ลูกชายจอมซนกับคุณพ่อประทาน

บทที่ 171 เขาช่างน่าเกลียดน่าชังเสียจริง



บทที่ 171 เขาช่างน่าเกลียดน่าชังเสียจริง

นี่ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ จูนก็ได้เตรียมเอกสาร ที่นานาจะเข้าทำงานเรียบร้อยแล้ว ในบัตรประจำตัวปลอม นั้นนานาใช้ชื่อว่าแพรว ชื่อนี้ฟังดูน่ารักและธรรมดาซึ่ง เหมาะกับเธอมาก

“คุณนานา ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็คือแพรวชื่อที่ใช้ สำหรับทำงานในบริษัทแห่งนี้ หวังว่าเธอจะสามารถปรับ ตัวได้โดยเร็ว “จูนบอกกับเธอ

นานาพยักหน้าอย่างเร็วไว “ได้ค่ะเลขาน

“ฉันได้บอกกับผู้จัดการแผนกเรียบร้อยแล้ว บ่ายสอง เธอก็สามารถไปที่ห้องทำงานเธอได้เลย งานของเธอเป็น งานที่ค่อนข้างจะเบาในฝ่าย เริ่มงานตอน9โมงเช้าเลิก งานตอน5โมงเย็น สำหรับเงินเดือนของเธอนั้นฉันจะบอก ฝ่ายข้อมูลบุคคลากรว่าให้เพิ่มของเธอมากขึ้นอีกหน่อย ถ้าหากว่าเธอมีปัญหาอะไร เธอสามารถบอกฉันโดยตรง ได้หรือไม่ก็บอกกับผู้จัดการทิวได้”

“ขอบคุณค่ะ แต่.. ถ้าฉันมีปัญหาอะไรไว้ฉันไปหา คุณดีกว่า!” นานาหัวเราะเสียงแห้ง

“ได้เลย ! ” จูนแอบตกใจเล็กน้อย เด็กผู้หญิงคน นี้ทั้งๆที่สามารถพึ่งพาเจ้านายแล้วทำไมเธอถึงต้องมา ทำงานเองด้วย
นานาออกมาจากห้องของเลขาจูน ในมือของเธอก็ มีใบอนุญาตการทำงาน บัตรประจำตัวประชาชนและยังมี ประวัติย่อเพิ่มมา ประมาณตอนบ่าย2กว่าๆ เธอก็สามารถ ไปทำงานที่ห้องทำงานของเธอได้แล้ว

นานาเคาะที่หน้าประตูห้องทำงานของทิว เปิดประตู เข้ามาก็พบผู้ชายที่กำลังยุ่งอยู่กับโต๊ะตรงหน้า เธอนั่งลงที่ โซฟาอย่างเงียบๆ หยิบ ipad ที่จูนให้เธอขึ้นมาดู หน้าที่ที่ เธอได้รับผิดชอบ เธอดูอย่างละเอียด

ร่างที่สง่างามและหล่อเหลาของทิวนั่งบนเก้าอี้เจ้า นาย เต็มไปด้วยสไตล์ผู้นำ นานาเงยหน้าขึ้นเป็นครั้งคราว แอบพรรู้สึกชื่นชมชายผู้เป็นของตนภายใต้กันบึงหัวใจ

ตอนที่เธอกำลังเหม่ออยู่นั้นทันใดนั้นก็มีเงาดำมาบัง เธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าทิวได้ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” นานาเงยหน้าขึ้นถาม

“ทานอาหารเที่ยงได้แล้ว” ริมฝีปากอันเซ็กซี่ของทิว

เอ่ยขึ้น

นานารีบหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู จริงด้วย สิ เธอรีบหยิบบัตรประจำตัวประชาชนปลอมของเธอแล้ว ยื่นให้เขาพร้อมยิ้มแห้ง “นายดูนี่สิ ชื่อใหม่ของฉัน เป็นอย่างไรบ้าง?”

ทิวหยิบขึ้นมาดูแล้วอ่านเบาๆ “แพรวหรอ เหมาะกับ นิสัยที่บ๊องๆของเธอดี

นานาเงยหน้าขึ้นและจ้องเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ฉันดูบ๊องที่ไหนกัน?

“เธอเหมือนทุกอย่าง” ทิวมองเธอแล้วกล่าวอย่าง

ไม่เกรงใจ

นานารีบแย่งบัตรประจำตัวประชาชนกลับคืน ด่ากลับ อย่างไม่พอใจ “นายต่างหากที่เลวทรามต่ำช้า

เมื่อทิวฟังจบเขาไม่โกรธแต่กลับยิ้ม ในสายตาของ เธอดูเหมือนว่าเขานั้นเลวมากสินะ

นานาที่เพิ่งจะยืนขึ้นขณะนั้น ทันใดนั้นเอวของเธอก็ มีแขนที่ยาวเกินมา ใช้แรงดึงเพียงเล็กน้อยเธอก็ได้เข้าไป อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายทันที และในวิต่อมาเธอก็ถูกบีบ คางแล้วอยู่ภายใต้ร่างชายตรงหน้า ริมฝีปากที่อุ่นของชาย ตรงหน้าก็จูบลงมาพอดี

นานาเบิกตาโต มองชายที่เอาเปรียบตนต่อหน้า อ้า ปากค้าง แต่ชายคนนี้กลับจูบลึกไปกว่าเดิม จากหญิงที่ละเอียดอ่อนก็กลายเป็นหญิงที่เรียบง่าย “อืม…….

ทิวรู้แต่แรกอยู่แล้วว่ารสชาติของเธอนั้นอ่อนหวาน ทำให้เขาจูบลงแล้วไม่อยากปล่อยไปง่ายๆ จงค้นหาความ หวานของเธอต่อไป

จูบที่ยาวนานถึงสองนาที ในตอนที่นานาเกือบขาด อากาศหายใจนั้น ในที่สุดผู้ชายที่ใจดีก็ได้ปล่อยเธอ หน้า ของเธอเริ่มแดงและดันเขาออกด้วยความโมโหเล็กน้อย “ทิว นายมันเลว

“เนื่องจากที่ฉันเป็นคนเลว ก็ควรที่จะทำเรื่องเลวๆ สิ!” นิ้วที่เรียวยาวของทิว สัมผัสริมฝีปากอย่าสง่า ยิ้ม อย่างน่ารังเกียจ

นานาไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจ้องเขา เธอหยิบกระเป๋าขึ้น สะพายแล้วเดินไปยังประตู

ด้านหลังทิวเองก็ได้แต่หัวเราะแล้วตามไป

นานาไปถึงที่ประตูหน้าลิฟต์ ยื่นมือไปกดกลับพบว่า ลิฟต์ไม่ขยับ เมื่อทิวเข้าใกล้ลิฟต์เพิ่งจะมีปฏิกิริยา นี่เป็น ลิฟต์อัตนโนมัติ นอกจากเขาและผู้คนที่มีตำแหน่งสูง คน อื่นไม่สามารถใช้งานได้
เมื่อเดินเข้าไปในลิฟต์ นานาจงใจออกห่างจากเขา

ให้ไกล

ชายบางคนกลับรู้สึกไม่พอใจ ก็ได้ดึงเธอเข้ามา “อยู่ ห่างฉันทำไม?”

นานายืนไม่นิ่งแล้วก็ได้เข้าไปในอ้อมกอดของเขา ทั้งตัว ทิวยิ้มมุมปากเยาะเย้ย “เป็นการกอดที่รุนแรงขึ้นนะ ฉันชอบ”

“นายมันเลว…….

“นอกจากจะด่าว่าเลว เธอยังสามารถคิดคำอื่นได้อยู่ อีกไหม?” ทิวยิ้มอย่างเยาะเย้ย

นานารีบดันเขาออก “ต้องโทษที่การอบรมสั่งสอน ของฉันนั้นดี ถ้านายยั่วฉันโมโหล่ะก็ คำพูดอะไรฉันก็ด่า ออกมาได้ทั้งนั้นแหละ

ทิวหลุดขำ โดนเธอแกล้งหัวเราะจนได้ “นี่เรียกการ อบรมสั่งสอนดี? ผู้หญิงที่ดีนั้นไม่ควรด่าคนอื่นนะเท่าที่ฉัน รู้มา

นานาจ้องเขาเขม็ง “ถ้านายชอบผู้หญิงดีขนาดนั้น งั้นนายก็รีบไปหาผู้หญิงฐานะตระกูลดีๆ อย่ามายั่วโมโหฉัน”

ในตอนนั้นเองเสียงลิฟต์ดังขึ้นและเปิดออก ชายคน หนึ่งก้าวออกมาแล้วพูดทิ้งท้าย “น่าเสียดายที่ฉันชอบ แมวชนแบบเธอ

นานาไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย กลับแสดงสีหน้า ที่ไม่พอใจ “ใครบังคับให้นายชอบกัน

ทิวสตาร์ทรถของเขา น่าเกรงขามเหมือนตัวเขาเอง ทั้งโลกนี้มีแค่หนึ่งคัน

นานาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มีเงินแล้วน่าอัศจรรย์

จริงๆ

เธอเปิดประตูรถตรงข้ามที่นั่งของคนขับและนั่ง เข้าไป นานารู้สึกได้ถึงพื้นที่ที่กว้างในรถ เมื่อเขานั่งเข้ามา ภายในรถที่กว้างนั้นกลับแคบลงทันที และยังเต็มไปด้วย ความรู้สึกกดดัน

ดวงตากลมโตของนานามองซ้ายมองขวา นี่เป็นครั้ง แรกที่เธอได้นั่งรถแบบนี้ก็เลยมองให้มากอีกหน่อย ทิวส ตาร์ทรถ เสียงที่คล้ายกับเสียงคำรามของสัตว์ป่า รู้สึกได้ ทันที
ออกจากโรงรถ นานาหันไปมองชายที่นั่งด้านข้าง แล้วถาม “พวกเราไปกินที่ไหนดี?

“ร้านอาหารครั้งที่แล้ว

ทิวรู้ว่ารสชาติที่นั่นก็ยังพอเข้ากับรสชาติที่เธอชอบ ได้ นานาก็ไม่ได้ขัดอะไรเพียงแต่เธอรู้สึกว่ามันแพงไป หน่อย

ขณะที่ทานข้าวนั้น นานาตื่นเต้นเล็กน้อยกับการ ทำงานที่จะเริ่มในไม่ช้า เพราะว่าหลังจากที่เธอเรียนจบ เธอยังไม่เคยทำงานที่จริงๆจังๆในห้องทำงานซะที ก่อน หน้านั้นที่เคยทำงานที่ร้านเสริมสวยนั้นเป็นงานง่ายๆ วัน หนึ่งก็รับลูกค้าไม่มากนัก

หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ ในทางกลับบริษัทนั้น นานา มองไปยังเขา “ถ้าฉันทำพลาดล่ะ นายจะด่าฉันไหม?”

“งานฝ่ายเล็กๆแบบเธอนั้น ฉันไม่มีเวลาไปสน หรอก” ทิวใช้ถ้อยคำที่แสดงถึงความรังเกียจพูดออกมา

นานาไม่มีคำพูดโต้กลับ เขาอยู่บริษัทในตำแหน่งที่ สูงอยู่แล้ว แต่เธอเป็นแค่ลูกจ้างที่อยู่ภายใต้อำนาจของ เขา แน่นอนว่าเขาไม่มีเวลามาสนใจ
ทิวไปถึงที่โรงเก็บรถ นานาตามเขาไปยังห้องทำงาน ของเขา ประมาณบ่ายสองกว่าๆจนก็ได้เคาะประตูเข้ามา ตรงมายังนานาและเอ่ยขึ้น “คุณนานา คุณมากับฉัน ฉัน พาคุณลงไป”

“โอเค ขอบคุณนะคะ!” นานาดีใจเล็กน้อย ในเวลานี้ เองมีเสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น ” ไม่ต้องหรอก ให้เธอลงไป เอง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ