ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่11 ชั่วไท่เฟย



บทที่11 ชั่วไท่เฟย

เรื่องที่แม่ทัพอันก่อเรื่องวิวาทนั้นไปถึงฮ่องเต้ชิงหยู่ อย่างรวดเร็ว ทำให้พระองค์ตกใจเป็นอย่างมาก อันหลิง หยุนเองก็ถูกเรียกให้มาเข้าเฝ้าที่พระตำหนักจรุงจิตของ ฮ่องเต้ชิงหยู่

มองอันจือซานด้านล่าง ฮ่องเต้ชิงหยู่เองก็สองจิต สองใจ “อีกหน่อยข้าก็ไม่ได้เจอเจ้าแล้ว ก็เล่นก่อเรื่อง ใหญ่ขนาดนี้ อีกสักพักฮองไทเฮาและไท่เฟยก็จะมาเล่น งานข้าแล้ว เจ้าจะให้ข้าอธิบายอย่างไร?”

“ฮ่องเต้เพคะ หรือว่าลูกของฮองไทเฮาก็คือลูกของ ท่าน ส่วนลูกของกระหม่อมนั้นก็ไม่ใช่ลูกรี? ” ในตอนนั้น แม่ทัพอันยังคงโมโหมาก แค้นใจที่ไม่ได้ตีกงชิงหยินให้ สิ้นพระชนม์คามือ

“ข้าว่าข้าคงเลี้ยงดูปูเสื่อเจ้าดีเกินไปเจ้าถึงโอหังแบบนี้ เสด็จน้องของข้าเจ้ายังกล้าตีอีก” กงชิงวี่ขยี้หัวตนอย่าง โมโห

พระราชินีเสินหยุนซูปลอบใจเตือนอยู่ข้างๆ “ฮ่องเต้ เพคะ ตอนนี้อ่องตวน เหตุการณ์สงบดี ก็แค่ต้องบำรุง รักษาเท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้วเพคะ”

“ยังดีที่ไม่เป็นอะไร หากว่าตีจนอาการแย่ ข้าจะอธิบายกับไท่เฟยได้กระไร?” ฮ่องเต้ชิงหยู่ที่สีหน้าไม่ พอใจมองไปที่สองพ่อลูกยืนอยู่ข้างล่างวัง อันจือซาน ณ ตอนนี้ยังคงไม่ต่อต้าน กลับกลายเป็นฮ่องเต้ชิงหยู่ที่ไม่มี วิธีอะไรเลยสักนิด

ะ ขณะนั้นเองพระตำหนักจรุงจิตก็มีคนเข้ามา

“ไท่เฟยเสด็จ”

กงกงเปล่งเสียงตะโกนออกมา อันหลิงหยุนคิดในใจว่า โชคร้ายพอแล้ว เมื่อเข้ามาในวังก็ทุกก้าวก็มีอุปสรรค ไม่รู้ว่าจะออกไปได้หรือไม่

เมื่อเผชิญหน้า ทั้งตัวเต็มไปด้วยผ้าทอลายดอกไม้สี ทองอร่าม บนหัวประดับด้วยเครื่องประดับศีรษะปีกหงส์ ข้างกายมีนางกำนัลสี่คน ทุกคนต่างมีมาดยโสเป็นพิเศษ ดูราวกับอยู่ในระดับที่สูงมากกว่าพระราชินี

โดยเฉพาะหน้าตาที่งดงามของพระองค์ รูปร่างอรชร อ้อนแอ้น แม้ว่าสวมใส่เสื้อคลุมที่หลวม ก็ยังมองเห็นถึง ความงามที่เพริศแพร้วของนาง

“ไท่เฟยมาแล้วหรือ? “ฮ่องเต้ชิงหยู่ลุกขึ้นเดินนำไป ข้างหน้า พระราชินีที่อยู่ข้างกายก็ลุกขึ้นตาม หันไปทาง ฮั่วไท่เฟยหัวเราะเบาๆ แล้วพูด “ไท่เฟยมาแล้วรี?”

“หากข้าไม่มาฮ่องเต้ก็คงปล่อยคนที่ทำร้ายลูกของข้า ไป ฮ่องเต้เพคะ กระหม่อมปฏิบัติกับพระองค์ไม่ดีพอหรือ พระองค์ถึงปฏิบัติต่อหยินเอ๋อแบบนี้?”
“ไท่เฟยทำไมตรัสเช่นนี้ เรื่องนี้ทุกคนต่างมีความผิด แม่ทัพอันแต่ไหนแต่ไรมาก็นิสัยแบบนี้ ข้าเพิ่งจะสั่งสอน เขาไป แต่เหตุของเรื่องนี้ ไท่เฟยก็เห็นแก่หน้าของข้า ปล่อยแม่ทัพอันไปเถอะ” ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินพูดลงมาจาก ที่สูง

ฮั่วไท่เฟยอายุราวๆ สามสิบแล้ว ใบหน้างดงามราวกับ หยก รูปลักษณ์ที่สวยสดงดงามราวกับดอกไม้ ปกติแล้ว จะไม่ค่อยออกจากห้อง แต่ทว่าชีวิตของลูกตกอยู่ใน ความเป็นความตาย นาง จะอยู่นิ่งไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ในตอนนั้นได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้ชิงหยู่พูดสีหน้ากลับเต็ม ไปด้วยความคับแค้นใจ “ฮ่องเต้เพคะ พระองค์เห็นว่า ฮ่องเต้องค์ก่อนจากไปเร็วใช่หรือไม่เพคะ คิดว่าแม่หม้าย ลูกติดอย่างกระหม่อมรังแกได้อย่างง่ายดาย วันนี้แม้ กระทั่งทหารนายหนึ่ง ยังรังแกลูกของกระหม่อมได้ กระหม่อมยังมีหน้าใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกหรือ กระหม่อมเอาหัวกระแทกตายตอนนี้ อย่างดีก็แค่ไปอยู่ เป็นเพื่อนฮ่องเต้องค์ก่อน”

เมื่อพูดจบฮั่วไท่เฟยก็เดินออกไปทางเสา ฮ่องเต้ชิงหยู่ พูดขึ้นมาในทันที “ไท่เฟยยับยั้งความโกรธก่อนเถิด ถ้า อย่างนั้นไท่เฟยว่า เรื่องนี้ควรจะทำอย่างไร ถึงจะทำให้ ไท่เฟยหายโกรธได้?”

แม่ทัพอันสีหน้าไม่พอใจ มองไปยังฮ่องเต้ชิงหยู่ ใน ตอนนั้นเองฮ่องเต้ชิงหยู่ก็ร้อนรนไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจเขาตั้งนานแล้ว ใครใช้ให้เขาไป ทำร้ายคนอื่นได้กระไร

จะให้พูดอีกก็คือฮั่วไท่เฟยเป็นพระสนมเอกของฮ่องเต้ องค์ก่อนที่รักมากที่สุด ไม่เพียงแค่ในวัง แม้กระทั่งนอก วังเอง ตระกูลของฮั่วไท่เฟยเองก็มีฐานันดรศักดิ์ที่ไม่มี ทางสั่นคลอนได้อย่างง่ายๆ

ในตอนนี้แม้ว่าจะรุ่งเรืองและสงบสุข แต่ภายใต้ความ สงบสุขนี้ กลับเหมือนคลื่นใต้ทะเลที่พรั่งพรูโดยที่ไม่มี ใครรับรู้

ฮ่องเต้ชิงหยู่เองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ฮ่องเต้เพคะ..” น้ำเสียงของฮั่วไท่เฟยอยู่ดีๆก็เปลี่ยน ไปอย่างกะทันหัน ดูเฉียบขาดเป็นอย่างมาก ในเมื่อมี ความผิดทั้งคู่ ณขณะนี้หยินเอ๋อเองยังนอนซมอยู่ ความ เจ็บปวดเกินจะรับไหม “หากลงโทษแม่ทัพอันไม่ได้ ขนาดนั้นก็เลิกแล้วกันไปเถิด กระหม่อมว่าลองให้แม่ทัพ อันนอนรับรู้รสชาตินั้นบ้าง แบบนี้ค่อยยุติธรรมหน่อย”

“ไท่เฟย แม่ทัพอันทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อ ประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นคือแม่ทัพใหญ่ที่ปกป้องประเท ศต้าเหลียงของข้า หากเป็นเพราะเรื่องนี้ทำร้ายเข้าแล้ว ล่ะก็ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม แพร่กระจายออกไปก็ทำให้ คนอื่นหัวเราะเยาะมากกว่า” ฮ่องเต้ชิงหยู่ตั้งใจทำให้ ลำบากใจ

พระราชินีเองก็ตรัสว่า “แม่ทัพอันโดยปกติแล้วนิสัยมุทะลุบุ๋มบ่าม ก็เพราะฮ่องเต้กับกระหม่อมให้ท้าย ไท่เฟย เรื่องนี้ไม่มีวิธีอื่นก็เลิกแล้วกันไปเถอะ?”

“เลิกแล้วกันไปกระรี?” ฮั่วไท่เฟยแทบอยากจะชนเข้า กับเสา “งั้นกระหม่อมไม่มีชีวิตอยู่ซะยังดีกว่า”

“ไท่เฟย ช้าก่อน”

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปยังอัน จื่อ ซาน พูดอย่างจำใจ “เจ้า ก่อเรื่องเองถ้าอย่างนั้นก็แก้ปัญหาเองเถอะ!”

“กระหม่อมไม่ได้ก่อเรื่อง” อันจือซานแสดงความไม่ พอใจอย่างตรงไปตรงมา ฮั่วไท่เฟยชี้ไปยังอันจือซาน โมโหจนตัวสั่นระริ้ก

อันหลิงหยุนเรียกได้ว่าเปิดหูเปิดตา พ่อของนางแต่ ไหนแต่ไรมาก็ไม่กลัวฟ้าดิน ฮั่วไท่เฟยเองก็แค่หุ่นเชิด เห็นดังนั้นแล้ว ทำร้ายลูกของเขาแล้ว ก็ยังต้องทำร้าย แม่ของเขาอีก

ณตอนนั้นเองคนในพระราชวังทั้งหมดก็มองไปยังอัน จือซาน ก็คือคนที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ยิ่ง อย่าพูดถึงคนอื่นเลย

ชั่วไท่เฟยโดยปกติแล้วไม่สามารถเลิกแล้วต่อกันได้ ชี้ ไปทางอันจือซานอย่างโมโห “ใครก็ได้ จับตัวเขาให้ข้า ข้าจะคอยดูซิว่า ยังมีชื่อมีแปอยู่หรือไม่ ทำร้ายคนแล้วก็ หนีรอดไปได้ขนาดนี้ เขาคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน?”

ฮั่วไท่เฟยโมโหจนต้องลงมือ อันจือซานเองกลับไม่กลัว กลับกันก็ชี้นิ้วไปทางฮั่วไท่เฟยแล้วพูด “ฮั่วไท่เฟย เจ้าเนี่ย ข้าปกติแล้วก็ไว้หน้าฮ่องเต้องค์ก่อน พอเคารพ อยู่บ้าง คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่แยกแยะดีหรือร้าย ลูกทำ เรื่องชั่วๆ ไม่กลับไปสั่งสอนดีๆ กลับวิ่งมาช่วยคนชั่วก่อ กรรมทำเข็ญ วันนี้ข้าจะวินิจฉัยความผิดความถูกกับเจ้า ไป ออกไปพูดต่อหน้าประชาชน ข้าก็จะหาประชาชนมา เรียกคืนความยุติธรรม”

“อันจือซาน หากแต่เจ้าเถอะ เจ้าเข้ามาอีก อย่าหาว่า ข้าไม่เกรงใจต่อเจ้า”

ฮั่วไท่เฟยยังคงกลัวอันจือซานอยู่จริงๆ อันชื่อซานชื่อ เสียงเลื่องลือในเรื่องฟ้าไม่กลัวดินไม่กลัว ในกองกำลัง ทหารนั้นเขาสามารถเอาชนะได้นับร้อยคน ฮั่วไท่เฟย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่กล้าให้เขาเข้าใกล้

ในตอนนั้นเองฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่กล้าออกเสียง ฮั่วไท่เฟย ขัดหูขัดตาเขามาตั้งนานแล้ว

ได้เจอกันวันนี้ ก็เป็นอันว่านางโชคร้ายแล้วกัน

อันหลิงหยุนนึกขำในใจ รวมพลกันเล่นงาน เกรงว่าจะ เป็นเรื่องตลกขบขันซะมากกว่า

“เพ้อเจ้อโดยสิ้นเชิง! เรื่องพวกนี้มาจากไหน?”

อันจือซานพูด “ฮั่วไท่เฟย เจ้าคือไท่เฟย ข้าแม่ทัพ ทหารก็แค่แม่ทัพทหาร เจ้ากับข้าหากพูดเรื่องความต่าง ระหว่างฐานันดรศักดิ์ แม้ว่าจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่ก็เพราะเป็นพ่อแม่กันหมด เจ้าคือท่านแม่ของอ๋อง ตวน ข้าคือพ่อของหลิงหยุน อ๋องตวนเป็นอ่องไม่ผิด หลิง หยุนของข้าก็ไม่ใช่พระชายาเสียนกระนั้นเชียวหรือ?”

“ปัญหาระหว่างอ๋องเสียนและพระชายาเสียน ข้าใช้ สิทธิ์หน้าที่ในการทหารมาไกล่เกลี่ย แต่ทำไมอ๋องตวน จะต้องมาเข้ามายุ่งสุ่มสี่สุ่มห้า? ข้าทำร้ายอ่องตวนเป็น เรื่องจริง เพราะพระองค์ทำร้ายหลิงหยุนของข้า ยิ่งไป กว่านั้นข้ามีแส้ตีมังกรที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมอบให้ อย่าพูด ว่าคืออ่องตวนเลย เป็นไท่เฟยเองก็ตีได้”

สองมือของอันจือซานกำหมัดแน่น หันไปด้านข้าง

อันหลิงหยุนตกใจเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วพ่อที่ เป็นแม่ทัพใหญ่ก็เป็นคนประมาท ไม่ค่อยจริงจังอยู่สัก เท่าไหร่ แต่ในตอนนี้มองดูกลับไม่เหมือน

เข้าใจพูดมาก!

แต่ทว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่าพ่อจะเข้าใจผิด คนที่ตี ฉันก็คือผู้ชายเลวๆ อย่างกงชิงวี่ไงล่ะ!

แต่ว่าโชคดีที่ไม่มีหลักฐาน ก็เลยให้เขารับความผิด แทน ใครใช้ให้เขามีภรรยาที่ภายนอกดูสะอาดบริสุทธิ์ แต่ข้างในคิดแต่เรื่องไม่ดีงามแบบนี้กันล่ะ

ฮั่วไท่เฟยโมโหจนหน้าซีด “อันจือซานเจ้ามันดีจริงๆ เจ้ากล้าที่จะกลั่นแกล้ง ฮ่องเต้อย่างข้า พระองค์ ท่านก็ จะมองเขากลั่นแกล้งข้าอยู่อย่างนี้ใช่หรือไม่?”
ฮั่วไท่เฟยน้ำตาไหลพราก พระราชินีมองไปยังฮ่องเต้ ชิงหยู่อย่างระมัดระวัง ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสขึ้นว่า “อันจือ ซาน เจ้ายังไม่รีบขอโทษฮั่วไท่เฟยอีก? ”

“กระหม่อมไม่มีความผิด จะขอโทษด้วยเหตุผลอะไร

อนุญาตให้เขาตีหลิงหยุนของข้าได้ แต่ไม่อนุญาตให้ข้า

ตีอ่องตวนของเขา?” แม่ทัพอันถลึงตาอย่างไม่พอใจ

“นี่… ฮ่องเต่ชิงหยู่เสแสร้งทำเป็นตรัสไม่ออก ฮั่ว ไท่เฟยโมโหจนตัวสั่น “ดี ดี พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ ข้า กับพวกเจ้าไม่จบง่ายๆ แน่”

ฮั่วไท่เฟยหันตัวเดินออกไปข้างนอก โมโหจนตาถลึง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ