บทที่ 128 ความเชื่อมั่นของอาจารย์ไป
เมื่อลู่เสี้ยงหยางได้ยินประโยค เขายังคงความนิ่งเฉย รับ ประทานอาหารตรงหน้าอย่างไม่แยแส
เจี่ยงตงเก่อเห็นทีท่าของลู่เสี้ยงหยาง ไฟโกรธชายหนุ่ม ปะทุขึ้นทันที เขาถลึงตาโตใส่ลู่เสี้ยงหยางพร้อมตวาดเสียง ดังลั่น “ไอ้ลูกหมา ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง? ใสหัวไปซะ ที่ ตรงนี้ สละให้ฉัน”
บนโต๊ะอาหาร มีเพียงลู่เสี้ยงหยางเท่านั้นที่แต่งกาย ธรรมดาที่สุด เขาจึงถูกเจียงตงเกอเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็น เพียงไอ้ขี้แพ้ที่ไร้หนทางสู้
คู่เสี้ยงหยางเริ่มไม่สบอารมณ์ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหา กันเป็นโบว์ ก่อนเหลือบมองเจี่ยงดงเก๋อ “เมื่อกี้คุณพูดกับผม หรือ?”
เจี่ยงตังเก๋หัวเราะอย่างเย็นชา : “เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว แก จะใสหัวไปเอง หรือจะรอให้คนของฉันโยนแกออกไป”
จบประโยค เหล่าบอดี้การ์ดของเขาหลายคนต่างออกตัว จับจ้องลู่เสี้ยงหยางด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
สู่เสี้ยงหยางสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ต้องการต่อกรกับพวก
ไร้สมอง ไม่ได้หมายความว่าพวกไร้สมองจะสามารถเหยียบหัวเขาใด้
เหล่าบอดี้การ์ดที่มีหลินยงเป็นหัวหน้าทีม ต่างดีใจกันจน เก็บอาการไม่อยู่ เพราะผู้เลี้ยงหยาง พวกเขาถึงใต้ขายขี้หน้า หากวันนี้เจี่ยงดงเก่อสามารถจัดการกับผู้เลี้ยงหยางใต้ เป็นดี ที่สุด
“บ้าเอ้ย ไอ้ไก่อ่อน ฉันเอาแกตายแน่ ” เจี่ยงดงเก๋อไม่ พอใจเป็นอย่างมาก ภายในเจียงหนิงเขาเปรียบเสมือนเจ้า ชายที่ไม่มีใครกล้าต่อต้าน เมื่อไหร่กันที่ไอ้กระจอกจะขัดใจ เขาได้?
หากไม่เห็นว่าลู่เสี้ยงหยางนั่งโต๊ะเดียวกันกับคุณช่างกวน เขาสั่งให้ลูกน้องของเขาจัดการลู่เสี้ยงหยางไปนานแล้ว
คิดได้ดังนั้น เขาส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ตร่างกำยำข้าง
หลัง
แต่ในขณะนี้เอง ช่างกวนหวั่นหวั่นเอ่ยขึ้น “คุณเจี่ยง ฉันว่า คุณไม่พอใจอะไรฉันรึป่าว? คืนนี้ถึงได้ใช้อารมณ์ขนาดนี้ ให้ ฉันโทรหาพ่อคุณดีไหม ให้เขามาช่วยดับอารมณ์คุณ”
ได้ยินประโยค เจียงตงเกอเผยรอยยิ้มอย่านอบน้อมทันที พร้อมส่ายหน้ารัว “ที่ไหนกัน คุณช่างกวน ผมแค่ล้อเล่นกับพี่ ชายคนนี้เท่านั้นเอง คุณช่างกวนอย่าใด้ใส่ใจไปเลย”
แม้ใบหน้าจะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับโมโหจนแทบควบคุมไม่อยู่ ยังไงซะเขาก็เป็นผู้มีอำนาจในเจียงหนึ่ง แต่เมื่อครู่เมื่อช่างกวนหวั่นหวั่นเห็นเขา กลับใร้ความ นอบน้อมต่อเขา สิ่งนี้เขาไม่พอใจนัก จึงคิดที่จะใช้คนของ ช่างกวนหวั่นหวั่นเป็นกระสอบทราย เพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ของ ตน
ช่างกวนหวั่นหวั่นส่งเสียงอย่างเย็นชา “หวังว่าจะเป็น อย่างที่คุณเจี่ยงว่าจริงๆ นี่เป็นเพียงการล้อเล่น นอกเหนือ จากนี้คุณเจียงมาที่นี่ดีกดตื่น คงไม่ใช่เพียงเพื่อมื้อค่ำหลอก สินะ?”
ครั้งนี้ ช่างกวนหวั่นหวั่นเดินทางมาที่วัดชิงหลง เป็นความ ลับทั้งสิ้น เธอไม่ต้องการให้มีคนนอกยุ่งเกี่ยว แต่นายเจี่ยง ตงเก้อกลับบุกมาที่นี่อย่างไร้มารยาท เธอย่อมไม่พอใจเป็น ธรรมดา
แถมที่ท่าเอาเรื่องลู่เสี้ยงหยางเมื่อครู่นี้อีก สำหรับเธอแล้ว ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ เธอไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขาอีกต่อ ไป
เจียงตงเก่อเผยสีหน้าลำบากใจ ก่อนยิ้มกลบเกลื่อน “คุณ ช่างกวน ผมได้ข่าวว่าคุณเดินทางมาที่เจียงหนิงในครั้งนี้ มี ธุระสำคัญ ผมเลยพาลูกน้องมาเพื่อช่วยคุณอีกแรง”
“อึม ขอบใจ” ช่างกวนหวั่นหวั่นยังคงความเย็นชาตั่งเดิม อันที่จริงเธออยากไล่เจี่ยงตงเก๋อกลับไป แต่เมื่อไตรตรองตูแล้วหากเธอทำเช่นนั้นเจียงตงเก๋อคงไม่พอใจเอาได้ หากเขา แพร่ข่าวการเดินทางของเธอออกไป จะเป็นการทำลายธุระ สำคัญของตระกูลเธอเอาได้ เธอจึงทำได้เพียงให้เขาอยู่ต่อ ไป
“ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไร ได้ร่วมเดินทางกับคุณช่างกวน เป็นเกียรติของผม” เจี่ยงตงเก่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ไม่เอ่ยใดๆต่อ ในเวลานี้พนักงานสาวได้นำเก้าอี้มาเพิ่ม
อีกที่ เกี่ยวตงเกอนั่งลงกับที่
เจี่ยงตงเก่อรู้ตัวดีว่าตนไม่ได้รับการต้อนรับ เขาจึง ต้องการทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจาก ช่างกวนหวั่นหวั่น
เขาแนะนำชายฉกรรจ์ให้กับเธอ “คุณช่างกวน เขาเป็นมือ ฝ่ายของพ่อผม อาจารย์ไปฉี เขาฝีมือดีเป็นอันดับหนึ่งของที่ นี่ การเดินทางในครั้งนี้มีเขาไปด้วย เขาจะปกป้องคุณช่าง กวนให้ปลอดภัยจงได้”
ช่างกวนหวั่นหวั่นพยักหน้ารับ พร้อมจับจ้องไปทางเจี่ยง ตงเก๋อ “รบกวนคุณเจียงเกินไปแล้ว หากคราวนี้ ฉันสามารถ สำเร็จภารกิจได้อย่างปลอดภัย ฉันจะบอกกับที่บ้านว่านี่เป็น ความดีความชอบของคุณ”
เจี่ยงตังเก๋ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ เขาพยักหน้ารัว เสมือนตุ๊กตาหน้ารถ หากครั้งนี้ตระกูลเขาได้รับความไว้วางใจจากตระกูลช่างกวน ตระกูลเขาก็ไม่ต้องอยู่แต่ในเมือง เล็กนี้อีกต่อไป
หลินยงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณเจี่ยงมีความตั้งใจเช่นนี้ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ผมไม่มั่นใจ ความสามารถของ อาจารย์ไปฉีเป็นอย่างไร?”
เจี่ยงตงเก่อกล่าวตอบอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ คุณช่าง กวนต้องพอใจอย่างแน่นอน”
จบคำ เขาเหลือบไปทางอาจารย์ไปจี
ไปฉีพยักหน้าอย่างรู้งาน เขายกเท้าข้างขวาขึ้น ก่อนวาง เท้ากลับลงที่เดิม
ทุกคนต่างไม่เข้าใจการกระทำของเขา ต่างก้มหน้าลงมอง หาความผิดปกติ ก่อนที่ทุกคนจะนิ่งอึ้งไปตามๆกัน
พื้นที่ที่ไปฉีใช้เท้าข้างขวาแตะลงเมื่อครู่ เกิดรอยเท้าขึ้น
ขนาดใหญ่
“ให้ตาย แข็งแกร่งมาก” หลินยงอุทานเสียงดัง พร้อมจับ จ้องไปทางไปฉี ด้วยสายตาอันแน่วแน่
เขาสามารถเหยียบพื้นหินแข็งที่อจนเกิดรอยแตก หาก เหียบบนร่างของคน คงไต้ทะลุร่างแหงๆ
นี่มัน?
ช่างกวนหวั่นหวั่นตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่อยากเชื่อเลย ในเมืองเล็กนี่ จะมีคนแข็งแกร่งระดับนี้ซ่อนอยู่ บอดี้การ์ด ข้างกายของพ่อเขา ก็สามารถฝากรอยร้าวบนพื้นหินได้เช่น เดียวกัน
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยานิ่งอึ้งของทุกคน เจียงตง เก่อหัวเราะ ออกมา พร้อมเอ่ยอย่างได้ใจ “การเดินทางในครั้งนี้ ไม่ว่าจะ เจออุปสรรคอะไร ขอแค่มีอาจารย์ไปฉี ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ได้ด้วยดี”
“ไม่เลว” แขนทั้งสองข้างของไป่ฉีกอดอก แหงนหน้าขึ้น ด้วยที่ท่าโอหัง เสมือนว่าเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงหน้าล้วน เป็นเพียงขยะในสายตาเขา
หลินยงเผยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนมองไปทางไป๋ฉี สลับกับลู่ เสี้ยงหยาง “บังเอิญจังเลย คุณลู่เป็นบอดี้การ์ดมากฝีมือที่ คุณช่างกวนเจอที่เมืองปินเหอ เขามีความสามารถมากเช่น เดียวกัน เขาก็เอ่ยประโยคนี้ด้วยความมั่นใจในก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกัน เขาสามารถปกป้องคุณหนูของเราให้ แคล้วคลาดปลอดภัยได้”
ได้ยินประโยค ไปฉีจับจ้องไปทางลู่เสี้ยงหยาง พร้อม กวาดสายตามองจากหัวจรดเท้า ด้วยที่ท่าเหยียดหยาม สำหรับเขา ร่างผอมแห้งอย่างลู่เสี่ยงหยางไม่ต่างอะไร
จากไอ้กระจอก ขอแค่เขายอม เขาสามารถประลองกับลู่เสี้ยงหยางได้ทุกเมื่อ
“เดอะ ปินเหอนำมาเทียบชั้นได้อย่างไร? คิดว่ามีความสา มารถเล็กๆน้อยจะอ้างว่ามีฝีมือเก่งกาจ ตลกสิ้นดี ชาฮาช่า ไปจีหัวเราะเสียงดังลั่น ด้วยความมั่นใจในความกระจอก
ของสู่เสี้ยงหยาง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ