ลูกชายจอมซนกับคุณพ่อประทาน

บทที่ 54 เธอซักมันแล้ว



บทที่ 54 เธอซักมันแล้ว

เมื่อนานาได้ฟังเรื่องทั้งหมด เธอจึงยิ้มและพูดขึ้นมา ว่า “ที่ลูกพูดมันถูกแล้ว”

“มันก็เหมือนกับนิทาน เรื่อง สโนไวท์นั่นแหละ ที่แม่ เลี้ยงของสโนไวท์เป็นคนเลวเพราะฉะนั้นแด๊ดดี้ห้ามหา แม่เลี้ยงมาให้พวกเราเด็ดขาดเพราะพวกเราไม่ชอบ” ฟ้า จึงพูดเสริมลม

นานาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เธอแอบเหลือบสายตา ไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขามีอาการนิ่งและได้แต่ มองไปยังเด็กๆทั้งสองคนด้วยความตะลึง

และในขณะนั้นเองเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ ของนานาที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะก็ดังขึ้น เธอจึงหยิบมันขึ้นมา ดูเบอร์ของคนที่โทรเข้ามา มันเป็นเบอร์ที่เธอไม่คุ้นเอาซะ เลย เธอกดรับมันและค่อยๆกรอกเสียงลงไป “ฮัลโหล

ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงขี้เกียจจากผู้ชายดังตอบกลับ เธอขึ้นมาว่า “ฉันฟิวนะ ก่อนเก้าโมงให้มาหาฉันที่บ้าน ฉัน มีงานให้เธอทำ

นานาพึ่งจะนึกได้ว่าตัวเองได้ทำงานกับเขาแล้ว เธอ คิดคำนวณระยะทางหนึ่งกิโลเมตรในการจะไปถึงบ้านของ เขา เมื่อได้ผลลัพธ์ที่แน่ชัด เธอตอบตกลงพร้อมกรอก เสียงไปยังสายว่า “โอเค ฉันจะไปถึงตรงเวลาแน่นอนค่ะ”

เมื่อได้การตอบรับจากนานา เขาจึงวางสายไป

นานาจึงจัดเก็บเบอร์โทรของฟิวไว้ในโทรศัพท์ สม ลูกชายตัวน้อยก็รีบถามคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจทันที “มามี้กำลังนัดเจอกับใครครับ?”

นานาวางโทรศัพท์ลงข้างตัวเธอแล้วตอบลูกชายไป

“มามี้คุยกับเจ้านายจ้ะ

“เจ้านายของมามี้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?” ลมถาม คำถามที่ทำให้นานาสะเทือนใจ

“ผู้ชายจ้ะ”

“อายุเท่าไหร่ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ไหมครับ?”

“ใช่ พึ่งจะยี่สิบหกเอง”

“ ว้าว! ผู้ชายคนนั้นจะต้องหล่อแน่ๆเลย

“ใช่ เขาเป็นถึงดาราดังเลยนะ” นานาหันไปพูดกับ

ฟ้าอย่างภูมิใจ
เมื่อฟ้าได้ยินดังนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็ตะโกนออกมา ด้วยความตื่นเต้นว่า “ดาราดัง!”

“ใช่! เขาพักอยู่แถวๆนี้แหละ เธอตอบกลับด้วยรอย

ยิ้มหวาน

ลมแอบเหลือบสายตาไปมองดูท่าทีของแด๊ดดี้ เมื่อ เห็นท่าทีของแด๊ดดี้แล้วเด็กชายตัวน้อยรีบหันไปพูดกับมา มี้ทันทีว่า “มามี้พาพวกเราสองคนไปเที่ยวที่บ้านเจ้านาย มามได้ไหมครับ?”

* ได้ไหมมา! พวกเราอยากเจอดาราดัง” ฟ้าพูด ด้วยน้ำเสียงที่อ้อน

ยังไม่ทันที่นานาจะได้ตอบรับคำขอของลูกชายและ ลูกสาวตัวน้อยของเธอ เสียงถามอันเข้มแข็งของผู้ชาย ตรงหน้าก็ดังขึ้นมาแทรก “งานที่เธอทำตกลงมันคืองาน อะไร?”

ใบหน้าที่สวยงามของนานาเผยรอยยิ้มเล็กน้อยและ ตอบกลับชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ “ตอนนี้ ฉันเป็นสไตลิสต์และช่างแต่งหน้าส่วนตัวของดาราดังคน นั้น”

“ว้าว! มามี้เก่งมากๆเลย” เด็กน้อยสองคนพอได้ฟังคำตอบก็ถึงกับตบไม้ตบมือด้วยความดีใจกันใหญ่

เมื่อนานาพูดจบก็หันไปถามผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆทันที ว่า “ฉันกลับมาซักผ้าปูที่นอนให้นายตอนเย็นได้ไหม ตอน เช้าฉันมีงานที่ต้องทำ

“ไม่ได้!” ทิวรีบปฏิเสธข้อเสนอของเธอทันที “เธอ ต้องรีบซักมันตอนนี้เลยเพราะฉันจะเปลี่ยนมันในวันมะรืน

นานาได้แต่เหลือบสายตาไปมา เธอคิดแผนให้ทิว จัดการไปส่งลูกชายลูกสาวที่โรงเรียน เมื่อเขาไม่อยู่ บ้านเขาก็คงไม่รู้หรอกว่าเธอใช้มือหรือใช้เครื่องซักผ้าใน การซักผ้าปูที่นอนนั้นให้เขา

“โอเคก็ได้! งั้นนายก็ช่วยไปส่งเด็กๆที่โรงเรียน หน่อยนะ ฉันจะอยู่บ้านซักผ้าปูที่นอนให้นายนี่แหละ นานาคิดว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าคงเพียงพอแก่การซัก ผ้าปูที่นอนนั่นให้เรียบร้อย

“มามี้ ทำไมมามี้ต้องซักผ้าปูที่นอนให้แด๊ดดี้ล่ะ?” ฟ้าหันหน้ามาถามเธอด้วยความสงสัย

“เอ่อ! เป็นเพราะว่าผ้าปูที่นอนของแด๊ดดี้มันสกปรก แล้ว มามี้ก็เลยจะช่วยซักให้” นานาตอบกลับลูกสาวด้วยรอยยิม

“มามี้ขยันมากๆเลย แด๊ดดี้ดูสิ มามี้ดีกับแด๊ดดี้ขนาด นี้ แด๊ดดี้ก็ควรทำตัวดีๆกับมาบ้าง! ลมพูดออกมาแล้ว หันไปมองทางแด๊ดดี้ เด็กน้อยหวังเพียงว่าแด๊ดดี้จะรับรู้ใน สิ่งที่เขาบอก

ทิวทำเป็นไม่สนใจและมองดูชามก๋วยเตี๋ยวของเด็กๆ ที่ถูกกินจนหมด เขายกตัวลุกขึ้นแล้วพูดกับเด็กๆว่า “โอเค กินเสร็จแล้วก็ไปหยิบกระเป๋ามา พวกเราจะไปโรงเรียนกัน แล้ว”

นานาได้แต่ยืนโบกมือให้ลูกๆทั้งสองพร้อมกับเอ่ย ปากตามหลังว่า “บ๊ายบาย

“มามี้ ถ้าพวกเราปิดเทอมเมื่อไหร่พวกเราขอไปเล่น ที่บ้านของดาราดังคนนั้นได้ไหม?” ฟ้าที่ยังไม่หยุดคิด เรื่องที่จะไปเที่ยวที่บ้านของฟิวก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง เพราะ เด็กสาวคิดว่าการไปเจอดารามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

“เอ่อ! เดี๋ยวมามี้ต้องไปถามเจ้านายของมาก่อน นะ!” นานานิ่งไปสักพักแล้วคิดว่าฟิวคงไม่ยินดีที่จะ ต้อนรับเด็กน้อยทั้งสองคนนี้หรอก

เพราะว่าฟิวก็ดูเป็นผู้ชายที่เย็นชามากๆคนหนึ่งเลยล่ะ

ตอนที่ทิวเดินผ่านหน้าเธอไปนายนั่นมองเธอแก๊ บนึงแล้วยิ้ม นัยน์ตาของเขาแสดงออกถึงความสงสัยที่ เหมือนอยากถามอะไรบางอย่างกับเธอ

เมื่อนานาเห็นรถยนต์ของทิวกำลังถูกขับออกไปจาก บริเวณบ้านแล้ว เธอรีบวิ่งไปที่ห้องของทิวทันที จากนั้น จึงถอดเอาชุดเครื่องนอนสี่ชิ้นออกมาอย่างเงียบๆ เอ๊ะ!ชุด เครื่องนอนมันมีแค่สี่ชิ้นเหรอ? เขาบอกว่ามันมีราคาเป็น ล้าน? นี่เขาหลอกเธอหรือยังไงกัน!

เหอะ! แล้วจะใช้มือซักทำไมกันล่ะ

เธอต้องใช้เครื่องซักผ้าของเขาช่วยแล้ว

นานาจัดการหอบเอาผ้าทั้งหมดวิ่งลงไปข้างล่างตึก ด้านหลังของตึกหนึ่งไม่มีเครื่องซักผ้า เครื่องซักแห้ง นี่ คือสิ่งที่คนทั่วไปเขาต้องใช้กันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

“คุณนานา เดี๋ยวฉันซักแทนเอง” คนใช้ประจำบ้าน เห็นเธอถือกองผ้ากองโตมาก็วิ่งเข้ามาพร้อมที่จะช่วย เหลืออย่างเต็มที่

นานารีบยิ้มตอบและส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธว่า “ไม่ เป็นไรจ้ะ พี่จางไปทำอย่างอื่นเถอะ เดี๋ยวผ้าพวกนี้อันจัดการซักเอง”

สาวรับใช้เมื่อเห็นว่าเธอยืนยันที่จะซักผ้าพวกนี้เองจึง จัดการไปกวาดใบไม้ที่สนามหญ้าต่อ

นานาจัดการนำผ้าปูสี่ชุดเข้าไปซักในเครื่องซักผ้า แล้วจึงกดปุ่มเริ่มการทำงานของเครื่องซักผ้านั่นทันที จาก นั้นจึงวิ่งกลับไปเก็บของที่ห้องนอนของตนเอง

ทิวพาลูกๆไปส่งที่ในโรงเรียนเรียบร้อยก็กลับขึ้นมา บนรถขับแล้วมุ่งตรงไปยังบริษัทของตนเอง ในระหว่างที่ เขากำลังจอดรถติดไฟแดงอยู่นั้น เขาก็เหลือบไปเห็นแสง ไฟเล็กๆจากโทรศัพท์ เขาจึงหยิบมันขึ้นมาดูจึงเห็นว่าเป็น เบอร์ของผู้ช่วยสาวของเขานั่นเอง

“ว่าไง ผู้จัดการทิว” เสียงผู้ช่วยสาวดังขึ้นมาทักทาย

เขา

ทิวมองไปยังทางข้างหน้าด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ “ช่วยฉันสืบหาข้อมูลที รอบๆบริเวณนี้มีดาราคนไหนมา พักอยู่บ้าง?”

“ผู้จัดการไม่ต้องหาข้อมูลอะไรเยอะแยะหรอกค่ะ ห่างจากนี้ไปทางซ้ายมือประมาณหนึ่งกิโลเมตรมีบ้านพัก ของดาราชื่อดังคนหนึ่งอยู่ เขาชื่อว่าฟิว”
ทัวถึงกับหรี่ตาลงเมื่อเขาได้รับคำตอบและถามกาย กลับไปด้วยเสียงที่เงียบงัน “ทำไมเธอถึงรู้ละเอียดขนาด นี้ล่ะ?”

ผู้จัดการสาวตอบพร้อมส่งเสียงหัวเราะน้อยๆกลับ มา “ฉันดูข่าวบันเทิงบ่อยๆ แล้วก็จำได้ว่ามีนักข่าวไปถ่าย ที่พักของดาราคนนั้นเอาไว้ ฉันจำได้ว่ามันอยู่ทางอีกฝั่ง นึงของบ้านพักผู้จัดการ แล้วนี่ผู้จัดการโดนคุกคามแบบนั้น หรอ?”

“ป่าวหรอก ฉันก็แค่ถามเฉยๆ” ทิวพูดจบเขาก็วาง สายในทันที

ในบ้านพักตากอากาศ นานาก็ได้รับความช่วยเหลือ จากสาวใช้ ตอนนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกาห้าสิบนาทีแล้ว ใน ที่สุดผ้าที่จัดการซักก็เสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงการนำมัน ไปตากแดด ผ้าปูสี่ชุดนี้ดูก็รู้ว่าถูกทำมาอย่างดี ราคาคงจะ แพงไม่น้อยเลยทีเดียว

ในขณะที่นานากำลังจะตากผ้าปูอยู่นั่น สายตากัน เหลือบไปเห็นสิ่งที่ทำให้ใจของเธอกระตุกวูบ มันคือรอย ขาดรอยใหญ่บนผ้าปูสีเทานั่น

“มันขาดได้ยังไงกันเนี่ย?” นานาถอนหายใจออก ด้วยความเครียด และมองรอยขาดนั้นอย่างไม่อยากจะเชือกับสิ่งที่ปรากฏต่อสายตา

สาวรับใช้ก็ประหลาดใจ เธอสังเกตรอยขาดและหัน ไปถามนานาว่า “คุณนานาใช้เครื่องซักผ้าเครื่องที่สอง หรือเปล่าคะ?”

“เหมือนจะใช่นะ…”

“เครื่องซักผ้าเครื่องนั้นมันเสีย ลวดที่อยู่ด้านใน เครื่องจะถูกนำไปซ่อมในตอนบ่ายนี้

เมื่อฟังจบนานาได้แต่เบิกตาโพลง “อ่ะ?” เธอไม่รู้ ว่าจะพูดอะไรออกมาได้แต่รีบวิ่งไปดูผ้าปูที่นอนกับหมอน ที่ยังไม่ได้นำมาตากทันที แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันซะ แล้ว ผ้าทั้งหมดแยกออกจากกันเหลือเพียงเศษผ้า

“ตายแล้ว! ตายแน่ๆ” นานาได้แต่คิดว่าเธอจะต้อง แย่แน่ๆ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเธอกำลังอยู่ในวันสิ้นโลก ยังไงยังงั้น

ผ้าปูราคาเป็นล้านของเขาถูกเธอนำไปซักจนไม่ เหลือชิ้นดียังงี้? เขาจะไม่ฆ่าเธอทิ้งใช่ไหมเนี่ย

นานาได้แต่มองดูผ้าปูที่มีราคามากมายมหาศาลนั่น เธออยากจะร้องไห้ออกมาแต่มันกลับไม่มีน้ำตาออกมาเลยสักหยด ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆก็ ดังขึ้นมาซะก่อน เธอหยิบมันขึ้นมาดู มันคือสายเรียกเข้า จากฟิว จริงสิตอนนี้มันแปดนาฬิกาห้าสิบแปดแล้ว

เธอรีบรับสายที่โทรเข้าจากฟิวทันที “ฮัลโหล! ฟิว นายรอฉันแป๊ปนึงนะ ฉันใกล้จะถึงแล้ว

“ฉันให้เวลาเธออีกสิบนาที! ฉันไม่ชอบรอใคร ปลายสายกรอกเสียงตอบเธอ เธอจึงทำได้เพียงตอบรับ “โอเค! ใกล้จะถึงแล้ว” นานาวางสายโทรศัพท์และหัน ไปมองผ้าปูที่นอนนั้นด้วยใบหน้าที่วิตกกังวล ในใจก็ได้แต่ คิดว่า “เดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการกับมันแล้วกัน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ