บทที่ 229 เรียกชื่อไปแล้ว
คุณหญิงโรสจับมือของนานาไว้ตลอดเวลา ไม่ยอม ปล่อยเลย เขาก็ได้แต่มองดูลูกสาวคนเล็กของเขา แต่ใน สายตามีแต่ความรู้สึกผิด ทำไมตอนนั้นเขาถึงคิดว่าลูกคน นี้ไม่สามารถช่วยได้แล้ว?
แล้วต่อจากนั้นเขามีชีวิตอยู่ได้ไง ตอนที่เธอยัง เป็นทารก ตกลงได้รับบาปกรรมอะไรกันแน่? คุณหญิง โรสกลับไปคิดถึงเรื่องราวที่เธอคลอดลูกคนที่สอง มี เพียง2กิโลกรัมกว่าๆ ผอมจนเธอรู้สึกเจ็บปวด ในตอน ที่เธอได้ข่าวว่าไม่มีลมหายใจแล้ว ทั้งตัวของเธอก็รู้สึก ท้อแท้ไปหมด
ตอนนี้ เธอไม่กล้าเชื่อเลยว่าลูกสาวเธอจะสมบูรณ์ แบบขนาดนี้ เติบโตเป็นผู้เป็นคนแล้วยืนอยู่ต่อหน้าเธอ เธอซึ้งมากจริงๆ ซึ้งมากจริงๆ
ปั้นหยามองดูพ่อแม่ที่เอาแต่ดูนานา เขาเองก็รู้สึก โมโห หยิบกระเป๋าบนโซฟา “พ่อ แม่ หนูไปก่อนนะ”
น้ำเสียงแสดงออกเลยว่ากำลังโกรธ นานามองดูข้าง หลังของปั้นหยา และรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้ การกลับมา ของเธอ ต้องมีผลต่อปั้นหยาแน่ๆ
คุณหญิงโรสสังเกตได้ว่าสายตาของเธอมองไปทาง ปั้นหยาตลอด เขารีบปลอบใจเธอ “นานา ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่หนูก็แค่ยังยอมรับหนูไม่ได้ ต่อจากนี้พวกเราจะคุยกับ เขาอีกรอบนะ”
“คุณพ่อ คุณแม่…ขอโทษนะคะ…” นานาขอโทษ เพราะเธอรู้ความจริงตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่ได้พูดออกมา
“เจ้าเด็กโง่ คนที่ต้องขอโทษคือพวกเรา เป็นเพราะ ตอนนั้นพวกเราประมาทมากเกินไป ไม่รู้ว่าลูกยังมีชีวิต อยู่” ทางคุณพ่อก็มองแต่ลูกสาว ทนไม่ได้จนน้ำตาไหล ออกมา
“ใช่ พวกเราเสียใจมากที่วันนั้นไม่ได้กลับไปดูหนู อีกรอบ” “จะโทษแม่หนูก็ไม่ได้ หลังจากที่แม่คลอด หนูออกมา ก็เสียเลือดขนาดมากไปกระทันหัน อยู่โรง พยาบาลประมาณครึ่งเดือนถึงจะดีขึ้น และหนูในตอนนั้น ที่ถูกพยาบาลอุ้มไป ฉันรู้ว่าทุกโรงพยาบาล ต้องมีสถาน ที่จัดการเด็กที่เสียชีวิต แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าหนูยังมีชีวิต อยู่” คุณพ่อพูดพร้อมน้ำตา และความรู้สึกผิด
นานาน่าจะคิดได้แล้ว ว่าคุณแม่หาตัวเองเจอได้ อย่างไร อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นหลังจากที่แม่เพิ่งคลอด ลูกที่เสียชีวิต ดังนั้น เธอคงจะส่งไปยังห้องเด็กทารกด้วย ตนเอง จากนั้น ก็เจอตัวเองที่กลับมาหายใจอีกครั้ง
อาจจะเป็นเพราะว่าตอนคลอดไม่ได้หายใจ แล้วเริ่มหายใจต่อจากนั้นก็เป็นไปได้
“หนูไม่ได้โทษพวกคุณ หนูรู้ว่าพวกคุณเป็นคนดี ถ้า พวกคุณรู้ความจริง พวกคุณคงไม่ทิ้งหนูไปหรอก” นานา ยิ้มพร้อมน้ำตา
“พอแล้ว ลูกพ่อ หนูกลับมาก็ดีแล้ว ต่อจากนี้พวก เราจะไม่ให้หนูต้องลำบากอีกแล้ว” คุณพ่อมองดูเธอด้วย สายตาที่มีความห่วงใยจากคนเป็นพ่อ
ดวงตาของนานาก็คลอด้วยน้ำตาอีกครั้ง ตั้งแต่เล็ก จนโต เธอไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเลยแม้แต่น้อย แต่ ว่าตอนนี้ ในที่สุดเธอก็รู้สึกได้ ความอบอุ่นและสายตาของ พ่อนั้น ทําเอาเธออบอุ่นเข้าไปถึงหัวใจ
“คุณลุง คุณป้าครับ คืนนี้นานาน่าจะเหนื่อยแล้ว ผม ขอพาเธอกลับบ้านก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมจะส่งเธอไปพบที่ บ้านพลาธรนะครับ” ทิวเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว ยังไงก็ยอมรับ กันแล้ว เวลาต่อจากนี้ยังมีอีกเยอะ ไม่เร่งรีบ
คุณหญิงโรสเช็ดน้ำ ทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่าง “ถึงว่าล่ะสร้อยไข่มุขเส้นนั้นถึงมีคุณค่ากับหนูมาก ที่แท้ คุณค่าอยู่ที่นี่นี่เอง ลำบากหนูแล้วนะลูก”
นานาพยักหน้า “ใช่ค่ะ เป็นเพราะว่านั้นคือของคุณหนูก็เลยชอบ”
“ฉันควรจะให้เธอ”
“ไม่ครับ คุณป้า นี่ก็เป็นความในใจนิดๆหน่อยๆที่ผม อยากทําการกุศล” ทิวพูด
“ทิว ขอบใจนะที่คอยดูแลนานามาตลอด พวกเธอ แต่งงานหรือยัง?” คุณหญิงโรสถามด้วยความสงสัย
ทิวหันไปมองนานาแล้วยิ้ม “ผมก็อยากนะครับ!แต่ เธอก็ไม่เห็นด้วยสักที”
นานาในตอนนี้ รู้สึกเขิลอาย เธอบิดตัวไปมาและไม่
ได้พูดอะไร
“ทิวดีกับหนูมากเลยนะ นานา อย่าเสียโอกาสไปล่ะ” คุณหญิงโรสพูดพร้อมกับหัวเราะ
“พวกเรามีลูกสองคน อายุ4ปีกว่าละครับ” ทิวพูดอีก
ครั้ง
“อะไรนะ? พวกเธอมีลูกแล้ว?” คุณหญิงโรสตกใจ มาก ขนาดลูกยังมีแล้ว ยังอายุ4ปีกว่าอีก?
นานาพยักหน้า “อั้ม เป็นแฝดคู่หนึ่งค่ะ”
ข่าวนี้ทำเอาพวกเขาทั้งตกใจและดีใจ คิดไม่ถึงเลย ว่าลูกสาวจะมีลูกกับบ้านพาทิศ ดูๆแล้วว่างานแต่งนี้ต้อง จัดแน่ๆ อยู่แค่ว่าจะช้าหรือเร็ว
“คุณพ่อ คุณแม่ พวกคุณก็ช่วยพูดกับพี่ปั้นหยาด้วย นะคะ! หนูคิดว่าคืนนี้เธออาจจะไม่ค่อยโอเค” นานาก็ไม่ อยากให้ทั้งบ้านไม่สบายใจ
“เด็กคนนี้เติบโตในสายตาของพวกเรามาตลอด ถูก เลี้ยงจนตามใจกลายเป็นนิสัยไปแล้ว เมื่อกี้ทิวพูดว่า หนู เป็นห่วงความรู้สึกของเขาตลอด ถึงไม่ยอมรับพวกเรา นานา หนูจิตใจดีจริงๆ” คุณหญิงโรสทั้งดีใจและเจ็บปวด
หลังจากที่นานาได้รับคำชมจากแม่ ก็เริ่มรู้สึกเขิลอาย และเกรงใจ ทิวจูงไปที่มือของเธอ “ไปเถอะ! พวกเรากลับ ก่อน ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยส่งเธอไปบ้านพลาธร
“โอเค! งั้นพวกเธอกลับบ้านก่อน! รีบพักผ่อนนะ พรุ่ง นี้เจอกัน”
“อื้ม! พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” นานาโบกมือกับพ่อแม่ และ เดินออกไปกับทิว
หลังจากนั้น สามีภรรยาบ้านพลาธรก็ยิ้มออกมา สิ่ง หนักหน่วงในใจที่อยู่มาหลายปี ในที่สุดก็สามารถวางลง ได้ ในตอนที่พวกเขาเดินออกจากห้อง พนักงานก็รอพวก เขานานแล้ว พนักงงานนําสร้อยไข่มุขเมื่อเช้ามาให้ ทิวนำ มาจับไว้ในมือ แล้วส่งต่อไปให้นานา “ให้เธอ ฉันไม่เคย ให้อะไรเธอเลย นี่ถือเป็นของขวัญชิ้นแรกนะ จากนี้ ถ้าเธอ ชอบอะไร ฉันจะซื้อให้เธอทุกอย่าง”
ของขวัญราคา80ล้าน ทำเอานานารู้สึกลำบากใจใน การรับเลยแหละ แต่ว่า นี่คือสมบัติของคุณแม่ เธอเองก็ อยากได้มาก เธอจึงค่อยๆยื่นมืออกไปรับ เงยหน้าขึ้น แล้ว มองตากับผู้ชาย หัวใจเธอก็เต้นเร็วขึ้นมาทันที
ทิวจ้องตาเธอ แล้วยิ้มออกที่มุมปาก ขอแค่เธอชอบ จะให้เขาทําอะไรก็ได้
ขณะที่นั่งอยู่ในรถ นานาเปิดดูกล่อง แล้วหยิบสร้อย ออกมา ถึงแม้จะเป็นแค่แสงระยิบระยับอ่อนๆ แต่ก็เป็น สร้อยไข่มขที่บริสุทธิ์ ราวกับส่องแสงอ่อนๆ ถือเป็นของที่ หายากมากๆ
“ทิว พาทิศ…ขอบใจนะ” นานาพูดขอบคุณคนข้างๆ ด้วยน้ำเสียงที่ซึ้งใจ
ทิวแอบยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“ทว…” นานา บรู้สึกได้ว่า ได้เรียกเขาทั้งชื่อและ นามสกุล เหมือนไม่มีมารยาทเลย!
“เอานามสกุลออก แล้วเรียกฉันอีกรอบ ทิวพูด นานากัดไปที่ริมฝีปาก แล้วพูดเบาๆว่า “ทิว”
“เรียกอีกรอบสิ ฉันได้ยินไม่ชัด” ทิวขอร้องด้วยรอย
ยิ้ม
นานาเองก็รู้ว่าเขาได้ยิน แต่เธอก็กระแอมคอ แล้ว ตะโกนไปทางเขาว่า “ทิว”
ทิวฟังน้ำเสียงที่เรียกชื่อเขาอย่างชัดเจน รู้สึก สบายใจมาก หลังจากที่นานาตะโกนเสร็จ เธอก็แอบมี ความเขิลอาย ใบหน้าที่เล็กๆค่อยๆมองไปทางหน้าต่าง บรรยากาศต่อจากนี้ก็เริ่มอ่อนหวานมากขึ้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ