บทที่ 82 คําเตือนของเขา
เธอเดินรออยู่ที่สนามหญ้า เวลาผ่านไปยังไม่ทันจะ ถึงสามนาทีเลย ก็มีเสียงรถดังมาจากข้างนอกแล้ว จากนั้น เสียงออดก็ดังขึ้น
นานารีบเดินไปเปิดประตูบานเล็ก เมื่อเปิดประตูแล้ว ร่างกายสูงก๋าย่าของทิวก็ก้าวเข้ามา เขาเหลือบตามองเธอ อย่างเย็นชาแวบหนึ่งแล้วก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อหา ลูกของเขา
ฟิวรู้ว่าข้างนอกมีแขกมาเยือนแล้ว ร่างกายของเขา แผ่ประกายแห่งความเย็นชาออกมา เขาลุกขึ้นเดินไป ขวางไว้ที่หน้าประตู แล้วเอ่ยคำเดือนออกมาว่า “คุณชาย ทิวครับ คุณทำแบบนี้ถือว่าเป็นการบุกรุกนะครับ ผม สามารถฟ้องคุณได้
ทิวทําเป็นไม่สนใจใยดี เขามองเห็นลูกชายนอนหลับ อยู่บนโซฟาแล้วหันไปถามนานาว่า “น้องฟ้าล่ะ!”
“น้องฟ้านอนอยู่ข้างบน
“อุ้มลูกลงมา แล้วพวกเรากลับบ้านกันเถอะ
นานาเห็นว่าเขาจะต้องพาลูกกลับไปให้ได้ ก็เลยเดิน ขึ้นไปชั้นบนแล้วอุ้มลูกสาวที่กำลังนอนหลับอยู่ลงมาข้าง ล่าง
ทิวอุ้มลมขึ้นมา เมื่อเขามองเห็นนานาอุ้มลูกสาวมา แล้ว เขาก็ก้าวยาว ๆ เดินออกไป
ฟิวมองดูพวกเขาจากไปด้วยสายตาที่เย็นชา นานา อุ้มลูกเข้าไปนั่นในรถ ส่วนลมก็พิงเธอแล้วนอนหลับต่อ ข้าง ๆ ทิวสตาร์ทรถแล้วขับมุ่งตรงกลับไปที่คฤหาสน์
ใช้เวลาเพียงแค่สองสามนาทีก็ถึงแล้ว
เมื่อรถหยุดจอดลง ทิวก็ลงจากรถแล้วอุ้มลมขึ้นมา นานาเห็นว่าลูกสาวไม่ยอมตื่นนอนสักทีก็ได้แต่อุ้มเธอลง จากรถมาด้วย
หลังจากที่จัดการกับเด็ก ๆ ทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว นานาก็ปิดประตูห้องลงอย่างเบา ๆ ในขณะที่เธอกำลัง เตรียมจะกลับเข้าไปในห้องนั้นก็ถูกฝ่ามือใหญ่คว้าเอาไว้ ในทันใด เธอหันหน้าไปมองด้วยความตกใจ ใบหน้าหล่อ เหลาที่น่าสะพรึงกลัวของทิวก็ปรากฏขึ้นมา
“ทำอะไรของนายเนี่ย? ปล่อยฉันนะ!
“นานา ฉันขอเตือนเธอเอาไว้เลยนะ ต่อไปถ้าเธอจะ ไปสวีทกับคู่ขาของเธอนั่นก็เป็นเรื่องของเธอ แต่ถ้าเธอยัง จะกล้าพาลูกไปด้วยอีกล่ะก็ เธอก็เตรียมไสหัวออกไปจาก ที่นี่ได้เลย” ทิวมองเธอด้วยสายตาที่แหลมคมราวกับมีด
หวเจของนานากระตุกวาบ ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะ ทําให้เขาโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว
นานาเอามือขึ้นมาเท้าเอว เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตา กับเขาอย่างไม่กลัว “คุณชายทิวคะ ฉันคิดว่าพวกเราจะ ต้องมาคุยกันแล้วล่ะ
“ฉันกับเธอไม่มีอะไรจะต้องคุยกัน แต่ฉันมีเรื่องหนึ่ง ที่จะต้องตักเตือนเธอ ต่อไปผ้าเช็ดตัวของเธอและลูก ๆ จะ ต้องใช้แยกกันใช้” ทิวพูดยั่วเย้าเธออย่างเย็นชา
นานายังคิดตามไม่ทัน “ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่าฉันไม่อยากให้โรคที่เธอติดมาจากข้าง นอกแพร่กระจายไปสู่ลูก
นานาหน้าแดงจัด นี่ผู้ชายคนนี้หาว่าเธอสำส่อนเห รอ? เธอโกรธมากจนกําหมัดแน่นแล้วพูดว่า “นายต่าง หากที่มีโรค โรคประสาท
สายตาของทิวดิ่งล้ำลึกลงไป ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน แน่น บรรยากาศข้างนอกก็มืดสนิทแล้ว แต่ในตอนนี้ความ มืดนั้นครอบคลุมอยู่ที่รอบตัวของเขา ทำให้รอบ ๆ กาย ของเขาแผ่ประกายความเย็นชาที่น่าหวาดกลัวออกมา
ทิวค่อยๆ คลายคิ้ว ขมวดอยออก รอบ ๆ เงียบมากจนทําให้เขาดึงสติกลับมาให้เป็นปกติ
ความโกรธจัดเมื่อครู่นี้เป็นเพราะว่าอะไรกันแน่?
ทำไมทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้จะต้องทำให้ เขาสติแตกแบบนี้ตลอดเลย ทั้ง ๆ ที่เรื่องของเธอไม่ได้ เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าไม่มีลูกมา เชื่อมโยงระหว่างเขากับเธอ เขาก็ไม่มีทางไปมองผู้หญิง บ้าน ๆ แบบนี้แม้แต่ปลายหางตา
ทิวถอนหายใจออกมา เขารู้สึกหงุดหงิดกับอาการที่ เขาเองก็ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่
ร่างสูงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง แล้วเขาก็เปิดประตู เดินเข้าไปในห้องของเด็ก ๆ
แล้ววันหยุดสุดสัปดาห์ที่ค่อนข้างจะย่ำแย่ก็ได้ผ่าน พ้นไปแล้ว รุ่งเช้า หลังจากที่พาเด็กทั้งสองคนไปส่งที่ โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว นานาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมามาก
เธอเหล่ตาไปมองร่างสูงข้างกาย “ตอนเย็นมารับลูก แล้วโทรหาฉันด้วยนะ
เมื่อพูดจบ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอหยิบ ขึ้นมาดู เป็นฟิวนั่นเอง
ฮัลโหล!”
“อยู่ไหน!”
“อยู่ที่หน้าโรงเรียนของลูกน่ะ”
“มองดูทางซ้ายของเธอ รถสีดำ รีบมา” ฟิวพูดเสร็จ
ก็ตัดสายไป
นานาหันไปมองรถสีดำเงาวับไม่เหมือนใครที่จอดอยู่ ข้างทาง เธอยิ้มเม้มปากแล้วเดินก้าวยาว ๆ ออกไป เธอลืม ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไปเสียสนิท
ทวใช้สายตามองตามไป เห็นนานาอยากจะไปเจอ แฟนหนุ่มอย่างอดรนทนไม่ไหว แววตาของเขาก็แผ่ ประกายความเย็นชาออกมา ผู้หญิงคนนี้กำลังคบกับฟิวอยู่ จริง ๆ เหรอนี่?
นานาดึงเปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง เธอ ถามอย่างแปลกใจว่า “นายมาตอนไหนเนี่ย?
“เพิ่งมาถึงน่ะ” ฟิวไม่บอกเธอหรอกว่าเขามารอเธอ อยู่ที่นี่ตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งแล้ว เขารู้ว่าเธอจะต้องมาส่งลูกที่ โรงเรียน เขาเลยมารอที่นี่เพื่อจะได้รับเธอได้สะดวก
“วันนี้พวกเรามีงานอะไรหรือเปล่า?”
“ช่วยบ่ายฉันมีงานโฆษณาน่ะ ไปกินข้าวเช้ากับฉัน ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” พูดจบ ฟิวก็เหยียบคันเร่ง รถสีดำส่ง เสียงดังออกมาราวกับเสียงปิศาจคำรามแล้วแล่นออกไป
ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เดินไปทางรถหรูอีกคันมีสีหน้า แย่ลงอย่างฉับพลัน จากนั้น รถของเขาก็แล่นออกไปในตัว เมืองอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู
พี่เหมยเปิดประชุมตอนเช้าตามปกติ เธอเรียกคนทั้ง บริษัทเข้ามาในห้องประชุม วิเคราะห์และคุยกันถึงเรื่อง ข่าวต่าง ๆ ของฟิว
ส่วนพระเอกของเรื่องกลับใส่หูฟังและเล่นเกมอยู่บน
เก้าอี้
นานาแทบจะหลุดหัวเราะออกมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าเมื่อมองเห็นสีหน้าที่จริงจังของพี่เหมย เธอก็เลย แสร้งทำเป็นตั้งใจฟังต่อ
“งานโฆษณาในช่วงบ่าย พวกเราจะส่งบอดี้การ์ด เพิ่มอีกแปดคนตามไปด้วย มีฉัน นานา แล้วก็ผู้ช่วยอีก สองคนออกงาน” เมื่อนานาได้ยินว่าเธอก็ต้องออกงาน ด้วย เธอก็รีบส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ไม่ได้ค่ะ พี่เหมย ฉันไปไม่ได้หรอก ตอนนี้ฉันยังเป็นข่าวกับเขาอยู่เลยนะคะ! ถ้าหากว่าฉันไปด้วยจะต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอีกแน่ ๆ นอกจากฉันจะเป็นช่างแต่งหน้าของเขาแล้ว ฉันก็ไม่ได้มี ความสัมพันธ์อะไรกับเขาเลยนะคะ! แล้วฉันก็ไม่ได้อยาก จะมีด้วยค่ะ”
คำพูดของนานาทำให้สาว ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับตกใจ จนตาโต นี่นานาจริงจังใช่ไหม?
“นานา ครั้งนี้เธอดังแล้วจริง ๆ แต่ว่าเธอช่วยคำนึง ถึงสถานการณ์และจุดยืนของคณฟิวด้วย พวกเราไม่อยาก ให้เขากลายเป็นผู้ชายไม่เอาไหนในสายตาของสังคมข้าง นอก เพราะฉะนั้นพวกเราได้ตัดสินใจยอมรับว่าพวกเธอ กําลังคบกันอยู่
นานาทําตาโตขึ้นมาอย่างตกใจ “อ่า!”
“นานา เธอไม่รู้ว่าเพราะเรื่องนี้น่ะทำให้เรทติ้งของ คุณฟิวพุ่งสูงขึ้นมามากจนทำลายสถิติแล้ว
พี่เหมยยิ้มออกมา “ดังนั้น พวกเราจะไม่ให้สัมภาษณ์ อธิบายเกี่ยวกับข่าวนี้ ให้พวกนักข่าวเขียนกันไปเองเลย! แค่ไม่แบล็คเมล์กัน พวกเราก็จะหลับหูหลับตาทำเป็นว่า ไม่เห็นไป นานา เธอก็เป็นแฟนของคุณฟิวไปชั่วคราวก่อน ก็แล้วกันนะ!”
“ฉัน…พี่เหมย ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ!” นานาอยากจะ ร้องไห้ออกมา เธอไม่อยากจะเป็นข่าวดังสักหน่อย แล้วต่อ ไปเธอจะใช้ชีวิตอย่างไรล่ะ?
“เอาน่า จบประชุมเพียงเท่านี้นะ!” พูดจบ พี่เหมย หันไปพูดกับชายหนุ่มที่กำลังเล่นเกมอยู่ข้าง ๆ ว่า “คุณ ฟิว คุณมีเรื่องอะไรที่จะเสริมอีกไหม?” ฟิวถอดหูฟังออก มองดูลูกน้องแล้วพูดว่า “นานาอยู่ที่นี่ก่อน คนอื่นออกไป ทำงานต่อได้ครับ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ