ลูกชายจอมซนกับคุณพ่อประทาน

บทที่ 131 เลี้ยงข้าวเขา



บทที่ 131 เลี้ยงข้าวเขา

เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมา นานาก็มองเห็นทิวกำลัง โทรศัพท์อยู่ที่ห้องโถงชั้นสอง “ครับ ช่วยดูแลพวกเขา ด้วยนะครับ เดี๋ยวผมไปรับ

พูดจบเขาก็วางสายแล้วเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาว ที่สมใส่ชุดใหม่ ดวงตาลึกซึ้งของเขาหรี่ลงเล็กน้อย

“พวกเด็ก ๆ จะกลับมาตอนไหนเหรอ?” นานามอง เขาแล้วถาม

“พวกเขาจะทานมื้อค่าที่บ้านพาทิศก่อนน่ะแล้วค่อย กลับมา เพราะฉะนั้น คืนนี้พวกเราก็ไปทานอาหารมื้อค่ำใต้ แสงเทียนที่โรแมนติกกันสองคนได้แล้ว”

หัวใจของนานากระตุกวาบ ผู้ชายคนนี้เอาอีกแล้วสินะ เขาจะทำอะไรกันแน่เนี่ย? ต้องการที่จะฉกชิงหัวใจของ เธอไปแล้วให้เธอแต่งงานกับเขาเหรอ?

นานาอ้าปากเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ เธอคิดได้ว่าห้ามเอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับเขาก่อนเด็ดขาด

เพราะว่าต่อให้เขาสละชีวิตเพื่อช่วยเธอ ก็ไม่ได้ หมายความว่าเธอจะยอมตกลงแต่งงานกับเขา

สําหรับเธอแล้ว มีเพียงความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจต่อเขาเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชอบ หรือรัก

“โอเค ฉันเลี้ยงเอง

“เธอแน่ใจนะ?”

“ก็นายช่วยฉันไว้นี่ ตามหลักการแล้วเป็นฉันที่ต้อง เลี้ยงตอบแทน” นานาแน่ใจมาก เพราะว่าตอนนี้เธอเป็น หนี้ชีวิตเขาแล้ว ดังนั้นเธอเลยอยากจะใช้ความสามารถ ของเธอเพื่อชดเชยให้กับผู้ชายคนนี้

แววตาของทิวส่งประกายรอยยิ้มออกมา ทำไมเขา จะดูไม่ออกว่าเธอมีความคิดที่จะพยายามตอบแทนให้กับ เขา?

แต่พอเธออยากจะตอบแทน เขากลับไม่อยากให้เธอ มาตอบแทนเขาเลย กลับกัน เขาอยากให้เธอได้ติดค้าง เขามากเพิ่มขึ้นไปอีก ติดค้างให้ถึงที่สุดจนเธอไม่สามารถ หาอะไรมาทดแทนได้ เขาก็จะให้เธอทดแทนด้วยตัวและ หัวใจของเธอเอง

นานาเดินไปตรงหน้าเขา ดวงตากลมโตคู่นั้นของเธอ มองสำรวจแผลเขาอย่างละเอียด เธอเป็นคนทำแผลให้ เขาเอง ก็เลยดูไม่ค่อยสวยงามเท่าไรนัก เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเขาแล้วถามเขาว่า “ไปโรงพยาบาลไหม ไปทำ แผลใหม่ให้มันดูดีกว่านี้หน่อย”

“ไม่ต้องหรอก แค่เธอพันให้ ขี้เหร่หน่อยก็ไม่ เป็นไร” ทิวพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ่ม

ใบหน้าของนานาแดงเล็กน้อย เธอพันแผลให้เขา ขี้เหร่จริง ๆ แหละ เพราะว่าในตอนนั้นใจของเธอทั้งกลัว และกังวล ไม่ต้องหวังว่าเธอจะทำแผลให้สวยงามดูดี หรอก

“แล้วจะไปทานที่ไหนกันดีล่ะ?” นานาคิดในใจว่า ในเมื่อจะเลี้ยงขอบคุณเขาแล้ว เธอจะประหยัดไม่ได้ ต้อง พร้อมเปย์ให้เต็มที่

“ฉันจะจองร้านอาหารให้เอง เธอแค่เตรียมบัตรและ เงินไปก็พอ”

“โอเค” นานายิ้มเม้มปาก แค่ได้ตอบแทนให้กับเขา บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอก็มีความสุขมากแล้ว

แต่ว่าเธอลืมอะไรไปอย่าง คนอย่างผู้ชายคนนี้น่ะ เขา ไม่มีทางไปร้านอาหารธรรมดาๆ หรอก

แต่ความคิดของนานาคืออาหารมื้อค่ำในคืนนี้ น่าจะราว ๆ ไม่เกินหลักหมื่นหรอก

ถึงแม้ว่ามันจะแพงจนเลือดซิบ แต่ว่าเธอก็ยินดี

ทิวก็กลับเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนชุด เป็นเสื้อเชิ้ต ผ้าไหมสีดำแขนยาวลงมาปิดแผลที่ถูกพันเอาไว้อย่าง ขี้เหร่บริเวณแขนของเขาพอดี แล้วสวมใส่คู่กับกางเกงสูท

ทำให้เขาดูมีสง่าราศีมาก ดูสูงส่งจนคนธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถจับต้องได้

ทิวขับรถสีดำอีกคันออกไป นานาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ไปร้านไหนเหรอ?”

“ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง” ทิวยังคงเก็บเป็นความลับ

นานาอยากจะรู้สถานที่ของร้านอาหาร เพื่อที่ว่าเธอ จะได้เตรียมใจจ่ายเงินถูก

และในที่สุด รถของทิวก็หยุดจอดลงที่ลานจอดรถ ของตึกสูงตระการตาแห่งหนึ่ง นานาเงยหน้าขึ้นไป ที่นี่ดู ไม่เหมือนกับห้างสรรพสินค้าเลย แล้วก็มองไม่เห็นป้าย ร้านอาหารด้วย

“ข้างบนมีร้านอาหารเหรอ? นานาถามอย่างแปลกใจ”

“ขึ้นไปก็รู้แล้วน่า” ทิวกระตุกยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูมีลับลม คมในมาก เมื่อนานามองเห็นก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ

นานาเดินตามเขาเข้าไปด้านในด้วยใบหน้าที่สงสัย เมื่อเดินมาถึงทางเข้าลิฟต์ พวกเขาก็เดินเข้าไปพร้อมกัน

นานาเห็นว่าเขากดเลขชั้นที่แปดอย่างไม่มีความ ลังเลใจเลย เธอกระพริบตาปริบๆ แล้วถามว่า “นายเคย มาทานที่นี่เหรอ?”

“อื้อ! มาบ่อย!”

เมื่อนานาได้ยินดังนั้นก็คิดว่าชั้นบนก็คงจะมีร้าน อาหารอยู่จริง ๆ

นานานึกได้ว่าโทรศัพท์ของเธอกำลังชาร์จแบตอยู่ เธอลืมโทรไปหาฟิวเสียสนิทเลย เขาน่าจะเป็นห่วงแล้ว มั้ง! เฮ้อ คงต้องรอกลับบ้านก่อนแล้วแหละถึงจะโทรไป บอกเขาได้

‘ตึง’ เสียงลิฟต์ดังขึ้น นานาเดินตามทิวออกมา

เธอมองเห็นบานประตูรูปแบบตะวันตกบานใหญ่บ้านหนึ่ง และทันใดนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออกทั้งสองด้าน หญิงสาวตัวสูงสองคนที่สวมใส่ชุดกี่เพ้าโค้งตัวให้พวก เขา “ยินดีต้อนรับสู่ภัตตาคารย่าซึ่งเหลาค่ะ”

นานาแอบตื่นเต้นในใจ ที่นี่มีร้านอาหารจริง ๆ ด้วย แล้วยังเป็นร้านที่ดูหรูหรามากสุด ๆ เลย

แล้วเธอก็เอามือไปทำกระเป๋าเอาไว้แน่นอย่างฉับ

พลัน

พระเจ้าช่วย! มากินที่นี่ต้องจ่ายเท่าไรเนี่ย? หวังว่าจะ ไม่ทำให้เธอกลายเป็นยาจกในเวลาชั่วข้ามคืนนะ

เมื่อเดินเข้ามาด้านในถึงได้เห็นว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลย แต่ตกแต่งอย่างหรูหรามาก มีของศิลปะโบราณวางประดับ อยู่ด้วย

จากนั้น ประตูบานตรงหน้าก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แล้ว ก็เป็นสาวสวยที่สวมใส่ชุดกี่เพ้าสองคนมาต้อนรับพวกเขา หนึ่งในนั้นเอ่ยถามทิวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณทิวคะ ที่เดิมใช่ไหมคะ?”

“ครับ!” ทิวตอบรับเรียบ ๆ

นานาได้ยินดังนั้นก็คิดว่าเขาคงเป็นแขกประจำของที่นี่จริง ๆ สินะ! นานามองเห็นว่าที่นี่ประดับไปด้วยไม้ไผ่ อย่างสวยงาม มีโต๊ะและชุดชาวางอยู่อย่างเรียบร้อย พร้อมกับเชิงเทียนเล่มเล็ก ดูละเอียดอ่อนมาก

ส่วนด้านข้างผนัง มีภาพวาดโบราณประดับอยู่ สวยงามมีเอกลักษณ์และน่ามองมาก

นานาแอบตกใจ โลกของคนรวยนี่ช่างแตกต่างจริง ๆ พวกเขาไม่ไปทานอาหารในสถานที่ๆ คนแออัดจอแจ แต่ กลับเลือกสถานที่เงียบสงบและสวยหรูแบบนี้แทน

เมื่อนานานั่งลง มองดูแก้วชาใบเล็กที่วางอยู่ตรงหน้า เธอ เธอมีความคิดอยากขโมยกลับบ้านไปเก็บสะสมไว้จริง ๆ เพราะว่ามันสวยมาก

“สวยจัง!” นานาพูดชมอย่างอดไม่ได้

หญิงสาวสวยที่สวมใส่ชุดกี่เพ้าช่วยชงชาให้พวกเขา เริ่มจากการล้างใบชาก่อน แล้วรินชาที่มีกลิ่นหอมมากที่สุด ลงในแก้วของพวกเขา นานาได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของใบชา ลอยมา ทำให้คนที่ไม่ชอบดื่มชาอย่างเธอถึงกับอดใจไม่ ไหวอยากจะหยิบขึ้นมาชิมสักจิบหนึ่ง

“เชิญค่ะ” พูดจบ พนักงานสาวก็วางเมนูอาหารลง ตรงหน้าของพวกเขากันคนละเล่ม
นานายกแก้วชาขึ้นมาจิบอย่างอดใจไม่อยู่ จากนั้นเธอ ก็มองดูเมนูอาหาร แล้วมองราคาที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นเธอ ก็เกือบจะสําลักน้ำชาออกมา

ยังดีที่เธอควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ แล้วเธอก็ กลืนลงไปอย่างยากลำบาก

คุณพระ! อาหารทุกอย่างราคาสี่หลักทั้งนั้น แล้วก็มี ห้าหลักด้วย แล้วนี่ก็เป็นแค่อาหารธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง

นานาไม่กล้าเปิดเมนูอาหารต่อเลย ต้องแพงมากแน่ ๆ ! คืนนี้กระเป๋าของเธอต้องฉีกอย่างแน่นอน

สายตาของทิวจับตามองอาการของหญิงสาวตรง หน้า เขากลั้นหัวเราะเอาไว้ แล้วสั่งอาหารด้วยสีหน้านิ่ง

น้ำเสียงของผู้ชายคนนี้ไพเราะน่าฟังมาก แต่ว่าใน ตอนนี้เขากลับใช้น้ำเสียงที่ไพเราะดึงดูดใจของเขานั้นสั่ง อาหารรวดเดียวถึงหกอย่าง นานายังไม่ทันตั้งสติ แต่เขา กลับไม่มองแม้แต่เมนูอาหารเลยด้วยซ้ำ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ