ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

ตอนที่184ยุให้ฮั่วไท่เฟยโกรธ



ตอนที่184ยุให้ฮั่วไท่เฟยโกรธ

ฮัวไท่เฟยรู้สึกร้อนใจ “รีบพูดต่อสิ!”

อันหลิงหยุนพูดออกมาอย่างลำบากใจ “ไท่เฟยลองทรงคิดดูให้ดีเพคะ”

ฮัวไท่เฟยพยายามตั้งสติ ดวงตาหมุน ไปหมุนมา แล้วเหมือนคิดอันใดบาง อย่างได้ “เจ้าอยากให้พาอ๋องตวนเข้า

วัง?”

“เรียนไท่เฟย หม่อมฉันกับอ๋องตวนเลย ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกัน ถ้าจะให้ พูดตามตรงคืออ๋องตวนจะเป็นยังกระไร มันก็ไม่เกี่ยวอันใดกับหม่อมฉัน แต่ถ้า เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอ๋องเสียนแล้วละก็ มันก็เกี่ยวข้องกับหม่อมฉันทั้งสิ้นเพคะ

พอเห็นว่าเสด็จแม่ ดูเป็นห่วงเป็นใย อ๋องตวนมากขนาดนั้น มันก็ทำให้หม่อม ฉันคิดได้และตระหนักได้ว่า

ถ้าตัดสินใจทำอันใดที่มันไม่ถูกต้อง ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงมากก็ได้เพคะ

เรื่องที่เกิดขึ้นกับอ๋องตวน คนต่อไปที่ ต้องโดนก็คงหนีไม่พ้นอ๋องเสียนหรอก

เพคะ”

อันหลิงหยุนพูดสิ่งที่นางคิดออกมา ฮัวไท่เฟยก็กำลังคิดตาม

“แต่ไท่เฟยไม่รู้สึกแปลกพระทัยบาง หรือเพคะ ตั้งแต่ที่ฮองเฮาทรงพระครรภ์ ทั้งในและนอกวังต่างก็ต่างก็มีการซ่องสุม กองกำลังกันมากขึ้น

ทั้งๆ ที่ ก่อนที่องค์ฮ่องเต้จะมีราชบุตร ทุกอย่างยังดูเงียบสงบเลยแท้ๆ พอฝ่า บาทมีข่าวดีก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมาทันที

ก่อนที่อ๋องตวนจะมีพระชายารองก็ยัง ไม่เห็นเป็นไร แต่พอมีพระชายารองก็เกิด เรื่องขึ้นเลย

ถ้ามันเป็นแบบนี้ หม่อมฉันคิดว่า จะ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีคนกลัวว่าพระชายา รองหยุนจะทรงพระครรภ์บุตรของท่านอ๋ องตวนเพคะ?”

ฮัวไท่เฟยเพิ่งตากว้าง นัยน์ตามีแต่ ความอาฆาต “ไอ้สาระเลวพวกนี้ หยุนหยุ นเจ้ารีบพูดต่อสิ” ฮัวไท่เฟยรู้สึกโกรธเกรี้ยว อันหลิงหยุ นพูดต่อ “ในเมืองหลวงนี้ไม่มีใครไม่รู้ว่า ชายาตวนนั้นร่างกายไม่แข็งแรง ที่ก่อน หน้านี้ไม่มีอันใดเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะ ไม่มีใครเป็นห่วงเรื่องของอ๋องตวน เพราะ ว่าชายาตวนไม่มีทางที่จะทรงพระครรภ์ ทายาทของอ๋องตวนได้ในเร็ววันได้อย่าง แน่นอน

แต่พอมีชายารองก็เกิดเรื่องเลย อาจ เป็นไปได้ว่ามีคนกลัวว่าอ๋องตวนจะมี ทายาทหรือไม่เพคะ?”

ฮัวไท่เฟยยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันสมเหตุ สมผล อันหลิงหยุนพูดต่อ “จากนั้นเสียนอ องก็ถูกจับ ถึงแม้ฮ่องเต้จะไม่ได้พูดอันใด แต่เท่าที่หม่อมฉันรู้มาคือในหมู่ราชวงศ์มี คนที่ไม่พอใจกับการกระทำของหวางฮอง ไทเฮา และได้ถวายฎีกาไปแล้วด้วยเพคะ

ไท่เฟยเพคะ ถ้าเป้าหมายของพวกนั้น คือฝ่าบาท อ๋องตวน แล้วก็อ๋องเสียนละก็

ไม่ว่าแผนการของพวกเขาจะเป็นยัง กระไรแต่วันนี้มันถือว่าสำเร็จแล้วเพคะ

อ๋องตวนบาดเจ็บสาหัส ทำอันใดไม่ได้ แล้ว

อ๋องเสียนก็ถูกควบคุมตัวเอาไว้

ส่วนฮ่องเต้ก็ยังคงเป็นฮ่องเต้ แต่ ไท่เฟยไม่รู้สึกว่ามันเหมือนขาดอันใดไป หรือเพคะ?”

ฮัวไท่เฟยก็คิดตาม ลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินไปเดินมาพร้อมกับใช้หัวคิดไปด้วย อันหลิงหยุนหันไปมองฮัวไท่เฟยฮัว ไท่เฟยเดินไปมาสักพักแล้วก็หยุดลงจาก นั้นก็หันมามองอันหลิงหยุน” พวกมัน รวมหัวกันมารังแกพวกเราที่เป็นลูก กำพร้ากับแม่หม้าย”

“.ไท่เฟยก็เห็น” อันหลิงหยุนรู้สึก %3D พอใจ ที่ทำไปไม่ได้เสียแรงเปล่า ดู เหมือนว่าตอนนี้ฮัวไท่เฟยจะโกรธแล้ว

“ได้ ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังอยู่พวก มันก็ไม่ได้จงรักภักดีอยู่แล้ว แต่ละคนก็ไม่ จริงใจทั้งนั้น

พอมาวันนี้วันที่ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นแล้ว พวกมันก็รวมหัวกันมารังแกพวกเรา ต่อ ให้ภูเขาแม่น้ำของประเทศต้าเหลียงพัง ทลายลงก็ไม่มีทางตกไปอยู่ในมือของ พวกมันได้หรอก

ถ้าพวกมันอยากถวายฎีกาก็ให้มัน ถวายไป ในวังนี้ก็ไม่มีใครแล้วใช่หรือไม่ ล่ะ?”

อันหลิงหยุนนิ่งเงียบ ฮัวไท่เฟยเดินมา ที่ตรงหน้าของอันหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว “หยุนหยุน แล้วทำไมเจ้าถึงไม่กราบทูล ฮ่องเต้ไปล่ะว่าจะให้พาตัวอ๋องตวนเข้ามา ในวัง?”

“เรียนไท่เฟย ในฎีกาได้บอกให้ฝ่าบาท จับตัวอ๋องเสียนเอาไว้แล้ว การจะพาตัว อ่องตวนเข้าวังมาถ้าหม่อมฉันเป็นคนทูล ขอพวกนั้นต้องไม่ยอมแน่เพคะ อีกทั้ง ตอนนี้ไทเฮาเองก็กลายเป็นเป้าหมาย ของพวกมันไปแล้วด้วย ถ้าเกิดหม่อมฉัน กราบทูลไปเกรงว่าจะยุ่งยากมากยิ่งขึ้น

ไปอีกนะเพคะ

ต่อให้อาการของอ๋องตวนจะสาหัสและ ต้องการความช่วยเหลือจากหม่อมฉันจริง พวกเขาก็คงไม่ยอมเชื่อแน่เพคะ” อันหลิง หยุนพูดต่อ

จู่ๆ ฮาวไท่เฟยก็หัวเราะออกมา แล้ว โยกหัวไปมา “สิ่งที่ไทเฮาทำความจริงมัน ก็ไม่ได้ผิดแต่นี่คือลูกชายของข้า ไอ้สาระ เลวพวกนั้นมันกล้ามาเล่นอยู่บนหัวข้า เลยรี”

ฮัวไท่เฟยกำหมัดไว้แน่นอย่างไม่สบ อารมณ์ “หยุนหยุน เจ้ากลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเอง” “เพคะ”

พออันหลิงหยุนถอยออกมาฮัวไท่เฟ ยก็หยุดชะงัก แล้วหันไปมอง “ช้าก่อน”

อันหลิงหยุนหยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้น มามอง ฮัวไท่เฟยถามขึ้น “ที่เจ้ามาที่ ตำหนักของข้า แค่เพื่ออองตวนจริงๆ หรือ?”

อันหลิงหยุนก้มหน้าก้มตา “การทำเพื่อ อ๋องตวนก็เหมือนทำเพื่ออ๋องเสียน หม่อม ฉันรู้สึกไม่พอใจที่ถูกพวกมันกระทำอย่าง นี้ ก่อนหน้านี้หม่อมฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เสด็จแม่ถึงได้ใส่ใจอ๋องตวนมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ

มีฮ่องเต้จะอยู่ตรงนั้น ถึงแม้อ๋องตวนจะ ไม่ได้เข้ามารับราชการ แต่อ๋องตวนก็มี สมบัติเยอะ ถ้าเกิดกองคลังเกิด ขาดแคลน อ๋องตวนก็สามารถช่วยได้ ส่วนอ๋องเสียนถึงจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็มี กำลังพลที่มากมาย เขาสามารถ สนับสนุนด้านกำลังพลได้

สำหรับฝ่าบาทแล้วซ้ายมีเงินทองขวามี กำลังคน ตอนนี้พระองค์ก็ไม่ต่างอันใด กับเสือติดปีก

แต่ถ้ามีคนอยากจะหักปีกทั้งสองข้าง ของฝ่าบาทออก แล้วแบบนี้พระองค์ยังจะ เหลืออันใดอีกล่ะเพคะ?

ที่หม่อมฉันทำเพื่ออ๋องเสียนก็เหมือน ทำเพื่ออ๋องตวน มันมีอันใดแตกต่างกัน หรือเพคะ? อันหลิงหยุนพูดออกมาไม่หยุดจนทำ ให้ฮัวไท่เฟยอยากขำออกมา “ที่เจ้าพูด มาอาจจะถูกก็ได้ แต่ว่าแผนการที่เอาแต่ ใจของพวกมันถือว่าผิดพลาดแล้ว เพราะ มีข้าอยู่ทั้งคน พวกมันจะกล้าหรือ?”

อันหลิงหยุนขอลาออกมา พอออกมา จากวังฮัวหยางได้นางก็ถอนหายใจออก มา แบบนี้กงชิงวี่ก็คงออกมาได้เร็วขึ้นอีก หน่อยแล้ว

ไทเฮาโกรธเกรี้ยวเพราะเรื่องของอ๋อง ตวนไปรอบหนึ่ง ส่วนฮัวไท่เฟยก็ต้อง เป็นอีกรอบอยู่แล้ว

ถ้าเป็นอย่างนี้ขึ้นมา ทั้งสองพระองค์ แสดงฤทธิ์เดชออกมาขนาดนั้น ต่อให้ พวกราชวงศ์จะอยากจัดการกงชิงวี่ยัง กระไรก็ต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนแล้ว

อันหลิงหยุนลองตรวจสอบดูแล้วว่าคน ที่อยู่ในวังฮัวหยางไม่เหมือนคนที่จะ ทำร้ายฮ่องเต้ได้ถึงแม้ฮัวไท่เฟยจะเป็น คนใจดำไปบ้าง แต่หลังจากผ่านการ ตรวจสอบแล้วนางเองก็น่าจะยืนอยู่ในฝั่ง ของฮ่องเต้เหมือนกัน

หลังออกจากวัง หยาง อันหลิงหยุ นก็ได้ไปเดินสำรวจอีกหลายๆ ที่ คนในวัง ส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้พบเจอฮ่องเต้เลย ยิ่งไม่มีเหตุผลอันใดที่พวกเขาต้องไป รวมหัวกันเลย

อันหลิงหลุนเดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงวัง จึงชิ่ว นางเดินวนอยู่ด้านนอกของวังจึง วอยู่พักหนึ่ง วังจิ่งซิ่วตอนนี้ไม่มีเงาคนอยู่ เลย ประตูถูกปิดเอาไว้สนิท แม้แต่ทหาร ยามยังไม่มีเลย

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว อันหลิงหยุนถือ โอกาสตอนที่ยังพอมองเห็นอยู่เปิดประตู ของวังจิ่งซิ่วออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน

บนพื้นของวังจึงชั่วนั้นค่อนข้างรกร้าง เดิมทีที่ลานกว้างเคยเต็มไปด้วยดอกไม้

เป็นเวลานานมากที่ไม่ได้มีการดูแล ตอนนี้ดอกไม่ได้ตายไปหมดแล้ว

ใบไม้แห้งร่วงเต็มพื้น ล้วนแล้วแต่เป็น ใบของดอกไม้ทั้งนั้น พอลมพัดมาก็เดิน ลมหมุนขึ้นมาแล้วก็สลายไป ด้วย บรรยากาศพลบค่ำแบบนี้ยิ่งทำให้มันดู ลึกลับเข้าไปอีก อันหลิงหยุนมองตามเข้าไปในวังจิ่งซิ่ว แล้วนึกถึงจุนเชียวเชียวผู้โชคร้ายคนนั้น

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะราชวังกับฝีมือของจุน ฉูฉูหรือเปล่า เพราะตั้งแต่เข้าวังมาจุน เชียวเชียวก็ไม่เคยมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลย

ลูกยังไม่ทันได้เกิดเลยก็ถูกกำหนด ชะตากรรมแล้ว นี่ก็ถือว่าโชคร้ายแล้ว

เพราะจุนฉูฉูนางยังถูกลดขั้นจากกุ้ยเฟ ยลงไปเป็นตำแหน่งผินอีก จะโชคร้ายอัน ใดขนาดนั้น

หลังเดินออกจากวังจิ่งซิ่ว ฟ้าก็ได้มืด แล้ว อันหลิงหยุนถึงได้ยอมกลับไปสักที

ในตอนที่เดินผ่านวังสวยหัวนางก็เห็นสู้ จิ่นเดินผ่านหน้าประตูไป อันหลิงหยุนจึง ได้หยุดลงมายืนมองอยู่พักหนึ่ง

แล้วนึกถึงเรื่องที่ฮองเฮากับเซียวผิน เกือบจะแท้งลูกพร้อมๆ กัน

ถ้าเกิดว่านางไม่สามารถคาดการได้ว่า ใครบ้างที่จะเข้าใกล้ฮองเฮาได้ แต่การที่ มีหญ้าฝรั่นไปปรากฏอยู่บนที่นอนของจุน เซียวเซียวนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะกลิ่นของหญ้าฝรั่นนั้นแรงมาก ไม่มี ทางที่จะไม่ได้กลิ่นเลย

อันหลิงหยุนพยายามนึกคิด รู้สึกว่า คนๆ นี้จะชื่อ สู้จิ่น

พอมองดูพักหนึ่งนางก็ตัดสินใจเดิน เข้าไปในวังสวยหัว

พอเดินเข้าไปก็เห็นว่ามีนางในคนหนึ่ง กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าประตู เมื่อ เห็นอันหลิงหยุนเดินมานางก็รีบวาง ไม้กวาดลง มองดูอันหลิงหยุนที่ก้าวเท้า มาอย่างไว เขารีบคุกเข่าลงเอามือวางไว้ ใต้เอวแล้วคำนับให้อันหลิงหยุน “ถวาย บังคมพระชายาเสียนเพคะ”

อันหลิงหยุนมองเข้าไปข้างใน “ลุกขึ้น ข้ามาเพื่อต้องการพบ พระนางเซียว พระนางอยู่หรือไม่?”

ก่อนหน้านี้อันหลิงหยุนเจอมาที่นี่แล้ว ดังนั้นคนที่นี่จึงรู้จักนางดี แต่ถ้าให้เทียบ กับวังจิงซิ่วในตอนนั้นแล้ว วังสวยหัวใน วันนี้ก็ดูตกต่ำลงไปมาก ในนี้มีนางใน เพียงแค่หกคน ช่างน่าสงสารจริงๆ

แต่ว่าจุนเซียวเซียวนั้นมีความอดทน มากกว่าจุนฉูฉูเป็นไหนๆ ไม่เห็นว่านางจะ แสดงความไม่พอใจออกมาตรงไหนเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ