บทที่ 125 นักบุญทั้งห้า
เมื่อลู่เสี้ยงหยางถึงตึกหูซิน ช่างกวนหวั่นหวั่นและเหล่าลูกน้อง ของเธอได้เตรียมตัวรอเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในบรรดาบอดี้การ์ดของช่างกวนหวั่นหวั่นมีหลินยงเป็น หัวหน้า ทุกคนจับจ้องลู่เสี้ยงหยาง ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หลายวันก่อน ลู่เสี้ยงหยางผ่านการทดสอบของช่างกวนหวั่น
หวั่น ได้เป็นบอดี้การ์ดของช่างกวนหวั่นหวั่นอย่างง่ายดาย เขา ได้แสดงฝีมือที่เก่งกาจ สยบพวกเขาทั้งหมด ไม่ไว้หน้าแม้แต่ น้อย
หลังจบการทดสอบพวกเขาถูกช่างกวนหวั่นหวั่นเอ็ดอย่าง หนัก ทำให้พวกเขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก
พวกเขาจึงเอาความผิดพลาดทั้งหมดนี้ลงที่ลู่เสี้ยงหยาง ใน ผู้ ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้เห็นลู่เสี้ยงหยาง จึงไม่พอใจเท่าใดนัก
ผิดกับช่างกวนหวั่นหวั่นที่ได้พบกับลู่เสี้ยงหยาง เธอให้เกียรติ เขาเป็นอย่างมาก : “คุณลู่ มาแล้วหรือ”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า พร้อมเอ่ยถาม “เราจะเริ่มเดินทางเมื่อ ไหร่?”
ช่างกวนหวั่นหวั่นให้คำตอบด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวนี้”
ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้ารับ
ช่างกวนหวั่นหวั่นขึ้นไปยังรถหรูพอร์เชอ ก่อนที่คนอื่นๆก้าวขึ้น
รถตามหลัง
ลู่เสี้ยงหยางเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของช่างกวนหวั่นหวั่น เขาจึงขึ้นรถหรูของเธอด้วยเช่นเดียวกัน
ไม่นานนัก เครื่องยนต์แล่นออกจากที่มุ่งไปยังจุดหมาย
ลู่เสี่ยงหยางได้รับข้อมูลจากพ่อของเขา เกี่ยวกับสถานที่ตั้ง ของวัดชิงหลงที่อยู่มณฑลซีเจียงในเมืองเจียงหนิง
มณฑลซีเจียงห่างจากเมืองปินเหอค่อนข้างไกลพอสมควร ต่อ ให้แล่นเครื่องยนต์ด้วยความเร็วสูง ไร้การขัดข้องใดๆ ก็ต้องใช้ เวลาในการเดินทางกว่าสองวันด้วยกัน
ขณะนี้ ลู่เสี่ยงหยางและทุกคนกำลังเร่งการเดินทาง
ตอนค่ำ พวกเขาเดินทางถึงมณฑลซีเจียงเป็นที่เรียบร้อย พวก เขาหยุดพักข้างทางครึ่งชั่วโมงก่อนเดินทางต่อ
เที่ยงคืน พวกเขาเดินทางทั้งวัน เพื่อเป็นการเก็บแรงสำหรับ วันต่อไป ช่างกวนหวั่นหวั่นหาโรงแรมสักที่พักผ่อนเป็นที่ เรียบร้อย
ในห้องลู่เสี้ยงหยาง ทันทีที่เขาทิ้งตัวลงบนเตียง เสียงเคาะ ประตูห้องดังขึ้น
เขายันกายลุกขึ้นจากเตียงเปิดประตูห้อง หญิงสาวแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้อง พร้อมจับจ้องลู่ เสี้ยงหยางอย่างหว่านเสน่ห์
“คุณคะ มีอะไรให้รับใช้ไหมคะ”
ในเวลาเดียวกัน เมืองปินเหอ ที่บ้านเย่สวน
เย่สวนเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อย บนเตียงอันแสนอ่อนนุ่ม
ในห้องที่ปิดหน้าต่างอย่างมิดชิด กลับมีสายลมแผ่วพัดผ่าน เกิดเงาดำเดินออกมาจากมุมมืด
เงาดำนี้เสมือนไม่มีอยู่จริง เสมือนว่าเธอฝันละเมอ แต่การ ปรากฏตัวของเขา ทั่วทั้งห้องกลับเย็นยะเยือกอย่างน่าประหลาด
เมื่อเงาดำปรากฏตัว เขายืนจ้องเย่สวนอยู่อย่างนั้น เขาโน้ม ตัวลงเพ่งพินิจเธออยู่นาน ก่อนเผยเสียงแหบแห้งออกมาให้ ได้ยิน : ตอนนี้ ห้าลัทธิใหญ่บังอาจไปกันใหญ่ ถึงเวลาแล้วที่เธอ จะกลับมา”
จบคำ เงาดำไม่เอ่ยๆ ใดๆอีก เขาค่อยๆยกมือขึ้น
เผยให้เห็นไอดำทะมึนลอยตัวกลางอากาศ หากมีใครที่ สามารถมองทะลุผ่านไอดำทะมึนนี้ จะต้องได้เห็นมือทั้งสองข้างที่ หนังแห้งติดกระดูกราวซากศพผิวหนังสีเหลืองห่อหุ้มกระดูก ดูน่า เกียจน่ากลัว
ไม่รู้แต่เมื่อไหร่ ที่ปรากฏกระดิ่งน้อยใหญ่เต็มฝ่ามืออัน เหี่ยวแห้ง พร้อมธงเรียกวิญญาณ
ฟุ้บฟับฟับ
กริ้งกริ้งกริ้ง
กระดิ่งและธงเรียกวิญญาณลอยตัวขึ้นเต้นระบำกลางอากาศ อย่างพร้อมเพรียงกัน บนธงเรียกวิญญาณเกิดไอควันสีดำแผ่ ซ่านไปทั่วบริเวณ ไอควันสีดำเหล่านั้นเสมือนเส้นผม ที่ห่อหุ้มร่าง เย่สวนเอาไว้
ไม่นานนัก ไอควันสีดำเหล่านั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ ร่างของเย่สวน
หลังกระดิ่งเต้นระบำจนถึงที่สุด จังหวะเสียงรวมตัวเป็นเส้น เดียว ทะลุเข้าสู่ใบหูของเย่สวน
ราวสิบนาที
สักครู่ เย่สวนที่หลับใหลอยู่ ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง
หญิงสาวที่เปล่งประกายสูญเสียรัศมี เธอแน่นิ่ง ไร้อารมณ์ เสมือนท่อนไม้ที่ไร้ความรู้สึกใดๆ
บนใบหน้า ภายใต้ผิวหนังที่แห้งกร้าน ปรากฏเส้นสายสีดำ ลอยบนอากาศ เสมือนเข็มที่ทิ่มทะลุผิวหนัง
ไม่นานนัก เส้นไหมสีดำรวมตัวกันบริเวณคิ้วของเธอ เกิดเป็นอักษรรางๆ ให้ได้เห็น มาร
เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เงาดำเผยเสียงหัวเราะอันแปลก ประหลาด “ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ไม่เสียแรงที่ข้าสั่งสอนดูแล เจ้ามากว่ายี่สิบปี”
จบคำ ธงเรียกวิญญาณและกระดิ่งลอยตัวขึ้นวนเวียนอยู่เหนือ หัวเย่สวน
ก่อนที่เงาดำจะยกแขนซ้ายขึ้นกรีดไปที่แขนขวา มือที่แห้งราว ซากศพเกิดรอยแผลขึ้น รอยแผลเป็นมีเลือดพุ่งเป็นสายออกมา ให้ได้เห็น เลือดสีแดงสดเสมือนสายฟ้าที่พุ่งไปยังกระดิ่งและธง
เรียกวิญญาณ
กระดิ่งและธงเรียกวิญญาณกลายเป็นสีแดงฉานทิ่มแทง สายตา เสมือนเพิ่งนำขึ้นมาจากบ่อเลือด
ก่อนปรากฏม่านเลือด ม่านเลือดเหล่านี้ หายไปในดวงตาที่ ว่างเปล่าของเย่สวน
“จงปรากฏ!”เงาดำตะโกนขึ้นเสียงดัง เขาบ่นพึมพำไม่รู้ ความ บทสวดโบราณมากมายหลุดออกจากปากเขา
ขณะเดียวกัน ในม่านเลือดเหล่านั้นปรากฏเงาร่างขึ้นมากมาย เงาร่างเหล่านั้นอยู่ตามม่านเลือด พร้อมขยับเคลื่อนกายแสดง ที่ท่าซับซ้อนอย่างรวดเร็ว เสมือนร่ำเรียนวิชาจากปรมาจารย์ชั้น
สูง
การแสดงต่อเนื่องเป็นเวลากว่าชั่วโมง ก่อนที่เงาร่างพวกนั้น เสมือนมีชีวิตขึ้นมา ต่อสู้กันเอง
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ม่านเลือดสั่นสะเทียน ราวแผ่น ดินไหวครั้งใหญ่ เกิดเสียงดังขึ้น
หลายนาทีผ่านไป ม่านเลือดต้านทานการต่อสู้ไม่ไหว ระเบิดออก กลายเป็นหยดเลือดมากมายหยดลงบนร่างเยสวน
ตัวอักษรมารบนคิ้วของเย่สวน ค่อยๆกลายเป็นสีแดงฉาน เสมือนเขียนด้วยเลือด
สายตาว่างเปล่าของเย่สวนในคราแรก กลับเต็มไปด้วยความ ดูดัน โหดร้าย มืดมน พลังแห่งความชั่วร้ายแผ่ซ่านออกจากร่าง
บาง เสมือนซาตานในร่างผู้หญิง เงาดำที่ยืนอยู่อีกทางหัวเราะเสียงดังลั่น พร้อมจับจ้องไปทาง เย่สวน “สักวัน ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นเจ้าแห่งลัทธิมารผู้อยู่
เหนือสิ่งอื่นใด เหอะ ถึงตอนนั้นห้าลัทธิใหญ่ก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”
ได้ยินประโยค เย่สวนไร้ปฏิกิริยาใดๆ มีเพียงความชั่วร้ายที่ แผ่ซ่านจากร่างบางหนักกว่าเก่า
“ฮ่าฮ่า” เงาดำหัวเราะอย่างชอบใจ พร้อมสะบัดข้อแขนไป
ทางเย่สวน “ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปฝึกวิชา หวังว่าเจ้าจะไม่ ทำให้ข้าผิดหวัง ไม่เช่นนั้น ข้าสร้างเจ้าได้ ข้าก็สามารถทำลาย เจ้าได้เช่นเดียวกัน”
ไม่ทันขาดคำ ไอดำทะมึนแผ่ซ่านเป็นวงกว้างขนาดใหญ่ พร้อมห่อหุ้มร่างเย่สวนเอาไว้
ฟิ้วฟิ้ว!
สายลมพัดผ่าน
เย่สวนและเงาดำหายไปจากห้องอย่างไร้ร่องรอย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ