หนุ่มเศรษฐีลึกลับ

บทที่ 211 ลูกชายของคุณไปเหยียบเท้าคนใหญ่คนโต



บทที่ 211 ลูกชายของคุณไปเหยียบเท้าคนใหญ่คนโต

ตูด ตูด ตู้ด!

เมื่อพูดจบ ผู้กำกับก็วางสายทันที

เกาหยางแทบจะฉีราดกางเกงด้วยความตกใจ เขาสั่นไป ทั้งตัว เขารู้สึกได้ว่าผู้กำกับที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อครู่นี้ก็กลัว มากเหมือนกัน!

ในตอนนี้มีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้นก็คือ ระดับของผู้ กำกับยังเทียบเท่าลู่เสี้ยงหยางคนนี้ไม่ได้เลย

เพราะ เขาคือใครกันแน่!

เกาหยางเหงื่อแตกไปทั่วร่างกาย ขาทั้งสองข้างของเขา สั่นเทา เขารีบหันกลับไปก้มหน้าร้องขอความเมตตาจากลู่เสี้ ยงหยางทันที “คุณลู่ครับ ขออภัยด้วยนะครับ ต้องขออภัย จริงๆ ครับ ตาผมมืดบอดเอง ผมทำผิดไปแล้วครับ ผมจะคืน ความยุติธรรมให้คุณทันทีเลยนะครับ”

ว่าไงนะ?

ผู้คนรอบข้างเกาหยางถึงกับตะลึง ก่อนหน้านี้ยังสั่งการให้ จับกุมลู่เสี้ยงหยางอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับหันมาร้องขอความ

เมตตาจากเขา?
บ้าเอ๊ย! เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!!!

หลินเสี่ยวโปตกใจจนลูกตาแทบหลุดออกมา

“หือ นี่มัน?” เย่สวนก็รู้สึกตกใจและได้แต่มองหน้าสู่เสี้ยง หยางอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไป เขาลึกลับมาก ลึกลับจนเธอมองไม่ออก

จากนั้น

เกาหยางได้เดินเข้าไปหาหลินเสี่ยวโปแล้วจ้องหน้าเขา ด้วยความโกรธ เกาหยางอดไม่ได้ที่จะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว

เพราะคนเหลือขอคนนี้คนเดียวเกือบทำหัวของเขาหลุด ออกจากบ้าแล้ว

หลินเสี่ยวโปถูกจ้องจนรู้สึกผวาไปหมด เขาถามต่อด้วย ความอ่อนแรง “เกิดอะไรขึ้น ผู้กองเกา?”

เกาหยางแค่โทรออกสายเดียวก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็น คนละคน เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นมีภูมิหลังที่ยิ่ง ใหญ่จริงๆ

เกาหยางกลับพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เราได้ สืบสวนคดีฆาตกรรมในบาร์แห่งหนึ่งเมื่อหกเดือนก่อนแล้ว ผมสงสัยว่าคดีฆาตกรรมนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณด้วย ดังนั้น ตอนนี้ผมขอเชิญคุณไปให้ปากคำกับเราที่สถานีตำรวจครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหลินเสี่ยวโปกลายเป็นความเศร้าทันที ที่แท้ทางตำรวจมีหลักฐานตั้งแต่แรกแล้ว เป็น ความจริงที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมครั้งนี้

“พาตัวไป ” เกาหยางออกคำสั่งและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้า มาใส่กุญมือหลินเสี่ยวโป

หลินเสี่ยวโปถอนหายใจดังๆ แล้วตะโกนดำขึ้นมา “เกา หยาง คุณหาเรื่องเองนะ ผมเป็นคนของตระกูลหลิน พี่สาวผม เป็นถึงผู้อาวุโสของหอการค้าเชียวนะ คุณกล้าจับผมเหรอ?”

เกาหยางเองก็อยู่ภายใต้ความกดดันสูงมาก เพราะทั้ง สองฝ่ายต่างก็เป็นคนใหญ่คนโต เขารู้สึกกดดันจนแทบ หายใจไม่ออก แต่อย่างไรก็ตาม ทางลู่เสี้ยงหยางก็ดูเหมือน จะเป็นครอบครัวที่น่าเกรงขามมากกว่าตระกูลหลิน

“แมร่งเอ๊ย อย่าไร้สาระ ทุกอย่างมันกระจ่างแล้วยังจะ ตะโกนอะไรนักหนา คอยดูว่าผมจะจัดการกับคุณยังไง?” เกา หยางตะโกนด่ากลับแล้วใช้เท้าอัดเข้าไปที่หน้าท้องของหลิน เสี่ยวโป

หลินเสี่ยวโปหน้าซีดเซียวด้วยความเจ็บปวดทันที “คุณลู่ ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เป็นธรรม ที่สุดเลยครับ” เกาหยางรับปากลู่เสี้ยงหยางด้วยความ เกรงใจ

“หวังว่าจะเป็นไปตามที่พูดนะ ไม่เช่นนั้นคุณระวังถึงผลที่ จะตามมาก็แล้วกัน” ลู่เสี้ยงหยางพูดเบาๆ
“ครับ ครับผม คุณสู่วางใจได้ครับ” เกาหยางพยักหน้า รัวๆ จากนั้นรีบนำตัวหลินเสี่ยวโปกลับไปยังสถานีตำรวจ แล้วเริ่มสอบปากคำ โดยเร็วที่สุด

และในเวลานี้ หวังเขียวหยุนที่นั่งอยู่ในรถตกใจกลัวจนนี่

แทบราด

เธอคิดว่าสามีที่มาพร้อมกับลูกน้องเป็นสิบคนจะจัดการ กับลู่เสี้ยงหยางและเย่สวนได้ แต่ที่ไหนได้สามีของเธอกลับ ถูกลู่เสี้ยงหยางจัดการ แถมไม่พอตำรวจที่สามีเธอเรียกมาก ลับเคารพให้เกียรติลู่เสี้ยงยางอย่างที่สุด

ทุกอย่างนี้บ่งบอกให้รู้ว่าลู่เสี้ยงหยางต้องไม่ใช่คน ธรรมดาแน่ อย่างน้อยเขาไม่ใช่คนที่เธอสามารถมีเรื่องได้ ด้วยแน่นอน

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ร่างกายของหวังเขียวหยุนสั้นอย่างไม่ สามารถควบคุมได้ เธอได้แต่มองเยสวนที่ยังคงตกใจกับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น

วินาทีต่อมา สายตาของเธอได้สบกับดวงตาอันเย็นชาและ ไร้ความปรานีของลู่เสี้ยงหยางอย่างไม่ทันตั้งตัว และทันใด นั้น ของเหลวสีเหลืองที่ไม่สามารถควบคุมได้กระจายออก จากต้นขาของเธอ จึงทำให้รถทั้งคันเหม็นกลิ่นปัสสาวะไป หมด

สู่เสี้ยงหยางทำให้เธอกลัวจนฉราดกางเกงไปแล้ว
จากนั้นสู่เสียงหยางมองไปที่เย่สวนแล้วถามเธอว่า “แล้ว คุณจะเอายังไงกับเธอคนนั้น?”

เยสวนหันมองไปที่หวังเชี่ยวหยุนที่นั่งอยู่ในรถแล้วส่ายหัว ตอบ “ช่างมันเถอะ ให้มันจบแค่นี้ เราไปกันเถอะ”

วันนี้สู่เสี้ยงหยางได้เป็นศัตรูกับตระกูลหลินไปแล้ว เขา ต้องตกอยู่ที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่อยาก ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปกว่านี้

“อ้อ โอเคครับ แล้วแต่คุณนะ” ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้าแล้ว ขึ้นรถไปพร้อมกับเย่สวน เขาเอารถไปส่งซ่อมที่อู่ซ่อมรถก่อน จากนั้นค่อยส่งเย่สวนไปทำงาน

ณ สำนักงานตระกูลหลิน

ผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลหลินมารวมตัวกันในห้อง ประชุม

หลินเซี่ยวเทียนหัวหน้าครอบครัวได้แต่ขมวดคิ้วด้วย

สีหน้าเคร่งเครียด

เพราะวันนี้ลูกชายของเขาต้องเข้าคุกเพราะเด็กคนหนึ่งที่มี

นามสกุลว่าลู่

“พวกนายทุกคนช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อย สรุปว่ามัน เกิดอะไรขึ้น?” หลินเซี่ยวเทียนทุบโต๊ะแล้วพูดเสียงดัง
นี่มัน?

ผู้อาวุโสทุกคนไม่กล้าพูดอะไรเลย ต่างคนต่างเกรงว่าถ้า พูดอะไรผิด เขาจะถูกหลินเซียวเทียนลงโทษ เพราะตอนนี้ หลินเสี่ยวเทียนกำลังโกรธจนลุกเป็นไฟ ถ้าใครพูดไม่เข้าหูก็ กลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาอย่างแน่นอน

“ว่าไง? ทำไมไม่พูด? ถ้าอย่างนั้นก็ผลัดกันพูดทีละคน” หลินเซี่ยวเทียนออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

หือ!

ชายคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วพูดก่อน “พี่ใหญ่ครับ ผมคิดว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะร้ายแรงอย่างที่คิดนะครับ ผมได้ติดต่อกับทาง เกาหยางแล้ว เขาแจ้งว่าเรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือของ คุณชายเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเท่านั้นครับ”

“อืม” หลินเซี่ยวเทียนพยักหน้าเบาๆ

จากนั้นชายไว้หนวดเคราแพะยืนขึ้นพูดต่อ “พี่ใหญ่ครับ ผมว่ามันเป็นเพียงคำพูดอย่างไม่เป็นทางการของทางตำรวจ เท่านั้นครับ ถ้าตระกูลหลินของเราแสดงออกอย่างชัดเจน และมีท่าทีที่จริงใจ ผมเชื่อว่าพวกเขาต้องปล่อยคุณชายออก มาอย่างแน่นอนครับ”

“จริงด้วยครับ พี่ใหญ่ พี่สามพูดถูกครับ” ตามด้วยเสียง เห็นด้วยของคนอื่นๆ “เราช่วยคุณชายออกมาให้ได้ก่อนจากนั้นค่อยไปจัดการกับไอ้หนุ่มนามสกุลสู่คนนั้นก็ได้นะ ครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเซี่ยวเทียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลเหมือน กัน เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยแววตาอันเย็นชาแล้ว โทรเกาหยาง

จากนั้นไม่นานเกาหยางก็ได้รับสายแล้วยิ้มพูด “พี่หลิน ท่านมีเวลาโทรหาผมด้วยเหรอครับ?”

หลินเซี่ยวเทียนยิ้มพูดอย่างชมขื่น “น้องเกา เรื่องนี้คุณทำ ไม่ถูกนะ ผมว่าคุณควรเห็นแก่หลายๆ คนในที่นี้ด้วย ที่คุณ ทำแบบนี้มันถือว่าไม่ให้เกียรติคนอย่างผมเลยนะ”

เกาหยางยิ้มพูดต่อ “มิกล้าหรอกครับพี่หลิน แต่สำหรับ เรื่องของคุณชายหลินนั้น ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ นะครับ”

หลินเซี่ยวเทียนเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ “คุณบอกข้อเสนอมา ได้นะ”

เกาหยางยิ้มพูดอย่างขมขื่น “พี่หลินครับ เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้น อยู่กับข้อเสนอใดๆ เลยนะครับ”

สีหน้าของหลินเซี่ยวเทียนเย็นชากว่าเดิม เท่าที่ฟังมา เขา รู้สึกว่าคำพูดของเกาหยางนั้นเป็นเพียงคำแก้ตัวเพื่อหวังผล ประโยชน์ที่มากขึ้นเท่านั้น

“น้องเกา อย่าปิดบังผมเลย มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ไอ้หนุ่มนามสกุลลู่ที่มีเรื่องกับลูกชายผม มันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เท่านั้น ผมสืบประวัติมันเรียบร้อยแล้ว มันก็แค่ลูกเขยเศษ สวะที่ขออยู่กับบ้านตระกูลเย่ ถ้าตระกูลหลินของเราคิดจะฆ่า มันจริงๆ มันง่ายยิ่งกว่าเหยียบมดตายเสียอีก ฉะนั้นทุกอย่าง ของเรื่องนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ” หลินเซี่ยว เทียนพูดด้วยเสียงแข็ง

หลินเซียวเทียนยังคงคิดว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นเป็นแค่คน ธรรมดาที่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้ และทุกอย่างนี้เป็นเพียงข้อ ต่อรองของเกาหยางเพื่อหวังผลกำไรจากตระกูลหลินของเขา เท่านั้น

เกาหยางหัวเราะเยาะแล้วพูดต่อ “พี่หลิน ในเมื่อท่านพูด ถึงจุดนี้แล้ว ผมก็อยากขอเล่าอะไรให้ท่านทราบหน่อยนะ ครับ ความจริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับตระกูลหลิน ของท่านหรอกครับ แต่วันนี้มีสายโทรเข้าเบอร์โทรของผู้ กำกับผมหลายสายมาก ความกดดันมันมาจากทุกทิศทุก ทาง แต่สายหนึ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้นก็คือสายจากสำนักงาน ใหญ่ในเมืองหลวง ผมว่าท่านควรตรวจสอบให้ละเอียดอีก ครั้งนะครับว่าลูกชายของท่านไปมีเรื่องกับผู้หลักผู้ใหญ่ ที่ไหนหรือเปล่า”

ว่าไงนะ?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รูม่านของหลินเชี่ยวเทียนหดตัวลงอย่าง รวดเร็ว ร่างกายของเขาสั่นไม่หยุดจนโทรศัพท์ตกลงไปที่พื้น
คำว่า “สำนักงานใหญ่ในเมืองหลวง” เหมือนมีดที่แทงทะลุ

หัวใจของเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ