บทที่48พบโดยบังเอิญ
ราชครูจุนมองชั่วครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น”เรื่องของ ตระกูลจุนไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้าให้เจ้าทำอะไร ก็ไปทำ”
“ลูกรู้ผิดแล้ว”
“ลุกขึ้น”
จุนฉลุกายขึ้นยืนศีรษะแตกไปแล้วทว่าราชครู จุนกับทำราวกับมองไม่เห็นเอ่ยขึ้น “ที่ผ่านมาตระกูล เสินไม่ถูกกับตระกูลเรามีเสินหยุนซูอยู่ต่างไม่มีผลดี อะไรกับตระกูลจุนหากไม่ได้รับโอกาสครั้งนี้ไทเฮาถูก ยุยงโทสะยากนักจะได้รับโอกาสดังนั้นจึงต้องรีบไขว่ คว้าเอาไว้เจ้าก็ไม่ต้องกังวลนักอย่างไรเจ้าก็เป็นธิดา คนโตตระกูลจุนต้องได้รับโอกาสเยี่ยงผู้สูงศักดิ์”
“ลูกเข้าใจแล้วขอบพระคุณในความกรุณาของ
บิดา”
“ลืมไปได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”
ในใจของจุนฉูฉูเต็มไปด้วยความเกลียดแค้นแต่ จำต้องออกจากห้องหนังสือ
เมื่อออกมาแล้วนางเข้าพบจุนเซียวเซียวเมื่อถึง ประตูมองเห็นน้องสาวกำลังมองดูดอกเหมยสีเทียน
จุนเซียวเชียวมีรูปลักษณ์อันงามงดเรื่องนี้เป็นที่ ยอมรับของตระกูลจุนทุกคนยิ่งกว่านั้นยังได้รับการ ทะนุถนอมแต่เด็กในเรื่องนี้แม้นางเองก็อดอิจฉาไม่ได้
ในครั้งก่อนตระกูลจุนคาดหวังยกจนเซียวเซียวให้ กับหวางกั๋วจิ๋วแต่อย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาเรื่องกับ กลายมาเป็นเช่นนี้
ในใจจุนฉูฉูกลับเย็นเยียบเมื่อคิดถึงคำพูดของ บิดาเมื่อครู่ก็อดโกรธแค้นขึ้นมาไม่ได้จุนเซียวเชียว หากไม่เป็นเพราะแผนการของตระกูลจุนก็คงไม่ได้ มีชื่อเสียงเพียงนี้
นางในเวลานั้นทำไมไม่ใช่?
ฮ่องเต้กับอ๋องตวนต่างกันคนละขั้นจะเปรียบกัน
ได้อย่างไร?
จุนฉูฉคิดจะเดินจากไปแต่โดยไม่ได้ตั้งใจจุนเซียว เซียวพลันเห็นจุนฉูฉูเข้าจึงรีบเดินยิ้มเข้าไปหานางเมื่อ ถึงเบื้องหน้าก็โค้งคำนับ “ท่านพี่สบายดีหรือไม่”
“เจ้าก็สบายดี”
จุนฉูฉูจึงเดินเข้าประตูไปกวาดสายตานิ่งๆ พลาง เอ่ยขึ้น”ที่ของเจ้ายังคงวิจิตรอยู่เหมือนเดิม”
“ยังคงเป็นลานของท่านพี่ดีกว่าข้าชอบนัก เสียดายว่าที่บ้านมีกฎไม่ให้ข้าไปไม่อย่างนั้น….หาก ท่านพี่ไม่อยู่ข้าก็ขอไปแล้วกัน”
จุนเชี่ยวเชี่ยวดูราวกับไม่ตั้งใจแต่กลับทำร้ายจุนฉูฉเข้าแล้ว
หากจุนฉูฉใจกว้างเสียหน่อยเรื่องเช่นนี้คำพูดสอง สามคำก็คงไม่ได้ติดอะไรแต่เมื่อเจอกันเรื่องแบบนี้ กลับปล่อยผ่านไปไม่ได้
“ลานของข้ามีดีอะไรเทียบไม่ได้กับลานของน้อง เจ้าข้ากลับอิจฉาเจ้าเสียจริงได้รับการดูแลจากบิดา %3D มารดาแต่เล็ก”
จุนเซียวเซียวก็ไม่ใช่คนโง่นางได้รับการศึกษา อย่างดีเป็นหญิงผู้สูงศักดิ์ชั้นสูงเชิญอาจารย์ราวเจ็ด แปดคนแต่ละคนต่างเชี่ยวชาญคนละด้าน
จุนฉูฉูแม้ก็แทบไม่ต่างกันเพียงแต่ช่วงเวลานั้นนาง เก่งฉกาจวางแผนแต่กลับปล่อยปะหลายเรื่องทว่าจุน เซียวเซียวในใจมุ่งไปแต่การศึกษาเล่าเรียนจึงเก่ง ฉกาจเช่นวันนี้ได้
แต่นางนับว่ากำลังเติบใหญ่อาศัยในจวนแห่งนี้ ภายในขอบรั้วพระราชวังชั้นนอกจึงชาญฉลาดกว่า หญิงธรรมดาสามัญทั่วไป
ความแปลกไปของจุนฉูฉูในวันนี้นางก็ทราบเรื่อง บางส่วนจึงหัวเราะขึ้นเอ่ยอย่างมีเงื่อนงำ”หากท่านพี่ ชอบก็ให้ท่านพี่เสีย” ขุนฉูฉูตื่นตะลึงไปชั่วครู่จะอย่างไรก็สายเลือด
เดียวกันใจกลับอ่อนลงเอ่ยถาม”น้องพี่หากพี่เจ้าชอบ เจ้าก็ยินยอมมอบให้ข้าหรือ? ”
“แน่นอนหากเพียงท่านพี่ชอบไม่ว่าจะเป็นดาวบน ท้องฟ้าหรือทรัพย์บนผืนดินข้าก็จะมอบให้ท่านด้วย สองมือ”
“แล้วหากเป็นคนเล่า? ยศถาตำแหน่ง เล่า? “อดใจไม่ทันจุนฉูฉูกำลังสับสนจึงเอ่ยขึ้นอบ่าง
นั้นจุนเซียวเซียวรีบตอบนาง
เรื่องนั้นหากท่านพี่อยากได้น้องก็มอบให้แน่”
จุนฉูฉสับสนงงงวยแล้วนางก็ยิ้มขึ้นจับมือจุนเซียว เซียว”ได้ฟังคำของเจ้าข้าก็รู้สึกพอใจมากแล้ว”
สองพี่น้องเอ่ยตามทักทายตามมารยาทชั่วครู่จุน ฉฉเอ่ยอ้างว่าอ๋องตวนกำลังรออยู่จึงลาจากมา
ก่อนจากมาจุนฉูฉูพลันคิดหัวเราะเยาะในใจเจ้า กับข้าต่างนับเป็นศัตรูคู่แค้นเมื่อเจ้าได้ก้าวเข้ามาแล้วก็ นับว่าเป็นก้อนกรวดกนึ่งบนเส้นทางของข้าจะเป็นพี่ น้องแสนรักกันไปได้อย่างไร
เมื่อมองจุนฉูฉูที่เดินออกไปจุนเซียวเชียวทอด ถอนหายใจหันกายกลับไปมองดอกเหมยสีเทียนบน ต้นเอ่ยขึ้นเรียบเรียบ”แท้จริงแล้วก็เพียงหยดน้ำหนึ่ง ในมหาสมุทรใยจะต้องอ้างตนเป็นคลื่นใหญ่มินับ เป็นการกะกำลังตนไม่ถูกหรือ? อยู่ใต้พื้นพิภพ เดียวกันทำไมจึงไม่สงบนิ่งลงเสียพี่น้องร่วมมือกัน อย่างไรก็ดีเสียกว่าถูกนับว่าเป็นเพียงหินใต้เท้า”
ในลานไร้คนจีนฉูฉูเด็ดดอกเหมยเทียนหนึ่งดอกปลายนิ้วขยี้สีแดงแต้มลงบนผิวนางค่อยๆทาลงบนริม ฝีปากพลายแย้มยิ้มอบอุ่น”ยังขาดรสชาติเลือดสดไป เล็กน้อย!
จุนฉูฉระหว่างทางกลับเริ่มปวดศีรษะขึ้นจะนวด อย่างไรก็ยังเจ็บอยู่ยิ่งได้ยินเรื่องฮ่องเต้เลือกนางสนม ยิ่งเจ็บปวด
เมื่อกลับเข้ายังจวนอ๋องตวนก็พบอ๋องตวนยืนอยู่ ภายในลาน
ตอนแรกอ๋องตวนก็ไม่มีเรื่องอันใดกับความเจ็บ ปวดเล็กน้อยรักษาครู่เดียวก็หายที่บอกว่ากระดูกหักก็ เพื่อให้ฮ่องเต้ลงโทษอันจือซาน
“ท่านอ๋อง”
จุนฉูฉูกลับเข้ามาจากด้านนอกรีบเข้าคำนับกงชิง หยินจะละไปได้อย่างไรเขารีบพยุงจุนฉูฉูขึ้นมาพลาง อุ่นมือนาง “หนาวหรือไม่?
“ยังดีท่านอ่องทำไมท่านจึงออกมาแล้วร่างกายยัง ไม่ดีอย่าเดินเหินมากนัก”เอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคืองพลาง คลุมตัวกงชิงหยินด้วยเสื้อคลุม
กงชิงหยินทอดถอนใจ”ตัวข้าแต่เด็กทำได้เพียง อ่านเขียนหนังสือไม่อย่างนั้นก็ออกสมรภูมิรบเมื่อเสก สมรสแล้วกลับเพิ่มเข้ามาอีกเรื่องนั่นคือพระชายาข้า ชอบที่ทุกเช้าตื่นขึ้นมาได้พบกับพระชายาหากพระ ชายาไม่อยู่ตัวข้าก็ราวขาดอะไรไปเรื่องที่น่าสนใจทั้งหลายต่างไร้สนุกไปเสีย”
“ท่านอ๋องกล่าวอะไรอย่างนี้ไม่เกรงคนอื่นยิ้ม เยาะ”เมื่อจับมือกับกงชิงหยินภายในใจจุนฉูฉูลึกๆมี เพียงถอนใจบุรุษกำยำในใจมีเพียงคิดจะอยากอยู่กับ สตรีอนาคตจะทำอะไรได้
พระชายามีเรื่องอันใด? “กงชิงหยินถามขึ้นจุนฉูฉู สั่นศีรษะ”ที่นั่นมีเรื่องอันใดฮ่องเต้เลือกวันให้เซียว เซียวเข้าวังยังนับว่าเป็นเรื่องอันดีข้าเพียงมิทราบควร เรียกฮ่องเต้เป็นพระเชษฐาหรือพระเทวันดี”
“นี่นับว่ามีอะไรเขาเป็นฮ่องเต้ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ มิใช่ใครที่ข้าจะเปรียบเทียบได้”อ๋องตวนจูงมือจุนฉูฉู เข้าประตูรีบร้อนอยากเสพสุขสีหน้าจุนฉูฉุกลับ เคียดแค้นนักเขาในตอนนี้กลับเห็นชัดเจนแล้วกลับไม่ คิดล่วงหน้าถึงตำแหน่งยศศักดิ์ของตนในภายภาคหน้า
อันหลิงหยุนออกจากจวนแม่ทัพมุ่งหน้าไปทางใต้ นางต้องหางูตัวน้อยให้พบงูชนิดนี้มีพิษร้ายแต่ทว่าพิษงู นี้สามารถต้มให้กลายเป็นยารักษาคนได้ดังนั้นจึงต้อง เสียงอันตรายไปหาเพื่อไม่ให้แม่ทัพอันกังวลนางจึง ปิดบังเรื่องที่นางจะไปหางูเพียงบอกจะไปภูเขาสือหลี่ หาสมุนไพร
แม่ทัพอันได้ยินเรื่องธิดาตนหายาสมุนไพรมามาก แล้วก็วางใจที่อันหลิงหยุนจะออกนอกเมือง เมื่อออกนอกเมืองแล้วอันหลิงหยุนมุ่งตรงไปทาง ใต้ระหว่างทางไม่ได้แวะเวียนที่ใดจึงไปถึงทุ่งหญ้าทางใต้อย่างรวดเร็วในเวลานี้งูนั้นหาไม่ง่ายภายใต้หิมะ ทั้งหมดต่างกำลังจำศีลอยู่อันหลิงหยุนเตรียมตัวแต่ แรกนำเสียมเหล็กออกมา
เดินตามร่องรอยของงูเพิ่มการสังเกตขนาดเพิ่ม เติมในไม่ช้าอันหลิงหยุนก็พบตำแหน่ง
เมื่อเริ่มปักเสียมก็เริ่มขุดดิน
ครู่เดียวก็ขุนลงไปหนึ่งเมตรและพบงูที่กำลังจำศีล
อยู่
อันหลังหยุนสวมถุงมือหยิบขึ้นมาพลางวางไว้ใน ถุงผ้าที่เตรียมไว้และเริ่มหาตัวต่อไป
เมื่อหาครบสามตัวก็เพียงพอแล้วอันหลิงหยุนโยน เสียมในมือกลับไป
พื้นบนภูเขาเดินลำบากหญ้าที่อยู่เบื้องล่างยิ่งยาก กว่าจะเดินออกจากทุ่งหญ้าได้อันหลิงหยุนก็เดินต่อไป ไม่ไหวแต่อากาศเย็นจัดหากหยุดอยู่ตรงนั้นไม้แพ้จะ ได้แข็งตายร่างกายของนางตอนนี้ยังรับกับการอยู่ใน ป่าทึบไม่ได้
เมื่อกำลังคิดจะมองหาผู้คนที่เดินผ่านบังเอิญพบ กับรถม้าที่กำลังเดินทางมาจากที่ไกลและยังมุ่งตรงไป ทางเมืองหลวงพอดีนางไม่มีความคิดอะไรมากเพียง ต้องการให้อีกฝ่ายหยุดรถจึงเดินเข้าใกล้กับรถม้าแต่ เมื่อพบคนขับรถม้าอันหลิงหยุนจึงสาปแช่งขึ้นโลกช่าง แคบอะไรขนาดนี้กว่าจะหารถม้าเข้าเมืองได้กลับเป็นของกงชิงเสียนี้
อาหยู่ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน “พระชายา”
ครั้งก่อนอันหลิงหยุนแต่งเป็นชายเข้าไปยังจวน อ๋องเสียนอาหยู่เพียงปราดเดียวก็มองออกแม้ตอนนี้ฟ้า จะเริ่มมืดลงแต่กลับเห็นอย่างชัดเจน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ