ลูกชายจอมซนกับคุณพ่อประทาน

บทที่ 197 ชอบข่มเหงรังแกคนอื่น



บทที่ 197 ชอบข่มเหงรังแกคนอื่น

เวลาประมาณสี่โมงครึ่ง นานาได้ดูเวลาอย่าง ระมัดระวัง เมื่อถึงเวลาสี่โมงครึ่ง สายเรียกเข้าจาก โทรศัพท์ของเธอก็ได้ดังขึ้นจนทำให้หัวใจของเธอเกิด อาการเต้นระรัว

ซึ่งแน่นอนว่าสายที่โทรเข้ามาจะต้องเป็นทิว ใจของ เธอเต้นระรัวราวกับนาฬิกาปลุกที่ดังสั่นสะทกสะท้าน

แป้งที่นั่งอยู่ข้างๆนานาสังเกตเห็นว่าเพื่อนสาวของ ตนเองเอาแต่จ้องเขม็งไปที่หน้าจอโทรศัพท์ อีกทั้งด้วยริม ฝีบางนั้นยังยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์อีกด้วย เธอจึงเอ่ยถาม เพื่อนสาวเพื่อคลายความสงสัยทันที “เธอมัวยิ้มอะไรอยู่ เนี่ย ทำไมถึงไม่รับซักทีล่ะ เอาแต่มองอยู่นั่นแหละ”

นานาหันไปมองใบหน้าของแป้งเพียงชั่วครู่แล้วจึง ตัดสินใจรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล

“เธอยังอยู่ร้านเดิมเมื่อตอนบ่ายใช่ไหม?”

* ใช่ ฉันยังอยู่ร้านกาแฟแถวๆนี้แหละ”

“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปหา เธอรออยู่ที่นั่นแหละ อีก ประมาณสิบห้านาทีฉันคงจะไปถึง ”

“โอเค! นานาตอบรับปลายสาย แล้วจึงวางสายโทรศัพท์ไป

แป้งก็ได้ขยับตัวเข้ามาใกล้เธอทันทีเมื่อเธอวาง สายจากทิว “ว้าว! ความคืบหน้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว! ดู เหมือนว่าทิวของเราจะหลบหนีจากเงื้อมมือของนานาไม่ ได้ซะแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินคําพูดของแป้งสีหน้าของนานาก็เกิด อาการร้อนผะผ่าวขึ้นมาด้วยความเขินอายทันที ดูเหมือน ว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคนนั้นจะก้าวกระโดด มากขึ้นจริงๆ

“ อย่าพูดมั่วนะ ฉันกับเขายังไม่ถึงขั้นนั้นกันซะ หน่อย” นานาพยายามกลั้นรอยยิ้มและมองไปยังแป้งด้วย สายตาดุๆกลบเกลื่อนความเป็น

แป้งเมื่อเห็นท่าทางของนานาที่พยายามทำหน้า เคร่งเครียดกลบความเขินก็ถึงกลับยิ้มออกมา “โอเค ฉัน ไม่พูดแล้ว ฉันจะรอดูไปเรื่อยๆแล้วกัน!”

นานาพยายามหาทางเบี่ยงเบนประเด็น เธอมองไป ยังนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาแป้งจึงลุกขึ้นและชวนให้เธอ ลุกตาม “ไปกันเถอะ ไปจ่ายเงินกันได้แล้ว!

นานาพยักหน้าตอบรับ ผู้หญิงสองคนเดินออกมาจากร้านกาแฟร้านนั้นพลางเดินตรงไปทางหน้าประตูของ บริษัท เมื่อมาถึงบริเวณหน้าประตูบริษัทแล้วแป้งก็ผลัก ให้ฉันไปยืนรออยู่บริเวณนั้น “เธอรอทิวอยู่ที่นี่นะ! ฉันจะ เข้าไปทำงานข้างในต่อแล้ว

“งั้นเธอก็รีบเข้าไปเถอะ! สู้ๆนะ! “ นานาให้กำลังใจ แป้งด้วยท่าทางน่ารัก

แป้งยักคิ้วพลางรีบเดินเข้าลิฟต์ของบริษัทไป

เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ รถสีดำขลับของทิว แล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ นานาจึงเข้าไปนั่งลงในฝั่ง ที่นั่งข้างคนขับ ในขณะที่นั่งรถไปได้ประมาณครึ่งทางเธอ ก็หันหน้าไปมองทิว

ทิวก็หันกลับมามองนานาเช่นกัน สองสายตาประสาน กันทำให้ทิวเห็นใบหน้าของหญิงสาวข้างๆที่เริ่มมีสีแดง ระเรื่อ เขามองหน้าเธออยู่สักพักหนึ่ง นานาเม้มปากแน่นๆ แล้วพูดกับเขาว่า “นายไม่ต้องมองหน้าฉันเลยนะ ขับรถ ไปเลย!”

“โอเค งั้นกลับถึงบ้านฉันค่อยมองก็ได้” ทิวหันหน้า กลับไปตั้งใจขับรถต่อ

ทางด้านนานาเองก็พยายามเบนสายตาออกไปมองยังทิวทัศน์ด้านข้างของตัวรถที่เคลื่อนผ่านแทน เมื่อรถ คันหรูขับเคลื่อนมาถึงโรงเรียนของลูกๆทั้งสอง เป็นเวลา พอดีกับที่นักเรียนทั้งหมดต่างกำลังเลิกเรียนพอดี นานา และทิวจึงลงจากรถเพื่อไปรับลูกชายลูกสาวของพวกเขา ในขณะที่ลูกชายลูกสาวของพวกเขาทั้งสองคนต่างกำลัง เล่นสไลด์เดอร์กันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น คุณครูก็เดินเข้า มาบอกข่าวดีแก่เด็กๆ นั่นคือพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายในภาค เรียนนี้

และซึ่งในวันพรุ่งนี้จะต้องมีการเฉลิมฉลองและมีการ จัดกิจกรรมภายในโรงเรียนขึ้นมา ซึ่งเด็กๆทั้งสองคนจะ ต้องเข้าร่วมแสดงด้วย

ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างใหญ่ ดัง นั้นนานาและทิวจึงพลาดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมชมการแสดง ของลูกๆทั้งสอง

เมื่อทิวได้พาเด็กๆขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็ พูดกับลูกๆว่า “วันนี้แด๊ดดี้จะเลี้ยงอาหารชุดใหญ่ฉลองให้ พวกหนูน่ะครับ”

“หนูจะกินอาหารชุดใหญ่” ปากเล็กๆของฟ้าเอ่ยขึ้น มาด้วยเสียงเจื้อยแจ้วอย่างดีใจ

นานาก็เพิ่งจะรู้ในตอนนี้เองว่าทิวจะพาลูกๆออกไปทานอาหารนอกบ้าน “ทําไมนายถึงอยากออกไปกินข้าง นอก?”

“ฉลองให้กับเธอซะหน่อย เมื่อวานตอนเย็นฉันไม่ นับ” ทิวพูดพลางหันมามองหน้าเธอ วันนี้ต่างหากที่จะ เป็นการเลี้ยงฉลองให้เธออย่างเป็นทางการ ฉลองให้กับ การที่เธอได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลสีธะ

เมื่อนานาได้เห็นท่าทางที่มีความสุขของลูกๆเธอก็ไม่ อยากที่จะโต้แย้งอะไร “โอเค!”

“แด๊ดดี้ฉลองให้มามี้เรื่องอะไรเหรอ? หรือว่าแด๊ดดี้ กับมามี้กำลังตกหลุมรักกันใหม่ใช่ไหม?” ฟ้าเอ่ยถามด้วย ความแปลกใจ

“ใช่แล้ว ฉลองที่มามี้ยอมให้แด๊ดดี้เริ่มจีบมาใหม่อีก ครั้ง” ทิวยิ้มอย่างถูกอกถูกใจเมื่อลูกสาวตัวดีถามคำถามที่ น่าฟัง

“โหว! มันดีมากๆเลยล่ะ” ลมก็มีท่าทางดีใจขึ้นมาไม่

น้อยเลย

จะมีก็เพียงแต่นานาเท่านั้นที่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ชักจะ เอาใหญ่แล้ว นับวันเขายิ่งจะคุกคามเธอหนักขึ้น เธอไป ตอบรับคำขอของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เรื่องที่เขาพูดออกมาล้วนเป็นสิ่งที่เขาพูดมั่วไปเอง ต่างหาก

พอได้เข้ามานั่งทานอาหารชุดใหญ่ในร้านอาหาร แห่งหนึ่ง เขาต้องการพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทานอาหาร เงียบๆในครอบครัวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงจองห้องวีไอพีของ ที่นี่ไว้ ทิวมองไปยังลูกน้อยทั้งสองจึงสังเกตเห็นว่าร่าง ของฟ้าดูอ้วนกลมกว่าลมก็คงเป็นเพราะว่าฟ้าชอบกินของ หวานแต่ลมนั้นไม่ชอบ

“มามี้ ลองกินดูสักคำสิ” ฟ้าใช้ช้อนตักเอาเนยหวาน มาป้อนนานา

นานามทันที เมื่อเห็นท่าทางเอาใจเธอของลูกๆ เธอ จึงหยิบเอาตะเกียบมาคีบเอาเนื้อไปป้อนลูกๆกลับเช่นกัน

ทิวผู้ซึ่งกำลังแอบมองสองแม่ลูกที่กำลังผลัดกันป้อน อยู่ตรงหน้าก็ยิ้มอย่างมีความสุข ความอบอุ่นจากบุคคลทั้ง สองตรงหน้ากําลังทำให้เขาละสายตาไปไหนไม่ได้

เมื่อได้รับประทานอาหารเย็นจนอิ่มเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงพานานาและลูกๆไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถวๆ นั้นสักหน่อย เวลาประมาณเกือบสามทุ่ม เขาจึงเห็นว่าควร จะพาลูกๆกลับไปอาบน้ำที่บ้านได้แล้ว นี่ก็ใกล้จะได้เวลา ปิดภาคเรียนแล้ว เห็นว่าเขาคงจะต้องพาลูกๆไปเที่ยวที่ต่างประเทศสักหน่อย แต่ว่าก็คงจะต้องรอเวลาอีกนิด หน่อย!

เรื่องนี้เขาวางแผนและจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอให้ลูกๆปิดเทอม หลังจากนั้นก็คงจะให้พัก ผ่อนอยู่ที่บ้านสามวันแล้วจึงออกเดินทางไปเที่ยวต่าง ประเทศทันที

เขารู้ว่านานาเองก็รอคอยเวลาที่จะพาลูกๆไปเที่ยวที่ ต่างประเทศเช่นกัน

พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายในการไปเรียนของลูกๆแล้ว เห็นว่าพิธีการจะเริ่มตั้งแต่ตอนบ่ายสองโมงยาวไปถึงสอง ทุ่ม ช่วงเวลานั้นก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของเด็กๆ ทุกคนเช่นกัน

ในคืนนี้เขาจึงคิดว่าควรจะให้ลูกๆนอนหลับพักผ่อน ให้เต็มที่ กว่าจะกล่อมให้ลูกๆนอนหลับไปได้ก็เป็นเวลา สี่ทุ่มเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนานาเองก็ง่วงมากแล้ว ส่วนทิว นั้นเมื่อเขาอาบน้ำให้ลมเสร็จก็จัดการลงจากตึกกลับไป ทำงานของตนเองต่อในทันที

เนื่องจากความแตกต่างของเวลาระหว่างประเทศจึง จำเป็นที่เขาจะต้องมีการประชุมทางวิดีโอในเวลากลางคืน
นานาก็อยากจะเข้าไปในห้องของตนเองแล้ว แต่เมื่อ นึกขึ้นมาได้ว่าผู้ชายคนนั้นยังคงทำงานอยู่ และในวันนี้เขา ก็ดูแลเธอดีไม่น้อยเลย เธอจึงคิดว่าเธอควรจะชงชาเพื่อ เป็นการตอบแทนเขาสักหน่อยแล้วเธอจึงค่อยไปนอน

เมื่อนานาคิดได้ดังนั้นเธอจึงค่อยๆย่องเบาๆลงไปยัง

ชั้นล่าง

เธอหยิบแก้วที่เห็นเขาชอบใช้ดื่มประจำขึ้นมา จัดการ หยิบเอาใบชาใส่ลงไป แล้วเทน้ำร้อนตามลงไป สักพัก กลิ่นหอมของชาก็ลอยขึ้นมาแตะจมูก นานาสูดดมกลิ่น หอมของมันอยู่ชั่วครู่ก็รู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาทันที

เธอเดินถือแก้วชามาจนถึงประตูห้องสมุดซึ่งเป็นห้อง ทำงานของทิว เธอค่อยๆเคาะประตูห้องนั้นเบาๆ

“เข้ามา” เสียงเย็นชาของทิวตอบกลับมา

นานาจึงค่อยๆเปิดประตูห้องเข้าไป เธอเห็นทิวที่นั่ง อยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวกว้าง และจึงเห็นว่าทิวไม่ ได้มีการประชุมทางวิดีโอในตอนนี้ แต่เห็นว่าเขากำลังก้ม หน้าอ่านเอกสารบางอย่างอยู่เท่านั้น

“ฉันชงชามาให้นาย ถ้านายอยากดื่ม นายก็ดื่มได้ เลยนะ!” นานาวางแก้วชาลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา ทิวละสายตาจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองใบหน้าเล็กๆของ นานาด้วยสีหน้าที่มีความสุขในสิ่งที่เธอกำลังทำให้เขา

ผู้หญิงคนนี้เริ่มที่จะเป็นห่วงเขาแล้วสินะ มันเป็นเรื่อง ที่ดีมากๆเลยหล่ะ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ

“รอก่อน” แน่นอนว่าทิวยังไม่อยากที่จะปล่อยให้เธอ จากไปในตอนนี้

“ยังมีเรื่องอะไรอีก?”

“มาหาฉันหน่อย” เขากวักมือเรียกเธอให้เดินเข้ามา หาเขาใกล้ๆ

นานายืนนิ่งครุ่นคิดอยู่สักพัก ไม่เข้าใจว่าเขาเรียกให้ เธอเข้าไปหาเขาใกล้ๆทำไมกัน ความคิดที่ไม่ดีของเธอ แว๊บเข้ามาทันทีทำให้เธอไม่กล้าที่จะเดินไปหาเขา

“เร็วๆ “ ทิวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอีกครั้ง

นานาทำได้เพียงทำตามคำสั่งของเขาและเดิน เข้าไปยืนอยู่ข้างๆร่างสูงนั้น และในวินาทีนั้นเองผู้ชาย ข้างๆกลับดึงตัวเธอเข้าไปประชิดใกล้ จับร่างบอบบางของเธอให้นั่งลงบนขาของเขา ซึ่งเหมือนกับว่าในตอนนี้เขา กำลังโอบกอดเธออยู่ “นาย……” นานาหน้าแดงขึ้นมา ในทันทีและเธอจึงได้รู้ว่าไม่ควรที่จะเชื่อใจผู้ชายคนนี้ นี่ เขาจะหาเรื่องลวมลามเธอทุกครั้งเลยหรือยังไง?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ