บทที่ 134 บังคับให้เธอลาออก
“ไม่เป็นไรหรอก เธอเอากรรไกรมาตัดผ้าพันแผล ออกเลย” ทิวพูดอย่างไม่ได้สนใจอะไร ขณะเดียวกันก็ บอกตำแหน่งที่วางกล่องยากับเธอ
นานารีบไปหยิบกล่องยามาแล้วนั่งลงข้าง ๆ เขา เธอ ตัดผ้าพันแผลออกอย่างเบา ๆ พยายามไม่ให้เขารู้สึกเจ็บ ถึงแม้ว่าคิ้วของเขาจะไม่ได้ขมวดเข้าหากัน แต่คิ้วของเธอ กลับพันกันยุ่งเหยิงแล้ว
เขาไม่เจ็บ แต่เธอกลับเจ็บแทนเขา
ในที่สุด เธอก็ตัดผ้าพันแผลออก มองเห็นสําลีหยุด เลือกกลายเป็นสีแดงสนิทแล้ว นานากัดริมฝีปากแล้วพูด ว่า “เอาสำลีหยุดเลือดออกด้วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก เธอเอายาขวดนั้นเทลงไปก็ได้แล้ว” ทิวส่งเสียงออกมา จริง ๆ แผลแบบนี้จะต้องไปเย็บเพื่อ ห้ามเลือด แต่ว่าก่อนหน้านี้รีบร้อนมากจนไม่ทันได้คิด อะไร ก็เลยต้องหยุดเลือดสด ๆ แบบนี้ไปก่อน
เธอพันแผลให้เขาใหม่ ครั้งนี้เธอทำสวยมากกว่าเดิม อีก นานามองดูนาฬิกาก็เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว เธอเริ่ม รู้สึกง่วง
เธอก้มลงไปเก็บกล่องยาให้เรียบร้อย ทันใดนั้นเองที่คอของเธอก็มีจี้เพชรสีขาวห้อยลงมาปรากฏต่อหน้า ม่านตาของทิว
แล้วสีหน้าของเขาก็นิ่งงันไปในทันที เขาจําได้ว่านี่ เป็นสร้อยที่ฟิวมอบให้เธอคราวที่แล้วนี่! ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ ได้มองอย่างละเอียด แต่เขามองดูก็คิดว่าน่าจะเป็นเส้นนี้ แหละ ตอนแรกที่คอเธอไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลยด้วย
มือใหญ่ของเขาคว้าสร้อยคอของเธอเอาไว้ แล้วถาม เธออย่างไม่พอใจว่า “ใครให้มา
นานารีบก๋ามือของเขาเอาไว้ กลัวว่าเขากระชากจน ขาด “เพื่อนให้มาน่ะ”
“ฟิวเหรอ?” น้ำเสียงของทิวเยือกเย็นขึ้นไปอีกระดับ
หนึ่ง
นานารีบแกะมือของเขาออกแล้วพูดว่า “นายปล่อย ก่อนได้ไหม? อย่าดึงนะ”
“ทะนุถนอมขนาดนี้เลย? ชอบมากเลยเหรอ!” น้ำ เสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมา
นานาทั้งร้อนรนและกลัว ผู้ชายคนนี้จะดึงให้ขาดจริง
ๆ เหรอเนี่ย?
ทิวไม่ได้จะดึงจริง ๆ หรอก เพราะว่าเขากลัวคอของ เธอจะเจ็บไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาอยากจะทำแบบนั้นจริง ๆ ก็ตาม
“พรุ่งนี้ตอนที่เธอไปเจอกับเขา ก็เอาไปคืนเขาซะ อะไรที่เป็นของ ๆ เขาเธอก็ห้ามรับมาทั้งนั้น” ทิวสั่งเธอ ราวกับว่าเขาเป็นสามีเจ้าบงการของเธออย่างนั้น แล้วก็ พูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า “ถ้าเธออยากได้อะไร ฉันก็ หามาให้เธอได้
นานาสายหน้าพลางพูดว่า “ฉันไม่อยากได้อะไรทั้ง นั้น แล้วฉันจะเอาไปคืนเขาเอง”
“แล้วของขวัญที่ฉันให้เธอล่ะ?”
“ยะ…อยู่ในห้องน่ะ!”
“พรุ่งนี้ใส่สร้อยเส้นนั้นที่ฉันให้เธอไป” ทิวทิ้งคำพูด
เอาไว้
“นายรีบนอนเถอะ! ฉันกลับห้องแล้วนะ” นานาไม่ อยากจะอยู่กับเขาแล้ว เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ในตอนที่เธอเพิ่งเดินไปถึงประตู เสียงของทิวก็ดัง ตามมาอีก “อย่าลืมล่ะ พรุ่งนี้ไปขอลาออกกับฟิวด้วย”
เมื่อนานาคิดว่าเธอจะต้องเสียงานที่ดีแบบนั้นไป เธอ ก็รู้สึกเสียดาย แล้วเธอก็หันมาเจรจากับทิว “นายเปลี่ยน คำสั่งหน่อยได้ไหม? เช่น นายจะให้ฉันรับปากเรื่องอื่น อะไรก็ได้”
“ไม่อยากลาออกเหรอ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มดุดัน
ขึ้นมา
“ฉันต้องทํางาน
“โอเค ฉันมีตัวเลือกให้เธอสองข้อ หนึ่ง ลาออกจาก งาน สอง แต่งงานกับฉัน เลือกได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น”
นานาที่ยืนอยู่ถึงกับชะงักไป สีหน้าของเธอดูมีความ ตื่นตระหนก แล้วเธอก็พูดออกมาว่า “งั้นฉันลาออกก็ได้!”
พูดจบเธอก็รีบปิดประตูออกไป
ด้านหลัง สีหน้าชายหนุ่มก็ยังคงแย่ลงไปเรื่อย ๆ เธอ รังเกียจที่จะแต่งงานกับเขาขนาดนี้เลยเหรอ?
นานากลับไปที่ห้องแล้วพ่นลมหายใจออกมา เสียดายจริง ๆ เธอกำลังจะต้องทิ้งงานที่สบายและเงินดี แบบนี้ไปแล้วเหรอเนี่ย แล้วที่สำคัญ พรุ่งนี้ฟิวจะยอมให้ เธอลาออกหรือเปล่าก็ยังไม่แน่เลย!
นานารู้สึกเหนื่อยมาก เธอขึ้นไปนอนบนเตียง เมื่อหัว ถึงหมอนก็หลับไปเลย
รุ่งเช้า
นานาตกใจตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกของเธอ เธอเหลือบไปมองแวบหนึ่ง เจ็ดโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย ตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะนอนต่ออีกพักหนึ่ง แต่นึกขึ้นได้วา วันนี้ต้องไปขอลาออกกับฟิว เธอก็นอนต่อไม่หลับแล้ว
เธอลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเข้าไป ปลุกเด็ก ๆ ในห้อง พาพวกเขาไปออกกำลังกายยามเช้าที่ สนามหญ้า เด็ก ๆ ก็ทำตามอย่างเคร่งครัด น่ารักมากจริง ๆ เลย
ในตอนที่นานากำลังส่ายสะโพกอยู่ ทันใดนั้นเอง ฟ้า ก็พูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “แด๊ดดี้”
นานาเงยหน้าขึ้นมองเห็นทิวยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง ดวงตาลึกซึ้งของเขากำลังมองมาทางนี้ นานารู้สึกเขิน อายมาก เธอเก็บท่าทางที่กำลังพาเด็ก ๆ ออกกำลังกาย อยู่ในทันที
ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ เธอไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง ได้เลย
ทิวเดินลงมา แล้วนานาก็มองไปยังแขนข้างที่บาด เจ็บของเขาอย่างเป็นห่วง ขณะนั้น ฟ้าก็อ้อนจะให้เขาอุ้ม นานาเลยรีบไปอุ้มลูกสาวขึ้นมา “น้องฟ้า ช่วงนี้อย่าเพิ่ง ให้แด๊ดดี้อุ้มนะลูก มือของแด๊ดดี้เขาเจ็บอยู่
“จริงเหรอคะ?” ฟ้ารีบหันไปถามแด๊ดดี้ด้วยความ
เป็นห่วง
ทิวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหนูอยากให้อุ้ม แด๊ดดี้ก็อุ้มได้”
“ไม่ได้ นายไม่อยากให้แขนหายเจ็บหรือไง?” นานา จ้องเขาด้วยความโกรธ
“แผลแค่นี้เอง ฉันไม่ได้อุ้มได้แค่ลูกนะ ฉันยังอุ้มเธอ ได้อีกด้วย” ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ
นานามองเขาอย่างเขินอาย ทันใดนั้นเอง เสียงของ ป้านีก็ดังขึ้นมา “คุณนานาคะ มีโทรศัพท์ถึงคุณค่ะ”
นานาคิดในใจว่าต้องเป็นฟิวที่โทรมาแน่นอน สายตา ของทิวมองเธอนิ่ง เตือนเธอว่าอย่าลืมขอลาออก
นานารีบวิ่งเข้าไปรับโทรศัพท์ข้างในบ้าน
แล้วก็เป็นฟิวจริง ๆ ด้วย
“ฮัลโหล!” นานารับสาย
“วันนี้พอจะมีเวลามาหาฉันหรือเปล่า?” ฟิวไม่ได้ ออกคำสั่งกับเธอ แต่เป็นการถามความสมัครใจมากกว่า
“อื้อ! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย” นานาตอบเขา
เสียงปลายสายของฟิวฟังดูเหมือนว่าเขาดีใจมาก “จริงเหรอ? มาเลย! ฉันจะรอ
นานากาโทรศัพท์ แล้วหันไปมองสามคนที่กำลังเล่น กันอยู่ที่สนามหญ้า จากนั้นเธอก็เดินออกไปนอกประตูรั้ว ของคฤหาสน์
นานาเดินกึ่งวิ่งมาที่บ้านของฟิว เธอกดออด แล้ว ประตูก็เปิดออกทันที
นานาเดินเข้ามาในห้องโถง ฟิวก็นั่งอยู่ที่นั่น ดูท่าทาง เหมือนกับเพิ่งตื่นนอน
“เมื่อคืนเล่นเกมส์จนดึกอีกแล้วเหรอ?” นานาเดินไป ข้างกายเขาด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในชีวิต ของฟิว ถึงได้รู้ว่าผู้ชายที่มีลักษณะภายนอกที่ดูดีแบบเขานั้น จริง ๆ แล้วชีวิตยุ่งเหยิงมาก เขาไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย
แม้แต่อาหารสามมื้อก็ทานไม่ตรงเวลา ชีวิตไม่เป็น ระบบเอาเสียเลย
“เปล่า อ่านบทน่ะ ละครใหม่ของฉันกำลังจะเปิด กล้องแล้ว” ฟิวพูดจบก็มองเธอ เขายิ้มตาหยีและพูดต่อว่า “ทำอาหารเช้าให้หน่อยได้ไหม?”
นานาพยักหน้า “โอเค รอแปปนะ
นานาเดินเข้าไปในครัว ส่วนฟิวก็มองตามเธอไป แวว ตาของเขาส่องประกายความอบอุ่นออกมา เขาชอบความ รู้สึกที่มีผู้หญิงอยู่ในบ้านด้วยจริง ๆ
เหมือนว่าที่นี่ไม่ได้เป็นที่ๆ เขากลับมานอนอีกต่อไป แล้ว แต่ที่นี่เริ่มมีความเป็นบ้าน นานาต้มเคี้ยวสำเร็จรูปแล้ว วางลงตรงหน้าเขา เธอนั่งลงแล้วเริ่มคิดว่าจะพูดเรื่องลา ออกกับเขาอย่างไรดี
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ