บทที่ 132 ฟิวกอดเธอ
หลังจากที่ทิวสั่งอาหารเสร็จแล้ว เขาก็ยกแก้วขึ้นมา จิบน้ำชาอย่างสุภาพ เขามองผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังทำตัว ไม่ถูก “ตาเธอแล้ว
“อ่า…นายสั่งไปตั้งเยอะแล้วนี่ ฉันไม่สั่งเพิ่มแล้วดี กว่า! กลัวทานไม่หมด” นานาคิดว่าอาหารหกอย่างก็มาก พอแล้ว
“อาหารที่นี่เน้นเรื่องรสชาติ ไม่ใช่ปริมาณหกอย่าง ยังถือว่าไม่เยอะหรอก
“งั้น…”
“ถ้าเธอสั่งไม่เป็น งั้นฉันดูเพิ่มอีกสักหน่อยก็ แล้วกัน!” พูดจบ ทิวก็วางแก้วน้ำชาลงแล้วหันไปมอง พนักงานสาว เอ่ยริมฝีปากเซ็กซี่ของเขาสั่งอาหารเพิ่มไป อีก อย่าง
นานาที่อยู่ตรงข้ามถึงกับแข็งทื่อไปเลย เธอมีลาง สังหรณ์ว่ากำลังจะหมดตัว
“ได้ค่ะ แล้วทั้งสองท่านจะดื่มอะไรดีคะ?”
“Lila Château Lafite-Rothschild Louis XIII ขนาดหกลิตรมาขวดหนึ่ง
หัวใจของนานาแทบจะถูกกระชากออกมาอยู่แล้ว ต่อให้เธอจะไม่ค่อยรู้เรื่องไวน์ เธอก็รู้ว่า Lafite เป็นไวน์ ระดับแบรนด์ดัง! นานากลืนน้ำลายลงไปแล้วพูดว่า “อ่า! พวกเราดื่มได้ไม่เยอะถึงขนาดนั้นหรอก!”
“ไวน์ที่นี่ดื่มไม่หมดก็สามารถเก็บเอาไว้ได้” ชาย หนุ่มกระตุกยิ้มออกมาราวกับว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองสั่ง เปิดไวน์ที่มีราคาแพงมากขนาดไหนมา
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ” พนักงานจากไปด้วย
รอยยิ้ม
นานา มชาของตน เธออดทนแล้วอดทนอีก จน กระทั่งเธออดทนไม่ไหว หันไปกระซิบถามชายหนุ่มว่า “นี่ ไวน์ที่นายสั่งไปเมื่อกี้น่ะราคาประมาณขวดละเท่าไรเห รอ?”
“ราคาในตลาดน่าจะประมาณขวดละสามล้านน่ะ” ชายหนุ่มพูดอธิบายอย่างสบายใจ
ดวงตาของนานาที่โตอยู่แล้วก็โตมากขึ้นมาอีกจน แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เธอมองผู้ชายคนนี้ด้วยอาการ ชะงักงัน
“หา? แพงขนาดนี้เลยเหรอ?” นานากัดริมฝีปากสีหน้าของเธอเหมือนคนกําลังจะตาย
“เอาเงินมาไม่พอเหรอ?” ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วทิวยังถาม ด้วยสีหน้าจริงจังอีก
นานาทําหน้าตาน่าสงสาร ทรัพย์สมบัติของเธอเอา มารวมกันทั้งหมดยังซื้อไวน์ขวดนี้ไม่ได้เลย!
“เอ่อ…”
“สบายใจเถอะน่า มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” ชายหนุ่มเอ่ย ปากออกมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นานามองดูเขา เธออยากจะมีศักดิ์ศรีบ้าง แต่เธอพบ ว่าตัวเองไม่ได้เลี้ยงข้าวเขาแล้วยังมาทานอาหารแพง ๆ แบบนี้ฟรี ๆ อีก วันนี้เธอทำให้เขาต้องเจ็บตัว แล้วยังจะ ต้องมาจ่ายเงินอีก เธอรู้สึกไม่สบายใจเลย!
ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย เธอหยิบแก้วน้ำ ชาขึ้นมาจิบอย่างไม่ค่อยพอใจ
“นี่เป็นที่ๆ นายมาทานข้าวในเวลาปกติเหรอ?” นานาถอนหายใจ เธอไม่ค่อยรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้เลย
“อื้อ! ปกติแล้วฉันก็มาทานที่นี่แหละ” ทิวพยักหน้า
นานาจนคำพูด คราวนี้สิ่งที่เธอติดค้างเขาก็ตอบแทน ไม่หมดแล้ว
ไวน์ถูกเปิดออกมา พนักงานเสิร์ฟช่วยบริการรินให้ พวกเขาคนละครึ่งแก้ว “เชิญค่ะ”
นานาคิดว่าในเมื่อมาแล้ว ก็คงได้แต่ตามใจเขา เธอ หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาเขย่าตามผู้ชายตรงข้าม แล้วจิมชิมไป หนึ่งอีก
เธอเป็นคนที่ไม่ว่าจะดื่มอะไรก็ไม่รู้รสหรอก ดังนั้น เธอเลยได้แต่ถอนหายใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ไวน์ขวดหนึ่ง เท่านั้น ทำไมถึงต้องแพงมากขนาดนี้ด้วยนะ
แต่ว่า เมื่อได้ดื่มไปเรื่อย ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงรสชาติ ที่ยอดเยี่ยม แล้วเธอก็คิดว่าของแพงนี่รสชาติไม่ธรรมดา เลย
ต่อจากนั้น อาหารก็มาเสิร์ฟเรื่อย ๆ แล้วก็เป็นอย่าง ที่ทิวบอกจริง ๆ ด้วย ที่นี่เน้นเรื่องรสชาติ ไม่ใช่ปริมาณ อาหารถูกจัดมาอย่างสวยงามมากก็จริง แต่เป็นแบบที่ว่า ทานกี่คำก็หมดแล้ว
ตอนแรกนานาก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ว่าเมื่อเธอได้ลอง ลิ้มรสทานเข้าไป เธอถึงได้รู้ว่า คุณพระ! ในโลกนี้มีอาหาร ที่อร่อยแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
มันอร่อยมากจริง ๆ ที่แท้แล้วอาหารแพง ๆ นี่ก็มี เหตุผลของมันสินะ!
นานาที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ถูกลักพาตัวมา ก็เลยทำให้ เธอรู้สึกหิวมาก บวกกับอาหารที่มีรสชาติอร่อย เธอเลย กลายเป็นคนทานเก่งไปโดยปริยาย แล้วเธอก็เหลือบไป มองชายหนุ่มตรงข้าม ท่าทางการรับประทานอาหารของ เขาช่างเรียบร้อยดูดีเหลือเกิน
เขาสั่งอาหารมาเยอะมากพอที่จะทำให้คนทานเก่ง อย่างเธอสามารถทานจนจุใจได้
ทิวทานอาหารไปพลางยิ้มไป ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะ บาดเจ็บเพราะเธอ แต่ว่าเรื่องนี้ก็ช่วยให้เขาเปิดประตูบาน หนึ่งออก ประตูที่สามารถเดินเข้าไปในหัวใจของผู้หญิง คนนี้ได้
เธอจะไม่กลายเป็นแมวป่าที่แยกเขี้ยวใส่เขาอย่าง ดุร้ายอีกแล้ว เมื่อมองเธออย่างละเอียด เธอก็เป็นเพียงแค่ แมวที่ทั้งน่ารักและน่าเอ็นดูอยู่ในบ้านเท่านั้น
ในขณะที่นานาทานอาหารอยู่ ดวงตากลมโตของเธอ ก็กระพริบไปตามจังหวะการเคี้ยวของเธอด้วย ทําให้ชาย หนุ่มรู้สึกว่าเธอน่ารักมากเหลือเกิน
เมื่อเทียบกับอาหารตรงหน้าของเขาแล้ว ดูเหมือนว่า เธอจะน่าทานมากกว่าเสียอีก
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงสอง ทุ่ม ทิวเตรียมพาเธอไปรับเด็ก ๆ กลับบ้าน
แต่มีคน ๆ หนึ่งที่กำลังร้อนรนใจมากจนไม่ไหวแล้ว
คน ๆ นั้นก็คือฟิวนั่นเอง ในตอนกลางวันที่เขาร่วม งานเสร็จแล้วกลับเข้ามาในรถ เขาก็ไม่เจอนานา เมื่อถาม มึน มึนก็บอกว่าหลังจากที่นานาเอาแว่นตาไปให้ เธอก็ไม่ ได้กลับมาที่รถเลย เธอยังนึกว่านานาไปหลบดูการแสดง อยู่ตรงไหนเสียอีก!
ฟิวโทรไปหาเธอ ก็ขึ้นว่าสายไม่ว่างตลอด รถของฟิว จอดอยู่ตรงนั้นเพื่อรอนานากลับมา แต่ว่าเขารอมาตั้งแต่ ตอนกลางวันจนถึงบ่ายสอง งานก็เลิกไปหมดแล้วด้วย นานาก็ยังไม่กลับมา
พวกเขาก็เลยได้แต่ออกไปจากตรงนั้นก่อน แต่ฟิวก็ ยังคงโทรหาเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่หยุดหย่อน โทรตั้งแต่สายไม่ว่างจนสุดท้ายก็ปิดเครื่องไป
ฟิวร้อนรนจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว คนทั้งคนนะ จะหาย ไปได้อย่างไร?
หรือว่าเธอจะมีเรื่องด่วนมากเสียจนต้องกลับไปก่อน? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?
ฟิวกลับไปที่บริษัท เขาตัดสินใจว่าถ้าหากว่ายังไม่ เจอตัวนานาอีก เขาก็จะไปแจ้งตำรวจแล้ว
ส่วนพี่เหมยก็บอกให้เขารอก่อนดีกว่า อย่างไรแล้ว นานาก็เป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว ไม่แน่ว่าเธออาจ จะมีเรื่องด่วนจริง ๆ เลยต้องกลับไปก่อน ไม่ทันได้มีเวลา มาบอกพวกเขา
ฟิวก็ได้แต่คิดไปแบบนี้เท่านั้น แล้วเขาก็รู้ดีว่าถ้าเขา จะตามหานานา มีที่หนึ่งที่เขาสามารถไปรอได้
นั่นก็คือที่คฤหาสน์ของทิวนั่นเอง ในตอนที่เขาเดิน ทางมาจากบริษัทนั้น ก็บังเอิญเห็นทิวกำลังพานานาออก ไปทานข้าวพอดี รถของเขาหยุดจอดรออยู่ที่ประตูรั้วหน้า บ้านของทิว รอตั้งแต่หกโมงจนถึงสามทุ่ม
ทิวพานานาไปรับเด็ก ๆ ทั้งสองคนมาแล้ว เด็ก ๆ ทั้งสองคนแปลกใจว่าทำไมวันนีทิวถึงกลับไปอย่างกะทันหัน แบบนั้น ทิวก็เลยได้แต่โกหกไปว่ามีเรื่องด่วนต้องไป จัดการเลยกลับไปโดยไม่ได้บอกพวกเขา
ส่วนนานาก็ไม่มีทางให้พวกเขารู้หรอกว่าเกิดอะไร ขึ้นกับเธอในวันนี้ ยังดีที่เด็กทั้งสองคนหลอกง่าย ก็เลย เชื่อที่พวกเขาพูด
แล้วแผลของทิวก็ถูดปิดอยู่จนมิดอยู่แล้ว พวกเขาดู ไม่ออกหรอก
รถของทิวขับตรงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงหน้าประตูรั้ว
คฤหาสน์
และในขณะนั้นเอง ท่ามกลางความมืดมิด อยู่ ๆ ก็มี แสงไฟของรถคันหนึ่งกระพริบขึ้นมา
นานามองเห็นรถที่จอดอยู่ข้าง ๆ เธอก็รู้เลยว่าเป็นรถ ของใคร เธอหันไปพูดกับทิวว่า “จอดรถก่อน ขอฉันลงไป ทักทายหน่อย”
แน่นอนว่าทิวก็รู้เหมือนกันว่าเป็นรถของใคร เขานึก ไม่ถึงเลยว่าฟิวจะมาจอดรออยู่ที่หน้าบ้านของเขา นั่น ทําให้เขาไม่พอใจมาก แต่เขาก็ได้แต่หยุดจอดรถ นานา รีบลงไปจากรถ และฟิวก็รีบวิ่งออกมาจากในรถคันนั้นอย่างร้อนรน ในตอนที่นานายังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร อ้อมแขนแข็งแรงของเขาก็ยื่นออกมาคว้าตัวนานาเข้าไป ไว้ในอ้อมกอด
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ