ลูกชายจอมซนกับคุณพ่อประทาน

บทที่ 142 บ้านสีธะยอมก้มหัวให้แล้ว



บทที่ 142 บ้านสีธะยอมก้มหัวให้แล้ว

วันนี้วัฒรีบไปที่บริษัทแต่เช้า ในขณะที่เขากำลังนั่ง ลงในห้องทํางานของตนเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เขารีบรับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล

“ท่านประธาน เมื่อวานพวกเราไม่ได้รับการสั่งซื้อ จากบริษัทพาทิศแล้ว ท่านรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ปลายสายที่โทรมาถามด้วยความร้อนรน

วัฒพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก แสดงว่าทิวต้องรู้เรื่อง ที่เกิดขึ้นแล้ว ทางบริษัทนั้นจึงทำการยุติการสั่งซื้อจาก บริษัทของเขา

“ถึงนั่นมันจะเป็นเพียงแค่คำสั่งซื้อสินค้าล็อตเล็กๆ แต่ลูกค้ารายใหญ่ของเราคือบริษัทตระกูลพาทิศ และ บริษัทของเรายังมีพนักงานอีกห้าพันกว่าคนที่ยังไม่ได้รับ เงินเดือน!”

“ฉันรู้ พวกนายไปหาวิธีแก้ปัญหามาก่อนแล้วกัน” วัฒมีความกังวลจนไม่รู้หาหนทางแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี

“ แต่ว่า……”

ยังไม่ทันที่ปลายสายจากคนงานของเขาจะพูดจบ วัฒก็รีบตัดสายโทรศัพท์ทันที เพราะว่าตอนนี้จิตใจของ เขาเป็นกังวลอย่างมาก และในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็มีสายเรียกเข้ามายังโทรศัพท์ของเขาอีก ครั้งหนึ่ง เขามองดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ในใจก็เริ่มมีอาการ สับสนและกังวลขึ้นอีกครั้ง เบอร์ที่โทรเข้ามาคือเบอร์ของ โรงงานแห่งหนึ่ง เขาตัดสินใจรับสายนั้น

“ฮัลโหล ท่านประธาน พวกเราพึ่งได้รับโทรศัพท์ จากทางบริษัทตระกูลพาทิศว่าเดือนนี้บริษัทของพวกเรา ไม่มีคำสั่งซื้ออีกแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น?

“ฉันรู้แล้ว และฉันก็กำลังจะหาทางแก้ไขอยู่ พวก นายดูแลเรื่องในโรงงานให้ดีไปก่อนเถอะ” วัฒพูดตอบ ปลายสายแล้วจึงวางสายไป เพียงไม่นานก็มีสายเรียกเข้า มายังโทรศัพท์ของเขาอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามถ้าทาง บริษัทพาทิศติดการติดต่อทางธุรกิจกับบริษัทของเขา นั่น ไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน นี่อาจจะเป็นเหตุการ์ณร้ายแรงมากๆ จนถึงขนาดทําให้ครอบครัวของเขาล้มละลายลงได้เลยที เดียว เพราะบริษัทพาทิศมีชื่อเสียงระดับโลกในด้านสินค้า อิเล็กทรอนิกส์และมีบริษัทจำนวนมากที่ทำการติดต่อทาง ธุรกิจกับบริษัทพาทิศ เขาทุ่มทุนและแรงใจมากกว่าจะได้ มาเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นซัพพลายเยอร์ให้แก่บริษัท ตระกูลพาทิศ

เขาจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้ บริษัทของเขาจะ ต้องอยู่ไปได้อีกนาน
ห้าปีที่ผ่านมานี้ วัฒได้รับผลกำไรไม่น้อยเลย เป้า หมายของเขาคือถ้าบริษัทตระกูลพาทิศยังทําการค้า ติดต่อธุรกิจกับบริษัทของเขาอยู่ บริษัทของเขาก็จะยังคง อยู่ไปได้อีกนาน แต่พอมาถึงวันนี้ความฝันของเขาเหมือน กําลังจะแตกสลายไปซะอย่างนั้น

วัฒได้แต่ลูบใบหน้าของตนเองเพื่อคลายความกังวล ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึก ปวดหัวเหมือนมันจะระเบิด เขาไม่คิดเลยว่าทุกอย่างใน ครอบครัวของเขาจะต้องล้มละลายเนื่องจากการตัดสินใจ ผิดพลาดเมื่อห้าปีก่อน

นี่มันเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงมาโดยตลอด ลูกสาว นอกสมรสที่เขาไม่เคยสนใจจะมีความสามารถในการ ปล่อยให้บริษัทตระกูลพาทิศมาทำลายบริษัทของเขา

ในวันนี้จิตใจของวัฒกำลังเผชิญกับสภาวะที่กลืนไม่ เข้าคายไม่ออก เขากำลังคิดที่จะหาทางแก้ปัญหา เขาจะ ไม่มีทางยอมให้บริษัทของเขามีจุดจบลงแน่ๆ

เขานึกไปถึงวิธีหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำมัน แต่ใน ตอนนี้เขาคิดว่าเขาคงจะต้องใช้มันในการแก้ปัญหาที่เกิด ขึ้นแล้วล่ะ นานาเป็นลูกสาวของเขา เธอคืนคนในสาย เลือดเดียวกับเขา ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะไม่เคยมีท่าที สนใจเธอเลย แต่ตอนนี้เขาคงต้องหวังพึ่งเธอในการแก้ปัญหาเลวร้ายนี้ซะแล้วล่ะ

มีลูกสาวหลายคนก็คงเหมือนกับมีทางเดินให้เลือก เดินหลายทาง ไม่แน่ในอนาคตนานาอาจจะกลายเป็น ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของทิวก็ได้ ซึ่งบริษัทของ เขาก็อาจจะกลับมารุ่งเรืองเหมือนเดิมก็ได้ ดังนั้นก็ไม่ใช่ เรื่องเสียหายอะไรไม่ใช่เหรอที่เขาจะเข้าไปใกล้ชิดสนิท สนมกับลูกสาวอีกคนหนึ่งของเขา

ในตอนนี้วัฒแทบจะทนไม่ไหว เขาอยากพยายาม เข้าไปมีตัวตนในชีวิตของนานาลูกสาวอีกคนหนึ่งของเขา แต่ที่เขาเป็นกังวลในตอนนี้คือนานาจะยังจำพ่อคนนี้ของ เธอได้อยู่หรือไม่

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น มิโซะก็เดินเข้ามา ในห้องทำงานของเขา เธอมองดูสามีที่กำลังใช้ความคิด อยู่บนโซฟา สีหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ของผู้เป็นสามี ทําให้เธอรีบถามสามีของตนเองด้วยความเป็นห่วง “คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

วัฒหันหน้ามามองเธอ พลางตอบกลับเธอด้วยน้ำ เสียงไม่สู้ดี “บริษัทตระกูลพาทิศทำการยกเลิกการติดต่อ ทางธุรกิจกับบริษัทของเรา ตอนนี้ในโรงงานวุ่นวายมากๆ

“อะไรกัน? ทำไมบริษัทพาทิศถึงทำแบบนี้?” เมื่อได้ยินคำกล่าวของสามีเธอก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คอยจัดการและดูแลเกี่ยวกับบริษัท แห่งนี้ และเธอรู้ดีว่าถ้าบริษัทพาทิศตัดการสั่งซื้อสินค้าไป จะเกิดอะไรขึ้น

มิโซะหน้าซีดลงทันที เธอครุ่นคิดเพียงชั่วครู่แล้วหัน ไปถามถึงหนทางที่ผู้เป็นสามีจะทำการแก้ไข “แล้วคุณ จะทําอย่างไร พวกเราไปขอความช่วยเหลือจากคุณพงศ์ ไหม?”

“ไม่มีประโยชน์หรอก ตอนนี้อำนาจในการบริหารอยู่ ในมือของทิว แล้วคุณพงศ์เขาจะช่วยอะไรเราได้ล่ะ? แล้ว ผมกับเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น กี่ครั้งแล้วที่พวก เราไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขา

“ ทิวบ้าไปแล้วหรือยังไง ! บริษัทของเราเป็นผู้ จัดหาสินค้าให้กับบริษัทของเขามาตลอดทั้งปีและไม่มีข้อ ผิดพลาดอะไร! แล้วทำไมเขาถึงจะยกเลิกการติดต่อธุรกิจ กับเราล่ะ? เขาไม่กลัวว่าบริษัทของเขาจะเสียหายหรือ อย่างไรกัน”

“เขาจะไปกลัวอะไรกันล่ะ การค้าขายอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์เป็นเพียงส่วนเล็กๆในอุตสาหกรรมบริษัท ของเขา แม้ว่าเขาจะตัดการตลาดของอุปกรณ์อิเล็คทรอ นิคส์อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรแล้วรากฐานของบริษัทพาทิศไม่มีวันสั่นไหว”

มิโซะถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ “แล้ว อย่างนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ? คงจะไม่ต้องรอดูบริษัทของ เราล่มจมไปต่อหน้าต่อตาหรอกนะ!”

วัฒมองไปยังมิโซะด้วยสายตาสุขุม “ผมมีวิธีแก้ ปัญหานี้อยู่วิธีหนึ่ง แต่ว่ามันต้องได้รับการยินยอมจากคุณ ก่อน”

“คุณรีบพูดมาเถอะ! หน้าซิ่วหน้าขวานแบบนี้จะมี อะไรที่ฉันไม่ยินยอมอีกเหรอ?”

“ผมจะไปหานานา

สีหน้าของมิโซะเปลี่ยนสีทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวของ สามี เธอรีบลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ “ อะไรนะ? คุณจะไป หามัน? คุณจะไปหามันทำไม?”

“จะไปทำอะไรได้ล่ะ? ผมก็จะไปทำความสนิทสนม กับลูกสาวของผมคนนี้

“คุณบ้าไปแล้วหรือไง! เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่เกิด มาจากผู้หญิงคนอื่นของคุณ คุณยังจะกล้าให้มันเข้ามา เกี่ยวข้องกับตระกูลสีธะเหรอ? ฉันไม่ยอมหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นคุณมีวิธีที่ดีกว่านี้ในทางที่จะช่วยบริษัท ของเราได้ไหมล่ะ? ผมอยากไปหาเธอเพื่อยอมรับความ ผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตและขอโทษเธอ ผมจะขอร้อง ให้เธอช่วยพูดให้ทิวดำเนินธุรกิจกับเราต่อไป มันไม่ดีเห รอ?” วัฒถามกลับด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิด

“คุณทอดทิ้งเด็กนั่นมายี่สิบกว่าปีแล้ว แล้วตอนนี้คุณ อยากจะไปรู้จักกับเธอ คุณคิดว่าเธอจะกล้าเจอหน้าคุณ ไหม? แล้วไหนจะเรื่องแม่ของเธอในตอนนั้นอีก เธอคงจะ ไม่สนใจในปัญหาของพวกเราหรอก”

“ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ควรจะลองดูไม่ใช่เหรอ บริษัท นี้เป็นชีวิตของผม ถ้าหากว่าสูญสิ้นบริษัทไป ชีวิตของผม มันยังจะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?”

มิโซะมองมายังผู้เป็นสามีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นอกจากวิธีนี้ คุณยังมีวิธีอื่นอีกไหม?”

“ทิวผูกขาดตลาดอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศในช่วง ปีแรกๆ แล้วคุณคิดว่าบริษัทของเรายังจะมีสินค้าล็อตใหญ่ อีกเหรอ?”

“โอเค คุณจะไปหานานาก็ได้ฉันไม่ว่า แต่อย่าหวังว่า ฉันจะแบกหน้าไปขอร้องมัน
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของผม ผมก็ต้อง ขอโทษ ผมจะขอร้องเธอให้ช่วยพวกเราให้ได้” ถึงแม้ว่าวั จะเอ่ยปากพูดไปแบบนั้น แต่ความเกลียดชังต่อนานาใน สายตาของเขากลับยังไม่ลดลงเลย

เพราะคนที่ทำให้เขามาอยู่ในจุดนี้ได้ก็คือนานา และ ในตอนนี้ที่เขามีอายุมากขึ้น เขายังต้องไปขอให้เธออภัย ให้เขา มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เต็มใจและต้องฝืนทำเป็นที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเป็นคุณตาของเด็กๆคู่นั้น ยังไงซะเด็กๆคู่นั้นก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลสีธะ เขา มีความมั่นใจมากว่านานาจะต้องอ่อนโยนเหมือนแม่ของ เธอ เขาจึงไม่รอคอยที่จะทำมัน!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ