ในห้วงแห่งรัก(NC+)

ตอนที่ 332 วางท่าทีลง



ตอนที่ 332 วางท่าทีลง

“นาย…….นายรู้ได้ยังไง ? ”

เป็นเวลานาน ปาลีถึงจะเรียกเสียงตัวเองให้ตอบกลับไป เสียงที่สั่นไหว ภายในใจตื่นตระหนกไปเรียบร้อยแล้ว

“จำวันที่ฉันสารภาพกับเธอวันนั้น เธอปฏิเสธคำพูดของ ฉัน คำพูดพวกนั้นมันแปลกประหลาดและทำให้คนคิดมาก เกินไป และฉันยังพบว่าทุกครั้งที่ขวัญชีวีปรากฏตัวนั้น เธอ ก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม และขวัญชีวีเองก็ยิ่งมากกว่าเดิม ฉันไม่รู้ว่าระหว่างพวกเธอสองคนนั้นมันมีความไม่พอใจกัน อะไรกันแน่ ฉันอยากรู้ ก็เลยส่งคนไปสืบ แต่ไม่คิดเลยว่า ถ้า ไม่สืบก็ไม่รู้ พอรู้แล้วก็ตกใจมาก เธอกับขวัญชีวีเป็นพี่น้อง กัน แต่ขวัญชีวีกลับปกปิดแม่ฉันเกี่ยวกับการมีอยู่ของเธอ โกหกเรื่องอายุและปลอมเป็นเธอ ”

พูดไป แววตาของจักรกฤษก็ลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความ โกรธ นั่นก็คือความไม่พอใจหลังจากที่ถูกหลอก

สำหรับขวัญชีวี จักรกฤษไม่ชอบเธอตั้งแต่แรกแล้ว พูดไม่ ถูกว่าเป็นเพราะอะไร ก็อาจจะเป็นเพราะไม่ชิน

ถ้าหากว่าไม่ใช่เพื่อวิสาข์แม่ของเขา เขาจะไม่ทนมา ตลอด

ตอนนี้รู้แล้วว่าขวัญชีวีเป็นเพียงแค่ตัวปลอม ก็โกรธแต่ใน ขณะเดียวกันกลับรู้สึกดีใจและโล่งอก และในเวลาเดียวกันความจริงที่ปาลีนั้นเป็นพี่สาวต่างพ่อแม่เดียวกันก็เปิดเผยอ อกมาทั้งหมดอีก ในตอนนั้น ความรู้สึกภายในใจของจักรก ระนันก็ยากที่จะบอกออกมาจริงๆ

เมื่อฟังจบปาลีก็พยักหน้ายอมรับ เรื่องที่ขวัญชีวีปลอมเป็น คุณหญิงคนที่สองของตระกูลกาฬศิษย์แทนเธอ และยังทำ มันได้ไม่สวยอีก พูดง่ายๆก็คือมันเต็มไปด้วยช่องโหว่ ดังนั้น เธอบไม่นานก็รู้ และในเวลาเดียวกัน เธอสามารถหาความ จริงออกมาได้อย่างง่ายดายด้วย และถ้าคนที่ต้องการรู้ก็รับ ได้เพียงไม่นานเลยอย่างกับจักรกฤษนี้

หลังจากครุ่นคิดสักพัก ปาลีก็พูดขึ้นมาว่า : “ฉันไม่แปลก ใจเลยที่นายสืบเรื่องพวกนี้ออกมาได้ ใครก็ตามที่สนใจมัน ก็สามารถสืบออกมาได้ เพียงแต่……..นายจะแน่ใจได้ยังไงว่า ฉันมีเลือดเนื้อเดียวกันกับดนุพล ? แม่นายเคยบอกกับนาย หรือว่าหวานลูกสาวคนโตเป็นลูกของเธอกับธนัท ? *

ปาลีไม่เชื่อว่าวิสาข์จะพูดเรื่องพวกนี้กับจักรกฤษ เรื่อง พวกนี้เป็นอดีตที่ยากที่จะพูดที่สุดของวิสาข์และเธออยากจะ ฝังมันไว้ และคนที่เธอไม่อยากให้รู้เรื่องมากที่สุดก็น่าจะเป็น จักรกฤษลูกชายที่เป็นสมบัติของเธอ ดังนั้น ปาลีจึงแน่ใจได้ ว่า จักรกฤษไม่สามารถรู้เรื่องพวกนี้มาจากวิสาข์ได้แน่นอน อย่างนั้นแล้ว ก็เหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คือจัก รกฤษกำลังหลอกเธอ !

จักรกฤษส่ายหัว เขาฉลาดมาโดยตลอด เขาสามารถเดา ความคิดของปาลีได้แล้วจากคำพูดของเธอ
“ต่อหน้าฉันเธอไม่ต้องยืนยันแล้ว ฉันสามารถบอกเธอ ด้วยความมั่นใจและแน่ใจได้ ว่าฉันไม่ได้กำลังหลอกเธอ ฉัน มีหลักฐาน แม่ไม่เคยพูดถึงลุงธนัทต่อหน้าฉันมาก่อน อ้อ ไม่สิ ตอนนี้เขาไม่ควรที่จะถูกฉันเรียกแบบนี้แล้ว ฉันควรจะ เรียกเขาว่าธนัท แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องทุกอย่างมันมีร่อง รอย มีวันหนึ่งฉันเจอกล่องกล่องหนึ่งในห้องนอนของแม่ ใน กล่องนั้นเต็มไปด้วยยาสูบและอุปกรณ์ที่ผิดกฎหมาย และ นอกจากนี้ ยังมีรูปถ่ายจำนวนมากของธนัทในช่วงสิบกว่าปีที่ ผ่านมานี้ด้วย ดูแล้วน่าจะเป็นการแอบถ่ายทั้งหมด และก็ยัง มีข่าว มีหนังสือพิมพ์ ฯลฯ ที่เกี่ยวกับเขาด้วย

“ ถ้าเห็นพวกนี้แล้วฉันยังเดาคำถามสำคัญไม่ออกล่ะก็ อย่างนั้นฉันก็โง่เต็มทีแล้ว แต่ความสงสัยไม่สามารถแทน ความจริงได้ และเพื่อที่จะไม่ให้เข้าใจผิด ฉันได้แอบรวบรวม สิ่งของส่วนตัวต่างๆของเธอกับธนัท จากนั้นก็เอาไปตรวจ DNA และผลปรากฏว่า มันตรงกันสูงถึง 99.9 % ! และ ถ้าหากว่าเธอยังไม่เชื่ออีก ฉันเอาใบตรวจให้เธอดูได้ หรือ ว่า เธอจะไปตรวจด้วยตัวเองอีกครั้งก็ได้ “

ได้ยินดังนั้น ปาลีรู้สึกได้ว่ามีเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของ เธอ สีหน้าซีดเผือก ร่างกายไม่มีแรงเซถอยหลังไปพิงกับ กำแพง

ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าวันนั้นที่แอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วเธอ จะได้ยินความจริง แต่ปาลีก็ยังคงมีความหวังสุดท้ายเล็กๆ และมีเหตุผลให้มากมายกับใจของตัวเอง หรือความจริงนั้น เป็นเพียงอีกวิธีที่วิสาข์ใช้ในการแก้แค้นธนัท หรือเธอเกิด มาจากผู้ชายคนอื่นของวิสาข์ อย่างนี้แล้ว เธอกับดนุพลก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกัน และเมื่อเธอยึดมั่นในความหวัง สุดท้ายนี้ เธอเลยไม่เคยไปเอาสิ่งของรอบตัวต่างๆของธนัท เพื่อไปตรวจ DNA เลย เป็นเพราะ เธอกลัวว่าผลลัพธ์มันจะ เป็นเหมือนที่จักรกฤษบอก

แต่ไม่คิดเลยว่า ทั้งหมดนี้ ที่เธอไม่ทำ จักรกฤษกลับช่วย เธอทำแล้ว แสงความหวังอันริบหรี่ครั้งสุดท้ายของเธอพัง ทลายแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว

เมื่อเห็นว่าปาลีนิ่งเงียบ จักรกฤษจึงพูดต่อว่า : “ ฉันไม่กล้า แน่ใจมาตลอดว่าเธอรู้หรือไม่ว่าดนุพลเป็นพี่ชายของเธอ เมื่อกี้ที่ถามเธอไปตรงๆแบบนั้นเป็นเพราะกำลังหลอกถาม เธอ แต่พอเห็นสีหน้าเธอ ก็รู้แล้วว่าเธอรู้เรื่องทั้งหมดนาน แล้ว แล้วทําไมเธอยังทำผิดต่อไปอีก เธอรู้หรือเปล่าว่าถ้า วันที่ความจริงนั้นแตกขึ้นมา มันจะเกิดความโกลาหลใหญ่ ขนาดไหน ?

เมื่อได้ฟังการห้ามปรามที่จริงใจของจักรกฤษแล้ว ปาลี เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ แววตาที่เจ็บปวดค่อยๆเปลี่ยนเป็น แววตาที่สิ้นหวัง จากนั้นก็พูดว่า : “ ใช่ ฉันรู้ตั้งนานแล้ว แต่ ฉัน…..ฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้คิดถึงดนุพลได้ และโดยเฉพาะในตอนนี้มันอาจจะเป็นผลกระทบครั้งใหญ่ ที่สุดในชีวิตของเขา เขาไม่มีฉันไม่ได้ และฉันยิ่งไม่มีเขาไม่ ได้ เรื่องนี้ มีแค่นายกับฉันที่รู้ แค่เพียงนายไม่พูด คนอื่นก็จะ ไม่รู้ ขอร้องล่ะ อย่าบอกใครเลย ได้ไหม ?

พูดถึงสุดท้าย ปาลีขอร้องอ้อนวอน
ตั้งแต่ที่กลับมาจนถึงตอนนี้ ปาลีไม่เคยที่จะวางท่าทีของ เธอลงเลย แต่ว่า กับบางคนบางเรื่อง เธอก็สมควรที่จะต้อง ลดความเย่อหยิ่งของตัวเองลง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ