม่ไปทำอะไรยั่วยุเขา เมื่อกงชิงวี่ เดินไปนางก็เดินตามไปด้วย จนกระทั่งออกจากวัง อัน หลิงหยุนค่อยดีใจขึ้นมาได้
เมื่อเข้าไปในรถม้า อันหลิงหยุนเหลือบมองไปที่กงชิงวี่ ในรถม้ามีแสงไม่ว่างมากนัก เป็นเพียงแค่แสงจาก ตะเกียงน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ในความมืด ใบหน้าของ กงชิงวีกลับยิ่งดูหล่อเหล่ากว่าเดิม เขาสวมชุดลาย มังกรสีดำ และผ้าซาตินบนตัวดูนุ่มนวล ภายใต้แสงไฟ ที่สาดส่องส่งผลให้เขายิ่งดูสง่างาม
เขาเอนกายพิงรถม้าอย่างเกียจคร้าน ดวงตาหรี่ ลงเหลือเพียงครึ่ง แต่กลับหล่อเหลาจนทำเอาผู้คน หายใจไม่ออก
อันหลิงหยุนตกอยู่ภายใต้ความประหลาดใจ การ 4ะ ที่เจ้าของร่างเดิมตกอยู่ภายใต้กำมือของกงชิงวี่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ยุติธรรมอะไร
“เสด็จแม่พูดอะไรบ้าง” น้ำเสียงมีเสน่ห์น่าดึงดูด ของเขาดังขึ้นเบาๆ ดึงสติของอันหลิงหยุนให้กลับมา เป็นปกติ
นางมองไปที่กงชิงวี่ อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่ หนึ่ง “ก่อนหน้านี้บรรทมไม่ค่อยหลับ เมื่อสั่งยาให้ก็ทรง บรรทมดีแล้ว เสด็จแม่สอบถามเรื่องการรักษาความ งาม”
“เจ้ากินไปแล้ว?” กงชิงวี่ลืมตาขึ้นมอง ไม่น่าแปลก ใจที่ทุกวันนี้ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่แล้ว
อันหลิงหยุนส่ายหัว “มันเป็นแค่อาหารบำบัด เท่านั้น หม่อมฉันจะไปมีเวลากินได้อย่างไร”
“ไม่ได้กิน?”
กงชิง ที่ไม่เชื่อ และอันหลิงหยุนก็ไม่ได้อธิบาย กงชิงวี่ส่งเสียงหือย่างเย็นชา “นวดขาให้ข้า” อันหลิงหยุนมองไปที่เท้าของกงชิง วี่ นางกดมือ ของเขาลงบนขาของเขา และนึกไปถึงไข่มุกราตรีอีก ครั้ง
แต่เมื่อนางนึกถึงมัน อันหลิงหยุนก็รู้สึกอึดอัดไป ทั้งตัว กงชิงพิงรถม้าหลับไป ในขณะที่อันหลิงหยุน คอยนวดให้เขาจนกระทั่งไปถึงประตูจวนอ๋องเสียน
อันหลิงหยุนลงจากรถม้าและเงยหน้าขึ้นไปมอง กงชิงที่ไม่ได้ขยับ เขายังคงพิงอยู่ในรถม้า
พอนึกไปถึงภาพในพระตำหนักจรุงจิตในตอนนั้น อันหลิงหยุนรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนเจ้าของร่างเดิน ผู้ชาย แบบนี้ ทั้งยังไม่ได้รักเจ้า ต้องการเขาไปทำไมกัน
เขาแทบจะอยากให้เจ้าของร่างเดิมตายไปจนทน ไม่ไหว เพื่อที่เขาจะได้ลงเอยกับจุนฉู่ฉ่อย่างลับๆ ได้ คนเขามีครอบครัวแล้ว ยังไปพัวพันกันได้อีก
ผู้ชายคนนี้…ขยะ!
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ นางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ ได้ทุบเขาไปแรงๆ สักที่สองทีตอนที่เขาหลับ
เขายกม่านขึ้น กระโดดลงมา
เสียงอันทุ่มต่ำอารมณ์ดีของกงชิงที่ดังมาจากรถ ม้า “ข้ายังมีธุระ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“อืม”
อันหลิงหยุนไม่รอให้รถม้าออกตัวอีกครั้งและหัน
กลับเข้าไปในจวน กงชิงวี่ยกม่านขึ้นเพื่อดูนาง นางไม่อยู่แล้ว
หลังจากนางรับใช้ตลอดทางกงชิงวี่ก็อารมณ์ดี เขาปิดม่านลง และสั่งให้รถม้าไปยังจวนของราชครูจุน อันหลิงหยุนพักผ่อนตลอดช่วงบ่าย ฟ้ามืดแล้วแต่
กงชิงวี่ยงไม่กลับมา ค่าดว่าอา”ะไม่กลับมาแล้ว สองวัน นี้เรื่องของตระกูลจุนล้วนถูกจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว รายละเอียดการเดินทางของกงชิงวี่นั้นได้รับการจด บันทึกเอาไว้ เนื่องจากนี้เป็นงานแต่งตั้งพระสนม ซึ่ง แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ที่เขาทำ ดังนั้นทุกๆ การ เคลื่อนไหวของกงชิงวี่ล้วนต้องถูกรายงาน
ตระกูลจุนคือบ้านฝ่ายแม่ของจุนฉู่ฉู่ แล้วนางจะ หลังอาหารค่ำแอ้นหลิงหยุนเตรียมจะกลับไปที่
ไม่ไปเหรอ?
บ้านเดิมสักครั้ง นางอยู่จวนอ๋องเสียนมานานจนรู้สึกไม่ สบายตัว ทั้งยังเข้าวังเอาไปให้ยาแก่ฮ่องเต้ชิงหยู่แล้ว อีกทั้งยังต้องไปหาหวางฮองไทเฮาแล้วด้วย ไห่กงกง นางก็ฝากฝังแล้วเรียบร้อย ดังนั้นนางจึงเบาใจได้สัก พัก
บวกกับต้องเตรียมผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับหวา งฮองไทเฮา อันหลิงหยุนยังต้องกลับไปหาของบางสิ่งเพิ่มเติม
ออกมาจากจวนอ๋องเสียน อันหลิงหยุนที่กำลังจะ กลับไปยังจวนท่านแม่ทัพ เมื่อไปถึงนางก็คิดขึ้นมาได้ ถึงเรื่องของหลิ่วเอ๋อ จากนั้นจึงหันหลังกลับเข้าจวนไป อีกครั้ง
อันหลิงหยุนไปที่สวนหลังบ้านเพื่อหาอาหยู่ที่ยัง คงพักฟื้นอยู่
หลังจากเข้าประตูไป อันหลิงหยุนก็นั่งลง อาหยู่ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นอันหลิงหยุนเขาก็ตกใจ แต่ เมื่อนึกขึ้นได้อาหยู่ก็นอนลงอีกครั้ง
พระชายา ที่นี่ไม่เหมาะสมสำหรับท่าน”
อาหยู่ไม่ต้องการพูดมากไปกว่านี้ ก่อนหน้านี้เขา
ยังอยากฆ่านาง
อันหลิงหยุนถาม “สุขภาพท่านดีขึ้นบ้างหรือยัง?” อาหยู่เอ่ย “ดีขึ้นมากแล้ว ขอบพระทัยพระชายาที่ เป็นห่วง พระชายา นี่ดึกมาแล้ว ท่านควรกลับไป”
“อืม ข้ามีบางอย่างจะถามท่าน แต่ดูเหมือนท่านจะ ยังไม่หายดี” จิตใต้สำนึกอันหลิงหยุนยังคงเป็นคนดี นางทนไม่ได้ที่เห็นใครทุกข์ทรมาน
นางหยิบมีดขึ้นมาจากตัว อาหยู่นิ่งไปชั่วครู่ เข้าใจ
ไปว่าอันหลิงหยุนต้องการจะฆ่าเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใด
ตนถึงได้ไม่ขัดขืน อีกทั้งยังไม่ส่งเสียงใดๆ
แต่มีดของอันหลิงหยุนกรีดลงที่ข้อมือของนาง เลือดจากข้อมือไหลลงมา อันหลิงหยุนกำมือ จากนั้น จึงบีบปากของอาหยู่ออก และเอาเลือดของนางส่ง เข้าไปในปากของเขา
อาหยู่จ้องไปที่อันหลิงหยุน เขาตกตะลึงและไม่ ตอบสนอง
หยดเลือดไม่กี่หยดไหลลงไป ที่อันหลิงหยุนเอา ผ้าสีขาวพันข้อมือของตนเอาไว้ โชคดีที่นางเตรียม พร้อม
เมื่อมีดถูกเก็บเข้าไป อาหยู่ก็ลุกขึ้นนั่งทันที เนื่องจากความเจ็บปวด เขากดมือลงบนหน้าอกของตน และจ้องไปที่อันหลิงหยุน “พระชายาท่าน?”
“ข้ารู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องของน้องสาวเจ้า ก่อน หน้านี้ข้าไม่รู้ความ ทำร้ายน้องสาวของเข้า วันนี้ข้า กลับใจได้ แต่ก็ไม่กล้าขอให้เจ้าให้อภัย ชีวิตของคน นั้นมิอาจวัดคุณค่าได้ โดยเฉพาะชีวิตในวัยเยาว์ของ น้องสาวของเจ้า
ข้าช่วยเจ้าก็แค่ทนไม่ได้ที่เห็นเจ้าต้องตาย จง ถือว่านี่เป็นการชดใช้ความผิดของข้าแก่น้องสาวของ เจ้าเถอะ
เจ้าอย่าได้ใส่ใจ
“พระชายา..”
อาหยูไม่รู้ว่าสมควรจะพูดอะไร อันหลิงหยุนไม่ต้องการที่จะพูดไปมากกว่านี้ นางถาม “อาหยู่ ข้ามี เรื่องอยากถามเจ้า เจ้าสามารถพูดตามความจริงได้ หรือไม่?”
“พระชายา โปรดตรัส”
อาหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ แต่เดิมเขายังเจ็บหน้าอก แต่ตอนนี้กลับไม่เจ็บแล้ว
“ตอนที่ข้าแต่งงานเข้ามาในจวน สาวใช้จาก ตระกูลเดิมที่ตามมาด้วยนางหนึ่ง ชื่อว่าหลิ่วเอ๋อ เหตุใด ข้าจึงไม่เห็นนางอีก”
อาหยู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “พระชายา หลิ่วเอ๋อตามเจ้า สาวเข้ามานั้นเป็นเรื่องจริง แต่พระชายาเกิดเรื่องขึ้นใน คืนวันแต่งงานเจ้าทุกคนในจวนล้วนอยู่ที่นั่น และหลิว เอ๋อก็หายตัวไปในคืนนั้น
พระชายาเกิดเรื่อง สาวรับใช้ที่ติดตามมาหายตัว ไป คนในจวนนึกว่านางคงกลับไปยังจวนท่านแม่ทัพ เพื่อขอความช่วยเหลือ พระชายาสอบถามเรื่องของ หลิวเอ่อทำไมหรือ?”
“ไม่มีอะไร หาไม่เจอก็แล้วไป ข้ากลับแล้ว”
อันหลิงหยุนลุกขึ้นและออกไปจากประตู ดูท่าหลิว เอ่อคงเตรียมการเอาไว้นานแล้ว พอนางเกิดเรื่องก็หาย ไปทันที
หนีไปได้เร็ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หลิวเอ๋อเป็นหรือตาย คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นจะปล่อยให้หลิวเอ่ อรอดไปหรือ?
อันหลิงหยุนออกจากสวนหลังบ้าน ผู้อยู่ในความ มืดมองไปที่ด้านหลังของนางด้วยสีหน้าดุร้าย แต่ใน วินาทีต่อมาเขาก็มองไปที่อาหยู่ที่กำลังอยู่ในห้องและ มองไปที่มือและเท้าของเขาด้วยความมึนงง
อันหลิงหยุนให้อาหยู่ดื่มเลือด?
ประตูถูกผลักออกดังเอี๊ยด อาหยู่มองไปที่ต้น เสียงทันที เป็นอาซิวที่เดินเข้ามาจากประตู
“อาซิว”
อาหยู่รีบลงจากเตียงและต้องการอธิบายให้อาซิว ฟัง อาซิวมองร่างของอาหยู่อย่างเหม่อลอย อาหยู่ก็รู้ แล้วเช่นกัน แต่กลับไม่เข้าไปใกล้
เป็นอาซิวที่เข้าไปหาอาหยู่ จากนั้นจึงยกมือขึ้น และฉีกเสื้อผ้าของเขา ร่างกายของอาหยู่เดิมยังมี อาการบวมน้ำเหลือง เขาเคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนี้ อาการบวมน้ำเหลืองเหล่านั้นได้หายเป็นปกติแล้ว ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อาซิวปล่อยมือลง และมองไปที่อาหยู่ด้วยสายตา แปลกๆ อยู่บ้าง “เจ้าหายได้อย่างไร?”
“ไม่ค่อยแน่ชัด”
อาหยู่ไม่พูด แต่ในใจรู้ดีว่าเป็นเพราะเลือดของ พระชายา แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกได้ว่าความเกลียดชังของอาซิวที่มีต่ออันหลิงหยุนช่างมากมายมหาศาล ทำให้เขาเป็นกังวล
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ