บทที่ 175 มองหาความอัปยศ
หลิ่วหรูยู่ก็คิดว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นมีประสบการณ์ทางทฤษฎี เท่านั้น ถ้าเขามีของจริง ๆ วันนี้เขาคงโต่งดังในโลกของ อุตสาหกรรมการแพทย์และความงามไปนานแล้ว
ซูสีก็คิดเหมือนกับหลิ่วหรูยู ดังนั้นเธอจึงพยายามตึงแขน
เสื้อของลู่เสี้ยงหยางเพื่อห้ามเขาไว้ “พวกเรารีบไปจากที่นี่กัน เถอะ ในบริษัทยังมีงานอีกหลายอย่างเลยนะ” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ค่าพูดของสองคนนี้ก็ไม่ได้ฟังเข้าหู
ของลู่เสี้ยงหยาง เขาได้แต่ยิ้มพูดกับผู้เชี่ยวชาญสี่คนนั้น “ได้ ตกลงตามนี้”
4.” หลิ่วหรูยู่และซิลี่ถึงกับพูดไม่ออก ลู่เสี้ยงหยางเขา กำลังตั้งใจยื่นหน้าไปให้พวกเขาตบอยู่หรือ?
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เด็กไร้สมอง นายรอคุกเข่าได้เลย” อาจารย์ เมิ่งและคนอื่น ๆ หัวเราะอย่างหนักและมั่นใจว่าลู่เสี้ยงหยาง ต้องแพ้พวกเขาอย่างแน่นอน
คู่เสี้ยงหยางยิ้มจาง ๆ แล้วถามคำถามหนึ่งที่อาจารย์เมิ่ง
ฟังไม่เข้าใจ “คุณกลัวเจ็บไหม?” “เหอะ อย่ามาไร้สาระไม่รู้จะทำยังไงก็รีบคุกเข่าลงซะ” อา จารย์เมิ่งกวักมือเรียกเขาอย่างเหลือทน
ทันใดนั้นสีหน้าของลู่หยางเริ่มขมขื่นและไม่รู้ว่าใน
มือเขามีมีดพกตั้งแต่เมื่อไหร่
!
แสงเย็นวาบประกายขึ้น มีดพกฟันทะลุอากาศเลื่อนผ่าน
ใบหน้าของอาจารย์เมิ่ง
“โอ้ย!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น อาจารย์เมิ่งสองมือกุมที่ ใบหน้าและมีเลือดไหลพราวออกมาระหว่างนิ้ว
ชิบหาย ไอ้เด็กนี่มันบ้าไปแล้วหรือ?
หลิวหรูยู่สะดุ้งตกใจ ลู่เสี้ยงหยางคิดทำอะไรกันแน่ หรือ ว่าเขากลัวแพ้จนต้องทำร้ายคน?
“โอ้ว ลู่หยาง คุณใจเย็น ๆ ก่อน” ซิลี่ก็ตกใจจนหน้า ซีด ถ้าลู่เสี้ยงหยางแพ้เขาก็แค่คุกเข่าขอโทษ ไม่จำเป็นต้อง ทำขนาดนี้เลย ถ้าเกิดคนตายขึ้นมาเขายังต้องรับผิดชอบ ด้วยนะ
สารเลว นายคงดิ้นหาที่ตายซะแล้ว รีบแจ้งตำรวจจับมัน เข้าคุก” ผู้เชี่ยวชาญอีกคนที่ยืนอยู่ข้างอาจารย์เมิ่งรีบหยิบ โทรศัพท์ออกมาเพื่อเตรียมจะโทรแจ้งตำรวจ
“ไอ้หนู นายหมดกัน เดี๋ยวนายจะได้รู้ว่าอะไรคือตายไป เสียจะดีกว่าอยู่” อาจารย์เมิ่งมองลู่เสี้ยงหยางด้วยสายตา อาฆาต คำพูดที่เย็นชาตะคอกออกมาทีละ
คู่เสี้ยงหยางไม่สนใจคำข่มขู่ของอาจารย์เมิ่ง เขาหยิบขวด ยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วโยนออกไป “เอายานี้ไปทาที่ แผลซะ แล้วเตรียมตัวอีกสิบนาทีมาคุกเข่าต่อหน้าอาจารย์
อาจารย์เมิ่งรับยานั้นมาและยังมีสีหน้าพิรุย
“ว่าไง ไม่กล้าท้าแล้วเหรอ? ถ้ากลัวแพ้ก็คุกเข่าตอนนี้เลย ไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าอาจารย์ก็ได้” ลู่เสี้ยงหยางยิ้มพูด
“เหอะ พูดไม่อายตัวเอง ใครแพ้ใครชนะยังสรุปไม่ได้ หรอก” อาจารย์เพิ่งส่งเสียงไม่พอใจ จากนั้นเขาก็เปิดขวดยา แล้วเอาผงยาในขวดออกมาทาแผลบนใบหน้าของเขา
สู่เสี้ยงหยางดึงเก้าอี้มานั่งลงและนั่งไขว้ขาแล้วพูดอย่าง สบายใจ “ยาของผมค่อนข้างแรงหน่อยนะ ทาบนบาดแผล แล้วมันอาจจะเจ็บแสบหน่อย ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมาได้”
อาจารย์เมิ่งบ่นพึมพำในปาก “แผลแค่นี้นับประสาอะไร” ให้กร้องตะโกนในสถานการณ์แบบนี้มันจะไม่น่าอายไป
หน่อยหรือ?
แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกคิดผิด
ยาของสู่เสี้ยงหยางที่ทาตรงแผลมันเจ็บแสบจริง ๆ มัน รู้สึกเหมือนถูกเข็มเป็นพันเล่มแทงเข้ามาที่แผลของเขา
ในขณะนี้ สายตาของผู้เชี่ยวชาญอีกสามคนได้แต่จับจ้อง ไปที่บาดแผลบนใบหน้าของอาจารย์เมิ่ง พวกเขาอยากรู้ว่ายาของสู่เสี้ยงหยางนั้นมันมหัศจรรย์ตามที่เขาพูดใหม
เริ่มแรกผู้เชี่ยวชาญทั้งสามสีหน้ายังคงปกติอยู่ แต่เมื่อ เวลาต่อย ๆ ผ่านไปสีหน้าการแสดงออกของพวกเขาก็เริ่ม จริงจังมากขึ้น
บาดแผลตรงจุดบนใบหน้าของอาจารย์เมิ่งที่ใช้ยาทาแล้ว มันเริ่มแห้งและตกสะเก็ดด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า
“ไม่จริง” ผู้เชี่ยวชาญอีกสามคนและหลิ่วหรูยู่ทุกคนต้อง ตกตะลึงกับภาพที่เห็น การที่จะฟื้นฟูได้ไวขนาดนี้คงมีแต่ ซุปเปอร์แมนเท่านั้น
แต่การเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของอาจารย์เมิ่งยังไม่หยุด เมื่อเวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่งแผลเป็นบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ หายไป จนในที่สุดมันก็กลับมาเป็นปกติ ดูเหมือนว่าใบหน้า ของเขาไม่เคยได้รับบาดแผลจากลู่เสี้ยงหยางมากก่อนเลย
ช็อก เหลือเชื่อ ขนลุกและอารมณ์ที่ซับซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้น กับหลิ่วหรูยู่ซิลี่และทุกคนที่เห็นภาพนี้
“พระเจ้า มันอัศจรรย์มาก ฉันคิดว่ายาอายุวัฒนะยังไม่เห็น ผลมากขนาดนี้เลย” หลิ่วหรูยู่ซีดปากอย่างน่าที่งและหายใจ เข้าออกอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น
นี่เป็นภาพที่บ้าที่สุดที่เธอเคยเห็นในชีวิตของเธอ
“ให้ตายเถอะ มันไม่จริง ฉันอยู่ในความฝันใช่ไหม!” ดวงตาของซิลี่เบิกกว้างแล้วอ้าปากค้างเป็นรูปตัวโอ
“ไม่จริง นี่พวกเราเจอปาฏิหาริย์อยู่ใช่ไหม?” ผู้เซี่ยวชาญ ทั้งสามถึงกับน้ำตาซึม ยังมียามหัศจรรย์แบบนี้บนโลกใบนี้ อีก นี่มันเป็นสิ่งที่พวกเขาแสวงหามาทั้งชีวิตไม่ใช่หรือ?
กรีบ!
กรีบ!
กรีบ!
อาจารย์เมิ่งกลืนน้ำลายอย่างไม่หยุด สองมือของเขาถูไป ที่ใบหน้าของตัวเอง เขายังคงสงสัยว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า บาดแผลบนใบหน้ามันหายภายในไม่กี่นาทีได้อย่างไร แต่ ความรู้สึกบนใบหน้าบอกเขาว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
ดูเหมือนว่าเสี้ยงหยางจะเป็นอัจฉริยะและมีของดีในตัวที่ สามารถทำให้โลกตะลึงได้จริง ๆ
ฝืบ!
จากนั้น โดยที่ไม่รอช้า เขาคุกเข่าลงต่อหน้าลู่เสี้ยงหยาง แล้วคำนับด้วยความเคารพยิ่ง “โปรดให้คำชี้แนะด้วยครับ ท่านอาจารย์”
แมร่งเอ้ย!
คุกเข่ากราบจริงหรือเนี่ย!
ซิลี่และหลิ่วหรูยู่ต่างก็อึ้งจนพูดไม่ออก ตอนนี้ทั้งสองรู้สึก ว่าสมองว่างเปล่าจนสั่งการไม่ได้แล้ว
Au! lu! lu!
ตามด้วยผู้เชี่ยวชาญอีกสามคนก็คุกเข่าลงแล้วโค้งค่านับ ด้วยความเคารพยิ่ง “โปรดให้ค่าชี้แนะด้วยครับท่าน อาจารย์”
ให้ตายเหอะ!
บรรยากาศในห้องเงียบลงจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่น! ทุกคนยังรู้สึกช็อคกับภาพที่เห็น จนผ่านไปสักพักถึงจะมีคน ตั้งสติได้
จากนั้นดวงตาที่สวยงามของหลิ่วหรูยู่จับจ้องไปที่ลู่เสี้ยง หยาง มุมปากของเธอเหลือเพียงน้ำลายที่ยังไม่ไหลออกมา เท่านั้น เธอรู้สึกว่าอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น มาก็คือลู่เสี้ยงหยางที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้
ส่วนซิลี่ได้แต่บีบมือของเธอไว้แน่น ๆ จนเล็บแทบจะแทง เข้าไปที่ฝ่ามือ ณ ตอนนี้เธอรู้สึกเพียงหัวใจของเธอเต้นรัว อย่างไม่หยุด
พูดตามความจริงตอนนี้เธอก็อยากกินปีศาจที่ยืนอยู่ตรง หน้าคนนี้เหมือนกันซะแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่ที่ยังไม่ได้รับคำสั่งจากลู่ เสี้ยงหยางก็ยังคุกเข่าก้มหัวอยู่ที่พื้นเพื่อขอขมาอาจารย์
คู่เลี้ยงหยางสีหน้าเฉยเมย จากนั้นเขาหยิบสูตรยาออกมา จากกระเป๋าแล้วโยนไปให้พวกเขาและบอกว่า “พวกคุณสี่ คนฟังไว้ให้ดีนะ ศึกษาสูตรตำรับยานี้ให้ดี อย่าทำให้ผมต้อง เสียหน้าเป็นอันขาด”
“ครับ ครับ ครับ ท่านอาจารย์ พวกผมรับทราบแล้วครับ” อาจารย์เมิ่งและผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ได้แต่พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบเอื้อมมือไปเก็บสูตรยานั้นไว้
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกคุณก็รีบออกไปจากที่นี่แล้วไปห้อง วิจัยชะ” ลู่เสี้ยงหยางกวักมือไล่อย่างเหลือทน
“ครับ ครับ ครับ ท่านอาจารย์ ศิษย์รับทราบครับ” จากนั้น อาจารย์เมิ่งและผู้เชี่ยวชาญอีกสามคนก็รีบลุกจากพื้นแล้ว ออกจากห้องนั้นและเข้าไปห้องวิจัยทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ