บทที่ 168 บริจาคเงิน
“เสด็จป้าใหญ่มาหรือ?” กงชิงที่เข้ามาแล้วเห็นอัน หลิงหยุน มองนางอย่างอ่อนโยนแล้วมุ่งเดินไปหาองค์ หญิงใหญ่
อันหลิงหยุนลุกขึ้นถอนสายบัว กินชงวี่เดินผ่าน นางไปกล่าวทักทายองค์หญิงใหญ่
“วี่เอ่อน้อมทักทายเสด็จป้าใหญ่” กงชิงไหว้คำนับ
องค์หญิงใหญ่ลังเลสักพักแล้วโบกมือให้
“ลุกขึ้นเถิด”
กงชิงวี่ยืนตรง มองไปที่อาหารบนโต๊ะสีหน้าแย่ลง ทันที: “เสด็จป้าใหญ่มา ทำไมทำสิ่งนี้? เสด็จ
ป้าใหญ่นานปีที่หนจะมาครั้งหนึ่ง ควรนำอาหารที่ ดีที่สุดในจวนไปให้เสด็จป้าใหญ่ได้ทาน ข้าไม่อยู่ แม้แต่การต้อนรับแขกก็ลืมแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านอ๋อง ในบ้านไม่มีสิ่งอื่นแล้ว สิ่งนี้พระชายา เป็นผู้จัดเตรียม ถูกองค์หญิงใหญ่เห็นเข้าแล้วพ่ะย่ะ ค่ะ” พ่อหน้าเดินขึ้นหน้าอธิบาย ไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิด กงชิงที่ไม่พอใจ: “อย่างนั้นก็ไม่เสวยสิ่งนี้ เปลี่ยน
มา”
“พอแล้ว อย่าวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาข้าอีกเลย พวกเจ้าสองสามีภรรยาใช้ไม่ได้เหมือนกันเลย วันนี้ข้า มาถูกเวลาจริงๆ และถือว่าได้เห็นถึงตัวตนของพวกเจ้าสองสามีภรรยา
ให้พวกเจ้าหยอกล้อเช่นนี้ คิดว่าข้าถูกพวกเจ้า หลอกแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ โจจงเจิ้น”
องค์หญิงใหญ่พูดจบ โจจงเจิ้นเข้ามาจากข้างนอก เมื่อพบกงชิงวี่และอันหลิงหยุนก็มองไปด้วยสายตาที่ โกรธเคือง หันไปรายงานต่อองค์หญิงใหญ่
“เมื่อครู่ข้าน้อยอยู่ข้างนอกพบคนในวนไปบอกกับ อ๋องเสียน พูดอันใดบางอย่าง อ๋องเสียนก็เข้ามา ข้า น้อยไปสำรวจที่อื่น น้ำที่ใช้แล้วของพวกเขายังดีกว่า อาหารที่นี่ ไม่รู้ว่าอาหารบนโต๊ะนี้มาจากที่ใดพ่ะย่ะ
ค่ะ?”
เว่ยหลิงชวนพูดจบก็หลบไปอีกฝั่ง องค์หญิงใหญ่ ถามอันหลิงหยุนและกงชิงวี่ “กระไรกัน? สบายอก สบายใจแล้วใช่หรือไม่?”
อันหลิงหยุดปัดเสื้อผ้า ถูกจับได้แล้ว และไม่ ปกปิดเลยแล้วกัน แต่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา: “แล้วกระไรเพคะ? หม่อมฉันแค่ล้อเล่นกับเสด็จป้า ใหญ่เพคะ”
อันหลิงหยุนเดินไปแล้วนั่งลง สีหน้าประมาณว่าข้า ไม่กลัวเจ้า
องค์หญิงใหญ่มองไป: “บังอาจ!”
กงชิงวี่เลิกคิ้ว: “เสด็จป้าใหญ่ หยุนหยุนขี้ขลาด อย่าทำให้นางตกใจ กลางคืนฝันนางจะร้องไห้โวยวายหม่อมฉันยังต้องคอยปลอบนางอีกพ่ะค่ะ”
“หี เจ้าหุบปากเดี่ยวนี้ อย่างนางขี้ขลาด ถ้านาง ขลาดคงไม่กล้ามั่วซั่วไม่คำนึงถึงความจริงต่อ หน้าข้า คนที่ขี้ขลาดคือข้า ดีไม่ถูกพระชายาเจ้าทำให้ ตกใจตาย!” องค์หญิงใหญ่ชำเลืองมองกงชิงวี่อย่าง โกรธเคือง
“เจ้า….ลืมไปแล้วหรือตอนเจ้ายังเด็กข้าเป็นคน ดูแลเจ้า เจ้ากระทำความผิดข้าก็คอยจัดการให้เจ้า วัน นี้เป็นกระไร เอาแต่หลบข้า ใช่หรือไม่?” ใหญ่ บ่นและชี้ไปที่กงชิง
อันหลิงหยุนจ้องมอง กงชิงวี่กล่าว: “ไม่ใช่หม่อม ฉันไม่ไป แต่ที่ต้าจงเจิ้งย่วน ไปบ่อยแสวยไปก็เป็นที่ ติฉินนินทาจากผู้อื่น จึงไม่ไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ต่อให้เจ้าทลายสวรรค์ ข้าก็ไม่เชื่อเจ้า”
“อย่างนั้นไม่พูดดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
กงชิงวี่ก็ไปนั่งลง ขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วกัดไป คำหนึ่ง เสวยอย่างหน้าบูดหน้าดูอันหลิงหยุนด้วย สายตาไม่พอใจ: “สิ่งนี้ไม่อร่อย ต่อจากนี้พระชายา ห้ามเสวยอีก”
“ก็ไม่ได้เสวยมากเท่าไร แค่ชิ้นเดียว” อันหลิงหยุน ดื่มซุปข้าวโพดไปเล็กน้อย
องค์หญิงใหญ่มองทั้งสอง จึงกล่าวขึ้น: “เรื่องใน จวนอ๋องตวนข้าไม่อยากยุ่ง แต่ในเมื่อข้าเห็นแล้ว ไม่มีหลักฐาน ข้าไม่มีวันปล่อยไว้แน่ ตามกฎของข้า จะถูก สอบสวนภายในเจ็ดวัน พวกเจ้ามีเวลาไม่มาก รีบตรวจ
สอบเถิด”
สำหรับเจ้า?”
องค์หญิงใหญ่มองไปที่กงชิง วี่”เจ้าขาดแคลนเงิน อย่างนั้นหรือ?”
“เสด็จป้าใหญ่ ตูฟางจุนต้องใช้เงินจริงๆ กองคลัง ของประเทศมีงบจำกัด ต้องเก็บไว้ส่วนหนึ่ง แม้ว่าภาษี ต่อไปจะเก็บล่วงหน้าของปีหน้าในปีนี้ แต่ก็ยังคงอีก
นาน
และหลายปีมานี้ ประเทศต้าเหลียงปลอดภาษีมา โดยตลอด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากในการระดมทุน ครั้งนี้พ่ะยะค่ะ”
“อย่างนั้นก็เริ่มจากราชวงศ์ วันๆ เอาแต่อยู่เฉย เสวยดื่มเที่ยวเล่นสนุกสนานเก่งกว่าใครๆ ยากที่จะใช้ ประโยชน์จากพวกเขาได้ ไม่ใช้ก็ศูนย์เปล่า
ในอนาคตหากพวกเขาตายเร็วเมื่อไปพบ
บรรพบุรุษ จะได้มีคำประจบสอพลอ นับว่าไม่ได้เกิดมา ไร้ซึ่งประโยชน์ในประเทศต้าเหลียง
อันหลิงหยุนชอบองค์หญิงใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ สิ่ง ที่พูดออกไปนางชอบฟัง
คำสาปแช่งนั้นเป็นคำพูดที่ชอบธรรมมาก! องค์หญิงใหญ่ลุกขึ้น เหลือบมองเว่ยหลิงชวน:”คืนนี้เจ้าไปส่งสารหนึ่ง บอกว่าตูฟางจู้นขาดแคลนเงิน ต้องการระดมเงิน ข้าบริจาคห้าหมื่นตำลึง”
“เสด็จป้าใหญ่….กงชิงวี่ลุกขึ้น ยังสัมผัสได้ถึง ความซาบซึ้งใจ
องค์หญิงใหญ่มองกงชิงวี่”เจ้าเกรงใจ ข้านี่แหละ จะไม่เกรงใจ ผู้ใดไม่บริจาคเงิน ข้าจะให้ผู้นั้นอยู่ที่ต้า จงเจิ้งย่วน แต่ละคนคิดว่าผู้ใดสุจริต ข้าไม่จัดการพวก เขาก็หมายความว่าเขาสุจริตแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“แต่หลายปีมานี้เงินของเสด็จป้ามีไม่มาก ใน เรือน…”
“นั่นก็เรื่องของข้า จัดการเรื่องของเจ้าอย่าง สบายใจ ครั้งนี้ถือว่าเงินเป็นของขวัญสำหรับการ พบปะกับหยุนหยุนแล้วกัน จวนของพวกเจ้าก็อย่านิ่ง เฉย ข้าจะเริ่มลงมือจากพวกเจ้าก็แล้วกัน ข้าบริจาคห้า หมื่นตำลึง พวกเจ้าบริจาคเท่าไร?”
กงชิงวี่เหลือบมองอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนกล่าว: “เดิมทีเงินในจวนอ๋่องเสียไม่ขาดสน แต่หลังจากหม่อม ฉันดูแลจัดการจวนอ๋องเสียน เพิ่มเงินเดือนให้กับคน รับใช้ทุกคน ที่เห็นๆ เงินก็มีอยู่ แต่ก็ไม่มาก พวกเรา จวนอ๋องเสียนบริจาคไปก่อนห้าหมื่นตำลึง หากระหว่าง นี้ก็ยังไม่พอ หม่อมฉันจะเพิ่มไปอีกห้าหมื่นตำลึงเพคะ”
กงชิงวี่ขมวดคิ้ว: “เงินสดมาจากไหนเยอะขนาด
นั้น?”‘
“หม่อมฉันคิดแล้ว เงินเป็นของมีค่า แต่เงินของ ท่านอ่องมีไม่มาก อาศัยของบรรณาการที่ได้รับมา ก็ไม่ สามารถแลกเงินได้ แต่ก็จะนิ่งดูดายตลอดไปไม่ได้ ดัง นั้นจึงคิดว่าจะดูร้านค้าหลายๆ ร้าน ทำธุรกิจ
หม่อมฉันคิดไว้แล้วว่าจะทำธุรกิจอันใด ดังนั้นให้ เวลาหม่อมฉัน เงินห้าหมื่นตำลึงไม่เป็นปัญหาเพคะ” อันหลิงหยุนกล่าวอย่างประหลาด
สีหน้ากงชิงวี่แย่ลงเล็กน้อย: “เจ้าอย่าพูดโอ้อวด ใหญ่โตแล้วทำไม่ได้ ข้าอายที่จะต้องหายืมเงินมาให้ เจ้า”
“ไม่ต้องเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันสามารถหาให้ เพียงพอสำหรับห้าหมื่นตำลึงที่เหลือได้อย่างแน่นอน
เพคะ”
” กงชิงวี่กำลังจะพูดบางอย่าง องค์หญิงใหญ่
ขัดขวางเขา
“พอแล้วไม่ต้องพูดแล้ว ข้ายังต้องกลับไป แค่ห้า หมื่นตำลึง ไม่มาก ข้านำออกมาได้หากเจ้านำออกมา ไม่ได้ ข้าจึงจะดูถูกเจ้า ข้ากลับไประดมเงินทุนก่อน พวกเจ้ารอข้ากลับไปแล้วค่อยเถียงกัน ให้ดีก็ตีกันจน เลือดตกยางออกไปเลย”
….” อันหลิงหยุนเงียบ คนอันใดกัน เห็นคนอื่นมี ความสุขไม่ได้เลยใช่หรือไม่?
องค์หญิงใหญ่พูดจบก็จากไปก่อน อันหลิงหยุนอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาขณะที่เฝ้าดูองค์หญิงใหญ่จาก
ไป
กงชิงวีกงบีบจมูกของอันหลิงหยุนด้วยความโกรธ “ดูเจ้าจะไปหาเงินจากที่ใด”
อันหลิงหยุนออกไปส่งองค์หญิงใหญ่ ไม่สนใจกง ชิงว่
กระทั่งองค์หญิงขึ้นม้าและจากไป ถอนหายใจ และหันไปไปมองกงชิงวี่: “ท่านอ๋อง เรากลับไปดูมีเงิน เหลือเท่าไร เตรียมออกมาก่อนเพคะ”
“ตอนนี้นึกถึงเรื่องเงินมาแล้วสิ เมื่อครู่ข้าเห็นพระ ชายาเป็นเช่นนั้น ก็คิดว่ามีเสียอีก”
“จวนอ๋องเสียนเงินไม่มาก ดังนั้นจึงต้องนับ พ่อ บ้าน เจ้าไปนับหน่อย ดูว่าเหลือเงินเท่าไร?”
“พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเสียดาย เงินห้าหมื่นตำลึง
ไม่ใช่ห้าพันตำลึง พระชายานี่คือการทำให้ล้มละลาย! พ่อบ้านจากไปอันหลิงหยุนหันไปที่ประตูของจวน อ๋องเสียน พากงชิงที่ไปที่จวนแม่ทัพ
“ดึกเพียงนี้ยังจะไปที่บ้านพ่อตาทำไม?” กงชิงวี่ เดินอยู่บนถนน จูงมืออันหลิงหยุนถามนาง
“กลับไปปรึกษาเรื่องเงินกับท่านพ่อเพคะ จวน แม่ทัพไม่ได้ดีกว่าจวนอ๋องเสียนของพวกเรา เงินไม่ มาก ถามดูว่าจะบริจาคเท่าไรเพคะ” ความจริงแล้วอัน
หลิงหยุนยังอยากรู้ เรื่องของแม่ทัพอันกับองค์หญิงใหญ่
“เงินของจวนแม่ทัพมีมากว่าของพวกเราทุกครั้งที่ ข้าได้ก็ล้วนเป็นสิ่งของบรรณาการ แต่แม่ทัพอันได้รับ รางวัลส่วนมากแล้วล้วนเป็นเงิน แม้จะไม่มีเงินสดห้า หมื่นตำลึง ก็น่าจะมีสามหมื่นตำลึง” กงชิงวี่เสมือนกับผู้ เชี่ยวชาญ
อันหลิงหยุนมองเขา: “อย่างนั้นท่านอ๋องพูดให้ฟัง ในจวนอื่นๆ จะสามารถบริจาคเงินได้เท่าไร?”
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้ แต่ห้าหมื่นตำลึงสำหรับเสด็จป้า ใหญ่มากแสวยไปบ้าง สำหรับพวกเขาก็ไม่มาก เงิน ของจวนอ๋องตวนมีมากที่สุด พวกเขามีธุรกิจภายใน มากมาย แม้ว่าอ๋องตวนจะไม่อยู่รับใช้ในราชสำนัก แต่ ธุรกิจของอ๋องตวนก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ห้าหมื่นตำลึง เอาออกมาได้อยู่แล้ว”
บนถนน กงชิงวี่อธิบายสถานการณ์ของ แต่ละตระกูล อันหลิงหยุนก็ต้องอารมณ์ดีอย่างแน่นอน
เรื่องเงินจัดการเรียบร้อยแล้ว นางทำคดีก็มีคน
คอยเคียงข้างแล้ว
เมื่อถึงจวนแม่ทัพอันหลิงหยุนไปพบแม่ทัพอัน ถามเรื่องเงิน ใบหน้าแม่ทัพอันเต็มไปด้วยความเศร้า เงินในจวนมีเท่าไรเขาก็ไม่ค่อยรู้จริงๆ ดังนั้นจึงเรียก พ่อบ้านมาถาม และรู้หลังจากถาม เงินบ้านแม่ทัพอัน เหลือสามหมื่นกว่าตำลึง
อันหลิงหยุดเหลือบมองไปที่กงชิง อี่ซึ่งนั่งอยู่บน เก้าอี้ตรงข้ามอย่างมั่นคงเช่นไท่ชานที่ดื่มชาอย่างสง่า งาม เขาพูดถูกจริงๆ
“แล้วท่านพ่อคิดว่าจะบริจาคเท่าไร?” อันหลิงหยุน คิดว่าอย่างน้อยก็ต้องสองหมื่นตำลึง แม่ทัพแม้ว่าจะ ไม่มีเงินก็ต้องบริจาค มิฉะนั้นคนเบื้องล่างก็จะคิดว่า เขาไม่บริจาค
“หยุนหยุน พวกเจ้าเท่าไร?” แม่ทัพอันปกติดู เหมือนสะเพร่า แต่ครั้งนี้ชัดเจนมาก
อันหลิงหยุนกล่าว: “เงินของจวนอ๋องเสียนมีมาก
ห้าหมื่น”
“อืม เป็นอ่อง ห้าหมื่นถือว่าไม่มาก แต่ก็ห้ามมากไป กว่าองค์หญิงใหญ่ กระไรก็ตามนางเป็นผู้ริเริ่มการ ระดมทุนครั้งนี้ เอาอย่างนี้ พวกเราจวนแม่ทัพก็บริจาค ห้าหมื่นตำลึง” แม่ทัพอันพูดประโยคนี้ออกมา อันหลิง หยุนตะลึง เป็นเววังานกว่าจะตอบสนอง
“ท่านพ่อ ท่านไม่มีเงิน ท่านใช้อันใดบริจาค จวน อ๋องเสียนก็ไม่มีแล้ว” ในความหมายของคำพูดอันหลิง หยุนคือหากจะยืมจวนอ่องเสียนตอนนี้ก็ยังไม่มี
แม่ทัพอันกล่าว: “พ่อจะให้เจ้าไปเอาเงินจากบ้าน สามีได้กระไร พ่อมีวิธีของตนเอง”
พูดจบแม่ทัพอันมองพ่อบ้านแล้วออกคำสั่ง: “ไป เรียกแม่ทัพฉาว แม่ทัพรอง และกุนซือมาโดยด่วน บอกว่าข้าต้องบริจาคเงินห้าหมื่นตำลึงเพื่อตูฟางจู้น ตอนนี้ มีเงินไม่มากนัก ยืมพวกเขาเล็กน้อยก่อน ในอนาคตข้า ได้รับเงินรางวัลจากฮ่องเต้แล้ว ค่อยส่งคืนให้พวกเขา”
“ขอรับ” พ่อบ้านรีบไปดำเนินการ อันหลิงหยุนจึง สบายใจ พ่อนางมีปัญญาจริงๆ ดูสับสนมึนงง แต่ใน ความเป็นจริงเขาไม่สับสนเลย
“ท่านพ่อในเมื่อท่านมีเงิน อย่างนั้นพวกเราขอตัว กลับก่อนแล้ว”
“ไปเถิด พ่อไปดูเรื่องของเงิน” แม่ทัพอันไม่มีเวลา สนใจอันหลิงหยุนคิดว่าส่งออกไปแล้วก็พอไป
อันหลิงหยุนเดินไปถึงตรงหน้าประตูจวนแม่ทัพ แล้วถามแม่ทัพอันเบาๆ : “ท่านพ่อ ข้าเห็นว่าความรู้สึก ที่องค์หญิงใหญ่มีต่อท่านพ่อไม่เลว ท่านกับองค์หญิง ใหญ่..”
“เหลวไหล รีบกลับไปเถิด พ่อจะไประดมเงินแล้ว” ใบหน้าแก่ของแม่ทัพอันแดงระเรื่อ อันหลังแล้วเดิน จากไป
อันหลิงหยุนยืนอยู่ที่ประตูด้วยความสงสัย นี่เกิด อันใดขึ้น
กงชิงวีดึงอันหลิงหยุนออกไป เดินไปพร้อมกับ ถามขึ้น: “หยุนหยุนสงสัยขนาดเลยหรือ?”
“ท่านอ่องได้ยินหรือเพคะ?” อันหลิงหยุนนับถือ จริงๆ หูกงชิงที่ใช้งานได้ดีจริงๆ นางเสียงเบาขนาดนี้ยังได้ยิน
“ความคิดของพระชายานั้น ข้าแค่ดูแววตาก็ดู ออก” กงชิงวี่ตบหน้าอันหลิงหยุนเบาๆ
อันหลิงหยุนสงสัย: “ก็แค่สงสัยเพคะ” “ข้าก็พอรู้อยู่บ้าง ทำไมไม่เห็นพระชายาถามข้า?” กงชิงวี่บ่นด้วยรอยยิ้ม อันหลิงหยุนก็ทำท่าทางอ่อ
“หม่อมฉันตั้งใจฟังให้ดี”
กงชิงวี่มองอันหลิงหยุนอย่างไม่สบอารมณ์ บน ถนนไม่มีผู้คน ทั้งสองเดินไปกงชิงวี่ก็พูดไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ