บทที่ 51 ทันใดนั้นก็เข้าใจ
อันหลิงหยุนมือไม้คล่องแคล่วไม่ชักช้า จับมีด ลงมือ จัดการบาดแผลที่แขนให้อาหยู่ก่อน จัดการ เสร็จแบ่งยาออกเป็นสองส่วน ยาเม็ดใส่เข้าปากอาหยู่ ยาผงโรยบนบาดแผลที่แขน จัดการเรียบร้อยใช้ผ้า พันเป็นชั้นๆ จัดการเสร็จ สวมเสื้อผ้าให้อาหยู่
อาหยู่ต้องการพักผ่อน อันหลิงหยุนหันกลับมามอง กงชิงวี่ที่สายตาเยือกเย็น ถามอย่างจำใจ: “เราจะยัง กลับไปไหม?”
“ข้าให้เจ้ายุ่งไม่เป็นเรื่องได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” กงชิง วี่ทำหน้าเย็นชา แม้รู้ว่าอันหลิงหยุนหวังดี แต่ยังโกรธ เคืองอยู่ นางกลับกลายเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ ช่วย เหลือคน เข้าเมือง จะขี่รถม้าอีกหรือไง? ทำมันซะให้ หมดเลย!
อันหลิงหยุนลังเลครูหนึ่ง: “ข้าขี่รถม้าเป็น ท่าน อ่องโปรดรอ ใกล้เข้าในเมืองแล้ว ทางต่อจากนี้ข้าเอง”
กงชิงวี่:
อันหลิงหยุนเห็นกงชิงวี่ไม่พูดอะไร ทำหน้าเหมือน ท้องผูก ทำอะไรไม่ได้นอกจากตรงไปลากอาหยู่ขึ้นรถ ม้าเท่านั้น และไม่สนว่ากงชิงวี่โมโหด้วยเรื่องอะไร ไป ด้านนอกหยิบแส้ม้าขึ้น
แม้จะขัดแย้งบ้าง บอกว่าขี้เป็น ตอนแรกนางคิดว่ากงชิงที่จะพูดอะไร นางจึงทำตามเงื่อนไขที่เป็น ประโยชน์ แต่จริงๆ แล้วกงชิงที่ไม่พูดอะไร นางไม่มี ทางเลือกนอกจากต้องขี่รถม้าอยู่ข้างนอก ใครบอกให้ นางพูดอวดดีล่ะ
กำแส้ม้า อันหลิงหยุนคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนเกี่ยว
กับลักษณะรถม้าของอาหยู่ครู่หนึ่ง ไม่เคยกินเนื้อหมู และไม่เคยเห็นหมูวิ่ง ยังไงก็ถือเป็นคนเคยขี่ม้า นาง อาจจะทำได้ มองที่ก้นขนาดใหญ่ของม้า อันหลิงหยุนคนลังเล
เล็กน้อยที่จะลงมือ ถือเป็นม้าแก่แล้ว ตีแส้ม้าทีหนึ่งคง
เจ็บไปครึ่งค่อนวัน
แส้ม้าในมือตีเบาๆ ทีหนึ่ง: พยุงกลับบ้านเถอะ” กงชิงวี่เกือบหัวเราออกมา แต่ต่อมาก็กลั้นไว้อยู่ เห็นว่าม้าให้ความร่วมมือ เดินมุ่งไปที่ประตูเมือง อย่างง่ายดาย
อันหลิงหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ม้าแก่นี่ แหละชำนาญทาง รู้ว่าตัวเองต้องกลับบ้าน บวกกับร่อง รอยของคน การกลับไปไม่ใช่ปัญหา
เดินต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงประตูหน้าเมือง อัน พยุงลิงหยุนดึงบังเหียนม้าไว้ “ชูว์!”
ม้าสายหัวและหยุด ผู้เฝ้าประตูเมืองเดินออกมา เป็นผู้เฝ้าประตูอายุราวสามสิบกว่า แปลกใจที่เห็นอัน หลิงหยุน: “ดึกดื่นรถม้าบ้านผู้ใด เข้าเมืองมาทำอะไร?”
“บังอาจ ดูให้ชัดเจนว่ารถม้าบ้านผู้ใด!”
ไม่รีรออันหลิงหยุนพูดอะไร เสียงเย็นชาของกง ชิงที่ดังมาจากในรถม้า ผู้เฝ้าประตูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ครู่หนึ่ง ยกโคมไฟในมือขึ้นมองหัวป้ายรถม้าอย่าง ละเอียด ตกตะลึง ตกใจรีบผลักออก: “ข้าน้อยไม่ทราบ ว่าเป็นรถม้าของจวนอ๋องเสียน ต้องขออภัย!”
อันหลิงหยุนมองดูคนหลีกทาง สะกิดที่ก้นม้า รถ ม้าเข้าเมืองตรงกลับไปยังจวนอ๋องเสียน
ถึงหน้าประตูจวนอ๋องเสียน นางสะบัดแส้ม้าในมือ ครั้งหนึ่ง ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เพียงแค่สะกิดก้นม้า โดยไม่ตั้งใจครั้งเดียว นึกไม่ถึงว่าม้าก็จำประตูบ้านไม่ ได้ เดินผ่านไปเฉยเลย เมื่อนางเห็นจึงรีบดึงบังเหียนม้า ตะโกนชูว์อย่างเต็มเสียง
ในรถม้ากงชิงวี่เงยหน้ามองไป ม่านหน้าต่างของ รถม้าถูกดึงลงตั้งแต่ตอนต่อสู้แล้ว เวลานี้ก็มีเพียงผ้าที่ ฉีกขาดผืนหนึ่งบดบังไว้เล็กน้อย ก็ยังสามารถมองเห็น ด้านนอกได้
อันหลิงหยุนท่าทางรีบร้อน กงชิงวี่ต้องการที่จะ เตะคนออกใน
ลงรถม้าแล้ว อันหลิงหยุนมือไม้หนาวเย็น เงยหน้า มองในรถม้า ร่างพิงรถม้ากล่าว: “อาหยู่เป็นอย่างไร?” กงชิงวี่ไปเหม่อลอยครู่หนึ่งอย่างไม่มีเหตุผล ตาม ด้วยจ้องไปที่อันหลิงหยุน: “ยังไม่ตาย!”
“ข้าดูหน่อย”
จวนอ๋องเสียนมีคนออกมา ยื่นบังเหียนม้าให้กับคน คนหนึ่ง อันหลิงหยุนขึ้นรถม้าอีกครั้ง
นางก็เหนื่อย และเหนื่อย จนหายใจหอบ
เข้าไปในรถม้า อันหลิงหยุนพยุงอาหยู่ขึ้น มองไป ที่ร่างของอาหยู่ไม่มีปัญหาอะไรจึงวางคนลง ภายนอก รถม้าถางเหอพร้อมด้วยคนอื่นรออยู่ หากไม่มีกงชิงวี่ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
“ถางเหอ เจ้า ….” นึกอะไรขึ้นมา อันหลิงหยุนรีบ มองไปที่กงชิง : “อาหยู่ต้องเข้าไปรับการรักษา”
“ถางเหอ ขึ้นมาเอาคนลงไป”
กงชิงลุกออกมาจากรถม้า อันหลิงหยุนไม่ตามไป ด้วย กลับเป็นห่วงอาหยู่มาก นางรอคนขึ้นรถม้ายกคน ลงแล้ว จึงตามลงรถม้าลงด้วย
อาหยู่บาดเจ็บหนัก คนหมดสติอยู่ ในสายตาถาง เหอและพวกเขา แทบไม่มีชีวิตอยู่แล้ว บวกกับเดินทาง ไปกลับกับท่านอ่อง คิดได้ทันทีว่าที่อาหยู่เป็นแบบนี้ก็ เพื่อปกป้องท่านอ๋องไม่สนใจตนเอง คนในจวนไม่กล้า ละชักช้า แบกคนไปยังหลังบ้านที่ปกติเป็นสถานที่ใช้ รักษาและบำบัด ที่นั่นยังมีหมอจวนหลายคน
อันหลิงหยุนวิ่งตามอาหยู่ไป ต้องเผชิญกับอาการ บาดเจ็บนางกังวลมากกว่าใคร โดยเฉพาะคนที่ผ่าน ความตายมาด้วยกัน
กงชิงหยุดฝีเท้า ร่างค่อนข้างเล็กผ่านสายตาไป ตามเข้าไปที่หลังบ้าน
คนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย มีพ่อบ้านเพียงคนเดียวที่ยัง อยู่ฟังคำสั่งของกงชิง วี่ บวกกับเพิ่งประสบกับ เหตุการณ์นองเลือด พ่อบ้านจำเป็นต้องอยู่ข้างกายกง ชิง กลัวว่ากงชิงวี่ก็ทนก็ได้รับบาดเจ็บ จะล่าช้า
“ท่านอ๋อง บาดเจ็บหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” พ่อบ้าน ถามไถ่
กงชิงที่ยืนอยู่ในลานมองไปยังทิศทางที่อันหลิงหยุ นอยู่ กำลังคิด คิดทบทวนความหลังในยามที่เขาไม่ สบาย ท่าทางตื่นตระหนกของอันหลิงหยุน ดูเหมือนว่า ฉันจะเข้าใจแล้ว
“ข้าถามเจ้า” กงชิงที่ไม่ตอบและถามกลับ
พ่อบ้านไม่กล้าชักช้า โค้งตัวก้มลง “ท่านอ๋องเชิญ รับสั่งพ่ะย่ะค่ะ”
“หมอไม่สามารถทนเห็นผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บได้ใช่ หรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านรีบตอบกลับ แต่นี่ก็เป็นไปตาม เหตุผล หมอเป็นแบบนี้จริงๆ ไม่สามารถทนเห็นผู้ป่วย ป่วยตายได้ ไม่สามารถทนเห็นผู้ป่วยบาดเจ็บจนตาย ได้
ตอบแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้อยู่ๆ ท่าน อ๋องถึงถามแบบนี้?
สีหน้ากงชิงวี่แย่ลง หันหลังกลับไปยังที่พัก
“วันนี้ห้ามพระชายากลับลานโอวหลาน”
พูดจบก็ไปโดยไร้ร่องรอย พ่อบ้านเงยหน้าขึ้นมอง แปลกๆ แปลกแล้ว! ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่ หรือว่าครั้งนี้ เป็นเพราะพระชายาสร้างปัญหาอีกแล้ว?
พ่อบ้านแบ่งคนไปรับใช้กงชิง วี่ เขาจึงไปดูอาหยู่
อาหยู่บาดเจ็บหนัก ไข้ขึ้นสูงต่อเนื่อง อันหลิงหยุน ไม่วางใจ ดูแลอยู่ข้างๆ พร้อมกับหมอจวน
พ่อบ้านเห็นอันหลิงหยุนไม่คิดว่าตนต้องกลับไป พักผ่อน แต่ก็ไม่ได้เตือน มิเช่นนั้นยังต้องบอกนางว่า ห้ามไปลานโอวหลาน
ไม่ได้นอนทั้งคืน อันหลิงหยุนลดอุณหภูมิให้อาหยู่ หลายครั้ง หมอจวนเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนแต่เช้า มีเพียงอันหลิงหยุนที่อดทนดูอาหยู่เท่านั้น
กระทั่งฟ้าสว่าง ไข้อาหยู่ลดแล้ว อันหลิงหยุนถึง เดินเอนเอียงกลับที่พัก แต่เมื่อถึงหน้าประตูพ่อบ้านก็ ยืนอยู่ตรงปากประตู อันหลิงหยุน ถูกกีดกันด้วย ใบหน้าที่อ่อนโยน
“พระชายา เมื่อคืนท่านอ่องนอนดึก ไม่ให้รบกวน เชิญพระชายาไปพักผ่อนที่ลานด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ”
อันหลิงหยุนไม่ใช่คนโง่ แค่พูดให้น่าฟังเท่านั้น กง ชิงวีไม่ให้นางเข้าต่างหากที่เป็นเรื่องจริง
“งั้นข้าไปที่อยู่”อันหลิงหยุนหันหลังเดินไม่กี่ ก้าวแล้วหยุด นึกอะไรขึ้นได้หันหลังมองพ่อบ้าน: “พ่อ บ้าน ท่านช่วยเข้าไปเอากล่องยาของข้าในบ้านมาให้ ข้าที ข้าจะให้อาหยู่กินยาบำรุงกำลัสักหน่อย จะได้ หายไวหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านเฒ่ารีบเข้าไปในบ้าน อันหลิงหยุนเห็นเขา เดินอย่างว่องไว ที่จริงแล้วกงชิง ที่ไม่กลัวเสียงรบกวน เลย
ช่างเถอะ ไม่สนใจคนพรรค์นั้น ไปพักผ่อนก่อน
“เพราะเขาโชคดีอายุยืน”
อันหลิงหยุนกลับไปที่อาหยู่ หยิบยาเม็ดใส่เข้าไป ในปากของอาหยู่ อาหยู่กินแล้ว อันหลิงหยุนถึงพัก ผ่อน พอได้หลับก็กลับไปทั้งวัน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ