ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่31ปกป้องโดยแม่ทัพอัน



บทที่31ปกป้องโดยแม่ทัพอัน

บทที่ 31 ปกป้องโดยแม่ทัพอัน

อันหลิงหยุนเปิดขวดยาและทานยาไปสองเม็ด ฮ่องเต้ชิงหยู่กลับไปนั่งที่เก้าอี้

อันหลิงหยุนรู้ว่าฮ่องเต้ชิงหยู่กำลังรออยู่ ถ้ากงชิงวี่กิน แล้วไม่เป็นอะไรและนางยังไม่สิ้นชีวิต ข้าถึงจะยอมทาน

สวีกงกงดูกงชิงวี่ทานแล้ว รอมาครึ่งชั่วยาม ถึงจะกลับ มาจากวิหารบรรทมรอง

ในเวลานี้อันหลิงหยุนยังปกติดีอยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงหยิบ ขวดยาจากอันหลิงหยุนและทานยาลงไป2เม็ด

“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พระชายาเสียนมาที่พระตำหนัก จรุงจิตวันละครั้ง อยู่เป็นเพื่อนข้าเพื่อบรรเทาความเบื่อ หน่าย ตอนนี้ร่างกายของอ๋องเสียนนั้นไม่ค่อยดี ถ้าเจ้า อยากจะไปดูแล เจ้าสามารถไปได้วันละครั้ง ส่วนเวลา นั้นก็ให้เวลาครึ่งชั่วโมง!

“ขอบพระทัยเพคะ!

จากนั้นอันหลิงหยุนจึงออกจากพระตำหนักจรุงจิต แล้วก็ออกไปเลยโดยไม่ได้ไปที่วิหารบรรทมรองด้วย

ถางเหอเห็นอันหลิงมาแต่ไกล เขาก็รีบอ้อมผ่านหน้า บ้านของพระตำหนักจรุงจิตอย่างรวดเร็ว แล้วตามไปหาอันหลิงหยุนเพื่อสอบถามเรื่องที่สวีกงกงไปส่งยา

อันหลิงหยุนเดินไปถึงประตูวังก็ถูกถางเหอกั้นทางไว้ และพูดว่า “ท่านพระชายา รอประเดี๋ยว!”

อันหลิงหยุนมองไปและพูดว่า”ข้าจะกลับไปทำธุระ อย่ามาขวางทางข้า!

อันหลิงหยุนขึ้นรถม้าโดยตรงและบอกอาหมั่นให้ขับ รถออกไป

ทำให้ถางเหอไม่มีโอกาสจะพูดได้ ได้แต่เห็นอันหลิง หยุนจากไป

ณ วิหารบรรทมรอง

“เข้าไปแล้ว แล้วก็ออกไปเลยหรอ? 1

ณ เวลานี้ กงชิงวี่มองถางเหอที่อยู่ในพระตำหนัก ก็ รู้สึกแปลก

ถางเหอก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน”ใช่ ตอนนางไปดูสงบ

มาก”

ตามนิสัยของนาง นางจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ? น่า แปลกนัก แต่ถ้านางพูด จนถึง ณตอนนี้ยังไม่มีการ เคลื่อนไหวใดๆ นั้นแปลกยิ่งกว่า

ร่างกายของกงชิงวี่หายเป็นปกติอย่างช้า แม้ว่าอัน หลิงหยุนจะมียาวิเศษ แต่ร่างกายก็ยังไม่ได้หายดี..

“ไปแล้วก็ดี ไม่ฉะนั้นข้าเห็นแล้วข้าก็อารมณ์เสีย”
กงชิงที่ดึงผ้าห่มบนร่าง ไม่นานเขาก็หลับไปแล้ว

ถางเหอถอยออกไปและยืนอยู่ที่ประตูอย่างกังวล ฮ่องเต้ให้คนส่งยามาให้ บอกว่าเป็นยาบำรุงร่างกาย แต่ตอนนี้อ่องเสียนป่วยหนัก ยาใด ๆ ก็ช่วยไม่ได้

ไม่ทราบว่าฮ่องเต้คิดอย่างไรอยู่?

อันหลิงหยุนกลับถึงบ้านแล้วพักไปครู่หนึ่ง ตอนบ่ายก็ ไปนอน และตอนเย็นหวังอยากจะกลับไปจวนแม่ทัพอัน ไปเยี่ยมพ่อ ดูว่าพ่อทำอะไรอยู่บ้าง ขณะนี้มีรูปเงารูป หนึ่งวิ่งเข้ามาจากประตู และพุ่งตรงไปหานาง อันหลิงหยุ นไม่ทันได้หลบ เห็นเกือบจะโดนแทงแล้ว

ทันใดนั้น เสียงร้องดังขึ้น “บางอาจฆ่าลูกสาวข้า!

แม่ทัพอันเขย่าร่างกายไปที่ประตู คว้ามือไปจับขนของ อันหลิงหยุน แล้วอีกมือหนึ่งจับคนร้ายนั้นแล้วโยนมัน ออกประตู อันหลิงหยุนที่เพิ่งตั้งตัวได้ก็โดนสี่ห้าคนล้อม รอบปกป้องเอาไว้ ส่วนแม่ทัพอัน ก็ไปสู้กับคนร้ายนั้นอยู่

อันหลิงหยุนไม่ได้เป็นห่วงแม่ทัพอัน ในเมื่อเขา

สามารถส่งนางออกมาได้แถมยังไปต่อสู้กับคนร้ายนั้น อย่างง่ายดาย ก็แสดงว่าเขาไม่เป็นไร ผู้คนในจวนมาไม่น้อย พ่อบ้านสั่งให้คนปกป้องอันหลิง หยุนไว้ ไม่นานก็มีคนหนึ่งถูกโยนออกมา ต่อมาแม่ทัพ

อันก็ตามออกมา แล้วฝ่ามือใหญ่ของเขาตบลงไปแรง

คนนั้นเบิกตากว้างแล้วล้มลงพื้น ไม่ขยับอีก
“ห์ แม้ลูกสาวข้าก็อยากจะฆ่า แกตายง่ายไป แล้ว! “แม่ทัพอันวางมือไว้ข้างหลังและสั่งว่า”มาที่นี่ หา ที่ฝังศพและเอาไปฝัง เดี๋ยวข้าจะไปหาฮ่องเต้ทวงความ ยุติธรรม”

อันหลิงหยุนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่ว่าใครจะลอบสังหาร

นางนะ

อันหลิงหยุนเดินไปที่ด้านหน้าของแม่ทัพอันและพูด ว่า” ท่านพ่อ ลำบากคุณแล้ว ขอบคุณท่านพ่อ ไม่งั้นลูก จะตายแน่”

เมื่อสองพ่อลูกไปที่อื่นแล้ว แม่ทัพอันถึงแสดงความ เป็นห่วงออกมา จับมืออันหลิงหยุนและเดินไปที่ห้องฝึก วิทยายุทธของเขา

อันหลิงหยุนได้รับรู้ถึงความกังวลของแม่ทัพอัน นาง เลยพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าสบายดี”

แม่ทัพอันพยักหน้า จึงสงบลงไม่น้อย

อันหลิงหยุนกลับมาจับมือแม่ทัพอัน แล้วพยายาม ทำให้แม่ทัพอันเข้าใจว่านางไม่เป็นไร

แต่สีหน้าของแม่ทัพอันไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน และเขาก็จับตัวอันหลิงหยุนไปที่ห้องฝึกวิทยายุทธของ

เขา

ความทรงจำเกี่ยวกับห้องฝึกวิทยายุทธ ที่ร่างเดิมของ นางมีอยู่นั้น มันน้อยมาก
อันหลิงหยุนกระทั่งรู้เพียงประตูที่จะเข้ามา แต่เมื่อ เข้าไปในห้องฝึกวิทยายุทธ อันหลิงหยุนมีความทรงจำ บางอย่างพรั่งพรูเข้ามาในสมอง มันอาจเริ่มต้นเมื่อร่าง เดิมอายุครบหนึ่งเดือน แม่ทัพอันก็อุ้มนางเข้าและออก จากห้องซ้อม เวลาแม่ทัพฝึกซ้อมเขาก็จะเฝ้าดูแลร่าง เดิมด้วย และร่างเดิมก็นอนอยู่บนโต๊ะมองดูผู้ชาย ราวกับกระดูกเหล็กคนนี้เป็นเวลา4-5ปีเต็มๆ

จากร่างเดิมเริ่มเดินได้ ร่างเดิมก็ใช้เวลาอยู่ในห้องฝึก วิทยายุทธจนถึงร่างเดิมมีอายุถึงที่เขาสามารถเรียนรู้ที่ จะฝึกวิทยายุทธได้ แม่ทัพอันได้บังคับให้ลูกสาวฝึก วิทยายุทธ แต่ร่างเดิมไม่ยอมและไม่เคยเข้ามาที่นี่อีก เลย

แม้ว่าร่างเดิมมีความสามารถทางกังฟูแบบเผินๆ แต่ทั้ง นั้นก็พึ่งอาศัยจากองครักษ์ในกองทัพ ไม่นับว่าเป็นกังฟู อย่างแท้จริง

อันหลิงหยุนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าตามภาพในความ ทรงจำเขา มักจะรู้สึกว่าแม่ทัพอันแอบซ่อนอะไรไว้อยู่ เด็กที่เพิ่งจะครบหนึ่งเดือน เขาไม่ส่งให้แม่นมดูแล แต่ กลับเอามาอยู่กับตัวเอง นี่มันน่าแปลกใจ

แม่ทัพอันต้องการจะปิดบังอะไรกันแน่

เมื่อเข้าไปข้างในแม่ทัพอันก็ปิดประตูและในเวลานี้อัน หลิงหยุนก็ได้ทำการสังเกตที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้ก็เป็นห้องฝึก วิทยายุทธที่ไม่ต่างอะไรกับห้องฝึกวิทยายุทธธรรมดาห้องหนึ่ง

“ท่านพ่อ ลูกไม่เป็นไรจริงๆ”

อันหลิงหยุนเพื่อที่จะให้แม่ทัพอันโล่งใจ ก็ปลอบใจเขา อีกครั้ง

ณขณะนี้ แม่ทัพอันถึงปล่อยมือ และมองออกไปนอก ประตูแล้วพูดว่า “หยุนหยุน พ่อรู้ว่าลูกไม่ได้ตั้งครรภ์”

อันหลิงหยุนตกใจนิดหน่อย แค่เรื่องนี้หรือ?

“ลูกสาวไม่ได้ตั้งครรภ์ ก่อนหน้านั้นเพียงเพื่อช่วยกง ซิงวี่เท่านั้น” เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว อันหลิงหยุนก็ ยอมรับแล้ว!

สีหน้าของแม่ทัพอันดูผิดปกติอยู่พักหนึ่ง ตอนแรกคิด ว่าลูกสาวของเขาที่เคยได้รับบทเรียนมาแล้วจะฉลาด ขึ้น แต่ตอนนี้นางยังคงดูเหมือนเดิมและนางหลงรักกงชิง วี่มากอย่างหัวปักหัวป่า คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ทำอะไร ไม่ได้เลย

แม่ทัพอันหันหน้ากลับมาจับมือและพูดด้วยความรู้สึก ที่เจ็บระทมว่า “เอาล่ะ พ่อรู้แล้ว”

อันหลิงหยุนพอจะเดาได้ว่าพ่อคนนี้กำลังตามใจ ลูกสาวของเขา

เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ แม่ทัพอันหันมาและพูดว่า “พ่อ ไปขอกับฮ่องเต้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามให้ลูกกับเขาอยู่ด้วย กัน ต่อไปให้กงซิงพี่ดูแลลูกให้ดีๆ”
อันหลิงหยุนเกือบหัวเราะออกมาแล้ว เป็นอย่างที่คาด ไว้จริงๆด้วย !

“ท่านพ่อ ข้าจะไม่โง่อีกแล้ว ครั้งนี้ถ้าเป็นเพราะกงชิงวี่ สิ้นชีวิตไปอย่างนี้ แล้วทำให้ลูกเป็นแม่ม่ายและหญิง ม่ายถ้าอยากจะแต่งงานอีกก็เป็นผู้ที่มีตำหนิไปแล้ว ไหน จะดีไปกว่าการหย่าร้าง”

“อะไรนะ?

แม่ทัพอันตกตะลึงงัน ไม่รู้ว่าอันหลิงหยุนพูดจริงหรือ

เท็จ

แต่ถ้าคิดอย่างรอบคอบมันเป็นเรื่องจริง

อันหลิงหยุนพยายามพูดต่อไปอีกว่า”ท่านพ่อ

ถ้ากงชิงวี่เขาตายหลังจากเราหย่ากันแล้ว ลูกแค่คิดว่า มันจะดีสำหรับลูกที่จะแต่งงานอีกครั้งต่อไป ”

แม่ทัพอันเงียบไปพักหนึ่งแล้วยิ้มกว้างและพูดว่า “อีม หยุนหยุนเก่งจริงๆ!”

อันหลิงหยุนเกือบจะกลอกตา ที่จริงแล้วคือเขาถูก หลอกง่าย นางไม่ได้เก่งอะไรหรอก

เมื่อมองไปรอบๆอันหลิงหยุนถามว่า:”ท่านพ่อ โดย ปกติแล้วท่านพ่อจะฝึกซ้อมเหนื่อยหรือเปล่า?

แม่ทับอันตบหน้าอกของเขาและตอบว่า “ไม่เหนื่อย การฝึกฝนก็เหมือนกับการกินและนอนหลับ สำหรับพ่อแล้วก็เหมือนอาหารสามมื้อต่อวัน”

“ท่านพ่อ ข้าอยากเรียนรู้กังฟูด้วย มีอะไรที่เหมาะสม กับผู้หญิงบ้างมั้ย?” พออันหลิงหยุนพูดประโยคนี้ออกมา ปับ แม่ทัพอันก็ค่อนข้างงงงวย

“หยุนหยุน ลูกไม่ชอบไม่ใช่เหรอ?”

“ท่านพ่อ คนเรามันเปลี่ยนไปได้ ข้าเคยชอบกงชิงวี่มา ก่อน แต่ตอนนี้ก็ไม่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ?”

แม่ทัพอันก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าเรื่องที่อันหลิงหยุ นบอกมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เขาคิดว่าถ้านางเรียนรู้ กังฟูหน่อยก็จะไม่เสียชื่อเสียงของการเป็นลูกสาวของ แม่ทัพ และอีกอย่างยังสามารถปกป้องตัวเองได้อีกด้วย

ยังไงเขาก็จะแก่ลงเรื่อย ๆ และไม่สามารถอยู่กับ ลูกสาวบ่อย ๆ ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ