บทที่ 209 อ่องตวนออกจากวัง
หลังได้เห็นฮ่องเต้ชิงหยู่ อันหลิงหยุนจึงก้าวไปด้านหน้าเพื่อแสดง ความเคารพ และเมื่อลุกขึ้น ก็ยืนอยู่ด้านหน้าฮ่องเต้ชิงหยู่ด้วยความ ประหลาดใจ ฮ่องเต้ชิงหยู่จ้องมองอันหลิงหยุนครูหนึ่ง
สวีกงกงเห็นว่าทั้งสองมิเอ่ยสิ่งใด เขาอยากให้ทั้งสองปรับความ เข้าใจในสิ่งที่บาดหมางกัน จึงถอนตัวออกไป
ในวังเพิ่งหยไม่มีใครอื่น มีเพียงอันหลิงหยุนและฮ่องเต้ชิงหยู่
สองพระองค์เท่านั้น แต่อันหลิงหยุนก็ยังมีปรีปากกล่าวสิ่งใด
นางไม่ได้โกรธ เพราะไม่ควรมีความโทสะแก่ฮ่องเต้
แม้มาอยู่ที่นี่ได้เป็นเวลาไม่นานมากนัก แต่อันหลิงหยุนก็มีทักษะการ เอาตัวรอดในที่แห่งนี้อยู่พอตัว
แม้จักเข้ากับผู้ใดมิได้ แต่จักต้องเข้ากับฮ่องเต้ให้จงได้ อันหลิงหยุนเพียงแต่มิมีสิ่งใดที่ต้องการกล่าวออกไป
ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่อันหลิงหยุนครู่หนึ่ง : “ร่างกายของเจ้าเต็มไป ด้วยเลือด เกิดสิ่งใดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
อันหลิงหยุนตอบว่า : “ข้าวางแผนออกไปเดินเล่นด้านนอก แต่หารู้ไม่ ว่าข้าจักหลงทางไปยังวังเย็น ในตอนที่คิดจะกลับมานั้น มีคนสวมชุด ดำกลุ่มหนึ่ง พวกเขาต้องการที่จักสังหารข้า และก็มีพวกคนชุดดำมา อีกจำนวนหนึ่ง พวกเขาปกป้องข้า เลือดได้เปรอะเปื้อนบนตัวข้าใน ตอนนั้น”
ฮ่องเต้ชิงหยู่แสดงสีหน้าประหลาดใจ: “ไฟไหม้อันใหญ่หลวงแถบวัง เย็น เป็นเจ้าผู้จุดไฟอย่างนั้นรี?”
อันหลิงหยุนส่ายหน้า: “หามิได้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเป็นพวกคนชุดดำอย่างนั้นรี?”
อันหลิงหยุนยังคงสายหน้า: “หาใช่พวกคนชุดดำไม่เจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเป็นผู้ใดเล่า?” ฮ่องเต้ชิงหยู่ถามขึ้นมา อันหลิงหยุนมีความ
ลังเลใจ
ผ่านไปครู่ใหญ่ อันหลิงหยุนกล่าว: “ฮ่องเต้ หม่อมฉันไม่สามารถ บอกได้เพลานั้นหม่อมฉันมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก”
ฮ่องเต้ชิงหยู่จ้องมองไปที่อันหลิงหยุนด้วยความสงสัย: “เจ้าไม่พอใจ
เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแก่อ่องเสียนใช่หรือไม่?”
“หม่อมฉันหามิได้เจ้าค่ะ”
อันหลังหยุนกำลังสับสน เนื่องด้วยถูกถามคำถามที่ซ้ำซ้อนจาก ฮ่องเต้
จับก็จับได้แล้ว ใยต้องเอามาใส่ใจ เช่นว่านี่คือครั้งแรกเสียเมื่อไรกัน อ่องเสียนยังไงก็เป็นอ่องเสียน ไม่มีทางที่เขาจักสิ้นใจในคุกนั่นเป็น
แน่
บางครั้งบางครานางควรจะห่วงตนเองก่อนเสียจะดีกว่า หากอยู่ด้าน นอกก็คงดีกว่านี้ เพราะจวนอ่องเสียนนั้นเป็นดั่งเกราะกำบังของนาง และแม้ไม่มีจวนอ๋องเสียน ก็ยังมีจวนแม่ทัพอยู่
แต่ในวังมิมีผู้ใด จึงทำให้ผู้ที่ต้องการสังหารนางลงมือกันอย่าง รวดเร็ว ต่อให้นางจักเตรียมตัวอย่างดี แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้เลย “หากมิใช่ไม่พอใจ ใยเจ้าจึงไม่ให้ความสนใจแก่ข้า?”
อันหลิงหยุนซึมเศร้า ก็พระองค์เป็นถึงฮ่องเต้ ข้าต้องใส่ใจท่านด้วย เหตุอันใด?
“ฮ่องเต้ หม่อมฉันก็ยังคงเป็นตัวหม่อมฉันเจ้าค่ะ ฮ่องเต้เป็นกังวล มากเกินไป หม่อมฉันเพียงเป็นกังวลว่าอ๋องเสียนอยู่ในคุกนั้น มีเสื้อผ้า อาภรณ์สวมใส่หรือไม่ มีอาหารอิ่มท้องหรือไม่ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ข้า ปรารถนาว่าฮ่องเต้จักทรงมิติเตียนเจ้าค่ะ”
เมื่ออันหลิงหยุนพูดมากขึ้น ก็ทำให้ฮ่องเต้ชิงหยู่กรั้วโกรธ: “เขาได้ อยู่ในนั้นมาตั้งกี่วันแล้ว ใช่ว่าเขาไม่เคยได้เข้าไปเสียที่ไหนกัน” “ก็จริงอย่างฮ่องเต้ว่าเจ้าค่ะ”
ยิ่งพูด ความกริ้วโกรธของฮ่องเต้ก็ทวีคูณ จึงสงบคำไว้ ทั้งสอง ประจันหน้ากันต่อไปเช่นนั้น จนกระทั่งมีคนจากด้านนอกเข้ามาอย่าง รีบร้อน
“ฮ่องเต้ มีเพลิงไหม้อันใหญ่หลวงลุกไหม้ที่วังเย็น ทั้งยังมีผู้สิ้นชีวิต อีกมากมายพ่ะย่ะค่ะ” สวีกงกงเข้ามากราบทูล
ฮ่องเต้ชิงหยู่เหลือบมองอันหลิงหยุนพลางกล่าวว่า: “พระชายาเสีย นกำลังตรวจชีพจรของข้าอยู่ อย่าทำให้พระชายาเสียนตกใจ และมี ต้องกล่าวอันใดในที่แห่งนี้อีก”
สวีกงกงผงะไปชั่วครู่ เมื่อมีสติก็กล่าวว่า: “พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ชิงหยู่ลุกขึ้นและออกไปข้างนอกวังเพิ่งหยี อันหลิงหยุนส่ง ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินออกไป ก็พลางหันกลับมายังลานโถงด้านข้าง และ ครุ่นคิดว่าจักเป็นผู้ใดที่ลอบสังหารนาง
ฮองเฮามิอาจลงมือในช่วงเพลานี้
อันหลิงหยุนยังไม่ทันเข้าใจ ฟ้าก็มีดเสียแล้ว นางจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าใน ห้องนอน และพักผ่อน จนกระทั่งในช่วงกลางดึก แม่นมซีมาเคาะประตู อยู่ด้านนอกเพื่อให้นางออกมา อันหลิงหยุนจึงต้องลุกจากเตียงไปเปิด ประตู
ไฟในวังเพิ่งหย์ส่องสว่างจ้า ฮ่องเต้ชิงหยู่ประทับอยู่ ณ ลานโถง อัน หลิงหยุนถามแม่นมซีด้วยความงุนงง: “มีเหตุอันใดรี?”
“คนในลานโถงของฮองเฮาหายไปจำนวนไม่น้อย ไทเฮากำลังถาม ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฮองเฮาไม่ได้อยู่ที่วังเพิ่งหยี จึงไมค่อยแน่ใจเกี่ยว กับเรื่องนี้” แม่นมซีกล่าวอย่างระมัดระวัง
อันหลิงหยุนเข้าใจ จึงพยักหน้าตอบรับ และเดินไปพบฮ่องเต้ชิงหยู่ สวีกงกงเดินไปยังประตูทางเข้า แม่นมซีก็ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆประตู อัน หลิงหยุนเพิ่งจะเห็นว่ามีคนเหลืออยู่ในวังเพิ่งหยีเพียงไม่กี่คน สวีกงกง และแม่นมซีก็ทิ้งระยะห่างไปไกล หากนางและฮ่องเต้ซิงหยู่กล่าวสิ่งใด
จักมิมีผู้ใดรู้เห็น
ฮ่องเต้ชิงหยู่สั่งให้อันหลิงหยุนนั่งลง อันหลิงหยุนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อน
นั่งลง “ตรวจดูให้ข้าหน่อย” ฮ่องเต้ชิงหยู่ยื่นมือมาให้ อันหลิงหยุนทำการ
ตรวจดู
หลังจากปล่อยมือ อันหลิงหยุนกล่าวว่า: “ดูเหมือนว่าตราบใดที่ท่าน แยกแยะมันได้ ก็จักควบคุมมันได้เจ้าค่ะ”
ฮ่องเต้ชิงหยู่พยักหน้า: “ไม่ผิดกับที่ข้าคิดไว้”
ทั้งคู่นั่งอยู่ครู่หนึ่ง ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็กล่าวถึงเหตุไฟไหม้”คนเหล่านั้นมี ถึงสามสิบ สี่สิบคน และคนของวังเพิ่งหยีก็หายไปราวสามสิบสี่คน เรื่องนี้ทำให้เสด็จแม่กริ้วโกรธเป็นอย่างมาก ฮองเฮานั้นอยู่ที่พระ ตำหนักศาลบรรพชน ฮองเฮานั้นไม่มีสิ่งเกี่ยวข้องใดๆ แต่เมื่อมีเรื่อง เช่นนี้เกิดขึ้น ฮองเฮาจึงต้องโทษให้อยู่แต่ในพระตำหนักศาลบรรพชน ต่อไป
ฮ่องเต้ชิงหยู่แสดงสีหน้าอันมืดมน แต่อันหลิงหยุนนั้นมองไม่ออกว่า ฮ่องเต้ชิงหยู่และเส้นหยุนชูมีสิ่งใดต่อกันหรือไม่
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ คนที่วางยาฮ่องเต้ชิงหยู่จักต้องเป็นฮองเฮา ในห้วงเพลานี้พิษร้ายยังไม่ส่งผลมากนัก เพราะว่าได้แยกตัวห่าง
แน่
จากฮองเฮา
แต่อันหลิงหยุนนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าฮองเฮาวางยาด้วยวิธีใด
แต่สำหรับการกล่าวว่าฮองเฮาไม่ใช่ผู้หวังลอบสังหาร อันหลิงหยุน นั้นไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ใช่ว่าฮองเฮาจำเป็นต้องลงมือสังหารด้วยตนเอง ผู้ใดจักหารู้ได้ว่า เป็นฝีมือของฮองเฮาหรือไม่ พระตำหนักศาลบรรพชนมิใช่สุสาน หากต้องการส่งสารก็ย่อมได้
แต่อย่างไรก็ตาม อันหลิงหยุนไม่คิดว่าเป็นฝีมือของฮองเฮา
หากฮองเฮาจักลอบสังหารนาง จำต้องมีเหตุผลที่ไม่ธรรมดา ซึ่งใน ขณะนี้ ยังมองไม่เห็นเหตุผลที่ไม่ธรรมดานั้น
หลังจากประทับอยู่ครู่หนึ่ง ฮ่องเต้ชิงหยู่มีอาการง่วงเล็กน้อย จึงลุก
ขึ้นเพื่อกลับไปพักผ่อน
อันหลังหยุนรอจนกระทั่งฮ่องเต้ชิงหยู่จากไป พลางมองแม่นมซีที่ไป พักผ่อนแล้วเหมือนกัน
ในคืนนี้อันหลิงหยุนฝันถึงกงชิงวี่หลายครั้งหลายครา ซึ่งแต่ในละ ครั้งมักตื่นขึ้นด้วยความเสียใจ เนื่องจากเห็นกงชิงวี่มีช่วงเวลาทุกข์ ทรมานในที่แห่งนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น อันหลิงหยุนไปเยี่ยมอ๋องตวน และอ่องตวนนั้นก็ สามารถลุกขึ้นลงเตียงเองได้แล้ว ส่วนตัวอันหลิงหยุนเองก็ประหลาด ใจเช่นกัน ว่าดีขึ้นได้รวดเร็วเช่นนี้เชียวหรือ?
“ท่านอย่าหักโหม มันไม่ดีต่อท่าน” อันหลิงหยุนกล่าวเตือน
อ่องตวนจึงกล่าว: “ข้ามิเป็นอันใดแล้ว อยากออกจากวังไปดูที่ ตำหนักเสียหน่อย”
อันหลิงหยุนมิเอ่ยสิ่งใด ฮั้วไท่เฟยก็มิพูดอันใดมากมายเกี่ยวกับเรื่อง ที่เกิดขึ้น หลังจากประโยคไม่กี่ประโยคนั้นก็ปล่อยอ่องตวนไป อ๋องตวนต้องการที่จะออกจากวังหลวง แต่ด้วยร่างกายที่ยังไม่แข็ง
แรงนัก จึงทำให้ไม่คล่องแคล่ว จักออกไปเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวล
ใจ
เมื่ออ่องตวนได้รับการฉีดยาแล้ว เขากล่าวต่อหน้าข้าราชบริพารใน ราชสำนักทั้งหลายว่าต้องการออกไปข้างนอกวังหลวง ฮ่องเต้นั้นก็มี อาจห้ามปรามเขาได้ จึงถามไถ่ไม่กี่คำเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ อ๋องต วนจึงตอบว่าอาการยังไม่สู้ดีนัก แต่การที่ได้อยู่แค่ในวัง โดยที่ในตำ หนักอ่องตวนก็มีเรื่องให้จัดการ จึงจำเป็นต้องออกไป ฮ่องเต้อนุญาตให้อ่องตวนออกไปได้ อ่องตวนจึงกล่าวว่า: “หม่อมฉัน อยากนำตัวพระชายาเสียนและพระชายารองกลับไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“พระชายารองจักต้องกลับไปพร้อมกับเจ้า แต่พระชายาเสียน..” แม้ว่าฮ่องเต้ชิงหยู่จักเข้าใจในเจตนาของอ่องตวน แต่พระองค์ยัง ลังเล
อ่องตวนจึงรีบกล่าวว่า: “หม่อมฉันมีพลานามัยไม่สู้ดีนัก พระชายา เสียนดูแลรักษาหม่อมฉันมาทุกวิถีทาง หากออกไปข้างนอกจักหารู้ได้ ไม่ว่า อาการบาดเจ็บจักแย่ลง ที่ตำหนักก็จำต้องมีเรื่องให้จัดการ หาก มิมีพระชายาเสียนอยู่กับหม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นกังวลเหลือเกินว่าจัก สายเกินไปหากต้องเดินทางกลับมายังพระราชวัง”
“เช่นนั้น ก็ให้พระชายาเสียนกลับวังกับท่านเถิด” ฮ่องเต้ชิงหยู่มิ อยากกล่าวสิ่งใดมากมาย จึงเตรียมตัวลุกออกจากที่ประชุม
อ๋องตวนจึงลุกออกไป โดยมิมีผู้ใดเอ่ยปาก
วันนี้ผู้คนในราชสำนักต่างตกอกตกใจ จากอ่องตวนผู้มิเคยสำเร็จ ราชการแทนพระองค์ แต่ในวันนี้จักออกจากราชสำนักเพื่อสำเร็จ ราชการเช่นนั้น?
อันหลิงหยุนและหยุนโล่ชวนรออยู่ที่ประตู ทั้งสองออกจากวังพร้อม กัน
หลังขึ้นไปบนรถม้าของตำหนักอ่องตวน อ่องตวนก็เอนตัวลงบนรถ ม้า เนื่องด้วยร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย
หยุนโล่ชวนไปดูอ่องตวน: “ท่านอ๋อง ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ข้ามิเป็นอันใด ไปยังต้าจงเจิ้งย่วน” อ่องตวนกล่าวด้วยความเจ็บ ปวด แต่น้ำเสียงของเขากลับเย็นชา
เขารู้เรื่องในตำหนักทั้งหมดแล้ว ของคนเหล่านั้นช่างใจคอโหดร้าย เหลือเกิน
แต่ในเพลานี้ เขาทำได้เพียงแค่ออกจากวังไปพบอ่องเสียน อันหลิงหยุนหยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ดให้อ่องตวนทาน พร้อมทั้ง ขอบคุณเขา: “ขอบพระทัยอ่องตวน”
“ข้าหาได้ทำเพื่อท่านไม่ ท่านจำเป็นต้องขอบคุณข้า” กงชิงหยิน
หลับตาลงและไม่เอ่ยสิ่งใด
อันหลิงหยุนมองไปยังด้านนอกรถม้า เห็นว่าด้านหลังรถม้านั้นมีคน
ติดตามมา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ