ลูกชายจอมซนกับคุณพ่อประทาน

บทที่ 74 เธอเป็นบุคคลที่น่าขยะแขยง



บทที่ 74 เธอเป็นบุคคลที่น่าขยะแขยง

“นานา” เขาเดินตรงไปยังร่างบางที่นั่งอยู่พลาง

เรียกชื่อเธอ

นานาหันหน้ากลับมามองเขาเพียงชั่วครู่ เสียงถอน หายใจยกใหญ่จากร่างบางทำให้เขารู้ดีว่าเธอไม่อยากจะ คุยกับเขาสักเท่าไหร่

“เรื่องของเธอกับฟิวมันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม” ทิว เอ่ยถามไปพลางจ้องดวงตากลมโตของหญิงสาวตรงหน้า อย่างต้องการรู้ความจริงจากปากเธอ

“ทำไมล่ะ? เดี๋ยวนี้คุณชายของบ้านตระกูลพาทิศ เริ่มชอบขุดคุ้ยอดีตของคนอื่นแล้วเหรอ?” นานาขมวดคิ้ว พลางหันไปถามทิว มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรอกที่เขาจะรู้ ข่าวเกี่ยวกับเธอและฟิว เพราะเขาต้องใช้คอมพิวเตอร์ใน การทํางาน

“ทางที่ดีเธอควรจะพูดความจริงกับฉัน ว่าเรื่องที่เกิด ขึ้นมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ทิวข่มเสียงต่ำลงเมื่อเห็นว่า นานายังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดเผยความจริงออกมาให้เขาได้ รับรู้

“ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ยังไงเรื่องนี้มัน ก็เป็นเรื่องของฉัน มันไม่เกี่ยวกับนาย! นานายิ้มตอบด้วย รอยยิ้มเยือกเย็นกลับไป
“มันไม่เกี่ยวกับฉันก็จริง แต่ว่ามันเกี่ยวกับลูกๆ ฉัน ไม่อยากให้ลูกๆรู้เรื่องที่แม่ของพวกเขาเป็นคนปลิ้นปล้อน หลายใจ เป็นผู้หญิงใจง่ายแบบนี้หรอกนะ” ทิวเริ่มมีสีหน้า เคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม เมื่ออารมณ์โกรธที่พยายามระงับไว้ เริ่มจะะทุขึ้นมาอีกครั้ง

“นายว่าใครหลายใจ? นายว่าใครใจง่าย?” นานาเอง เมื่อได้ฟังคำกระแทกกระทั้นจากทิวก็โกรธขึ้นมาไม่แพ้ กัน ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงเชือก ด้วยความโกรธมากขึ้น เรื่อยๆ

“ก็รูปเมื่อวานในไอแพดของเธอ นั่นไม่ใช่เพราะ เธอกำลังมีความสัมพันธ์ลับๆกับผู้ชายคนอื่นอยู่หรือยัง ไง? เห็นทีว่าร่างกายของเธอคงจะไม่ใช่ฉันเพียงคนเดียว ที่เคยสัมผัสมัน อาจจะมีผู้ชายอีกหลายคนเลยใช่ไหมที่ ได้เห็นมัน ทิวกดเสียงลงต่ำพลางมองไปทางนานาด้วย สีหน้าเย้ยหยัน

พอนานาได้ยินคำพูดที่แสดงถึงความเหยียดหยาม และดูถูกในตัวเธอ เธอก็ใช้เวลาในการคิดเพียงชั่วครู่ สัก พักเธอก็คิดออก รูปที่ทิวเห็นคงเป็นรูปของเจ้าของห้อง เช่าคนเก่ากับลูกชายของเขา นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายตรง หน้าจะเห็นมันและยังเอาไปคิดเป็นตุเป็นตะว่าเธอมีความ สัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่น
“ฉันจะมีผู้ชายอีกสักกี่คน มันก็เป็นเรื่องของฉัน”

“แล้วเรื่องของเธอกับฟิวล่ะ?” ทิวยังคงถามคำถาม ที่ค้างคาในใจด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “มีอะไรกันแล้ว ?

นานาได้แต่นิ่งเงียบฟังคำดูถูกที่มาจากทิว ผู้ชายตรง หน้ากล้าคิดกับเธอแบบนี้ได้อย่างไง เธอลุกขึ้นยืนเพื่อ ประชันหน้ากับเขา พร้อมตอกกลับไปยังบุคคลตรงหน้า “แล้วมันเป็นเรื่องอะไรของนายล่ะ? ตราบใดที่ฉันเต็มใจ

ฉันก็สามารถนอนกับผู้ชายนับพันคนได้

เมื่อพูดจบเธอก็รู้สึกว่าถ้ายังพูดโต้แย้งกับเขาไปแบบ นี้มันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เธอจึงเดินเลี่ยงออกมาเพื่อจะไป ดื่มนําดับความกระหายสักหน่อย

ยังไม่ทันที่เธอจะเดินผ่านพ้นร่างของทิวไป มือของ เธอก็ถูกเขาดึงไปจนร่างเธอแนบชิดร่างของเขา

เธอพยายามทั้งผลักทั้งกระแทกศอกไปยังร่างสูง เพื่อให้ปล่อยแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย

แผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นทำให้เธอไม่ สามารถผลักดันเขาให้ออกห่างได้ เธอได้แต่มองเขาด้วย สายตาแข็งกร้าวเพื่อให้ปล่อยเธอไป
“นายจะทําอะไร?” ถึงแม้นานาจะโกรธขนาดไหน แต่ก็ต้องค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากจนเกินไป เพราะกลัวว่าลูกๆที่วิ่งเล่นอยู่บนสนามหญ้าจะได้ยิน

หลายครั้งแล้วนะที่ผู้ชายคนนี้มักจะทำตัวหยาบกร้าน กับเธอ?

ยังไม่ทันที่จะได้ต่อว่าชายตรงหน้าอีกรอบ เธอก็ได้ ยินเสียงของลูกๆที่เริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ ลมกับฟ้าคงจะ บังคับเครื่องบินวิ่งเล่นกันไปที่อื่นแล้ว

มือหนาของทิวเลื่อนมาบีบบริเวณขากรรไกรของ นานา ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา “เธอคิดจะทำ อะไร ฉันแค่อยากจะถามว่าเธอคิดจะทำอะไร ผู้หญิงที่มี ลูกแล้วถึงสองคนยังคิดจะไปหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นอีก เหรอ เธอยังมีความรับผิดชอบในหน้าที่การเป็นแม่คนอยู่ หรือเปล่า?”

ทิวโกรธอย่างมาก ใบหน้าคมของเขาแฝงไปด้วย ความเย็นชาและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน คำพูดที่ออกมา จากปากของเขาล้วนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาดั่งน้ำ แข็ง

นานารู้สึกแย่มากที่โดนกล่าวหาอย่างนั้น เธอได้แต่ กัดริมฝีปากบางเพื่อกลั้นอารมณ์เสียใจ “นายพูดออกมาโดยงไงวาฉันไม่มีความรับผิดชอบ :

ริมฝีปากเยือกเย็นของทิวเคลื่อนตัวไปใกล้ใบหน้า ของเธอ เขาโน้มตัวลงใกล้กับใบหูของนานาพลางพูด ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเธอมีความรับผิดชอบจริงก็ ควรจะดูแลลูกๆให้ดี ไม่ใช่วิ่งโร่เข้าหาผู้ชายแบบนี้”

“นี่นายคิดว่าฉันวิ่งโร่เข้าหาผู้ชายงั้นหรอ?” นานา โกรธจนหน้านวลของเธอขึ้นสีแดงเข้ม ในใจก็ร้อนรนเมื่อ โดนดูถูกซ้ำไปซ้ำมา

“งั้นเธอก็บอกมาสิว่าเธอกับฟิวเป็นอะไรกัน?” ทิว ยังคงคาดเค้นที่จะถามคำถามเดิมจากนานา เขาอยากรู้คำ ตอบจากปากเธอให้แน่ชัดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่

นานามองเข้าไปยังดวงตาเจ้าเล่ห์ที่แฝงไปด้วยความ เย็นชาของชายตรงหน้า เธอหายใจเข้าลึกๆพลางตัดสิน ใจตอบคำถามเขา “เราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น! ฉันก็แค่ ทำงานกับเขา เมื่อวานนายก็เห็นว่าที่นั่นมันไม่มีเตียง หรือ ว่านายตาบอด ?

ประโยคสุดท้ายจากนานาเหมือนกับเธอกำลังจงใจ

ด่าเขา

เมื่อทิวได้คำตอบจากร่างบางตรงหน้าอย่างพอใจแล้ว เขาจึงคลายมือออกจากขอมอบางของเธอ จากนั้น เขาจึงพูดกับร่างบางตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบอีก ครั้งว่า “ ทางที่ดีเธอควรจะระวังตัวเองให้มากกว่านี้ ไม่ อย่างนั้นเธออาจจะถูกฆ่าก็ได้”

ประโยคนี้ล้วนถูกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ไร้ความรู้สึกอย่างเช่นทุกครั้ง

นานาสูดลมหายใจเข้าเพื่อระบายอารมณ์คุกรุ่นที่เคย มีให้หายไป เธอเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงตรงหน้า ดวงตาที่ แลดูเย่อหยิ่งของชายตรงหน้า ทำให้เธออดที่จะขำออก มาไม่ได้ “ประโยคที่นายพูดออกมาเมื่อกี้ดูเหมือนกับว่า นายกำลังดึงฉันอยู่เลยนะ? ทำไม? ฉันไม่มีดีอะไรเลยนาย ก็ยังสนใจฉันเหรอ?”

คิ้วของทิวขมวดเป็นปมเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินคำ พูดของนานา ริมฝีปากหนาเผยรอยยิ้มขึ้น เพื่อเย็นหยัน ร่างบางตรงหน้ากลับทันที “เธอคิดไปเอง”

นานาจึงยิ้มตอบกลับพลางแสดงสีหน้าอย่างผู้ชนะ “ฉันก็คงคิดมากไปเองแหละ เพราะถ้าหากว่านายชอบฉัน ขึ้นมาจริงๆ ต่อให้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตฉันก็ไม่ชอบนายก ลับแน่นอน”

เธอยืนกรานว่าชั่วชีวิตของเธอจะไม่มีวันชอบคนอย่างเขายังงั้นเหรอ

ใบหน้าของทิวก็ฉายแววความเยือกเย็นดุจน้ำแข็งดัง เดิม ปากก็ยังเปล่งคำพูดออกมาเพื่อโต้ตอบฝั่งตรงข้าม “ถ้าหากบนโลกใบนี้เหลือเธอเป็นผู้หญิงอยู่เพียงคนเดียว ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองพิจารณา ดูอีกทีนะ”

ทางด้านนานาก็เบะปากขึ้นพลางหันไปพูดกับผู้ชาย ตรงหน้าว่า “ถ้าหากว่าผู้ชายบนโลกตายกันหมด แล้ว เหลือนายแค่เพียงคนเดียว ฉันจะไปโดดตึกฆ่าตัวตายจะ ได้ไม่ต้องมาเจอนายอีก”

ผู้หญิงตรงหน้าเธอเปรียบเขาราวกับเขาเป็นสิ่งที่น่า ขยะแขยงสิ่งหนึ่ง

ทิวรู้สึกว่าอารมณ์โกรธที่ดับลงไปแล้วกำลังจะกลับ มาปะทุขึ้นอีกรอบ เธอทำให้เขาโกรธจนเกือบจะหยิบยก เรื่องราวในอดีตกลับมาพูดโต้ตอบเธออีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ เป็นคนยังไงกัน ทำไมถึงชอบหาเรื่องให้เขาอารมณ์เสีย อยู่เรื่อยเลย

ณ บ้านพาทิศ

เมื่อนารารับประทานอาหารที่บ้านพาทิศเรียบร้อย แล้ว เธอคิดไว้ว่าจะไปเดินช้อปปิ้งซื้อของขวัญไปให้ลูกๆของทวทบ้านพักสักเล็กน้อย เธอต้องทาราวกับวารกแล เอ็นดูเด็กสองคนนั่น “หนูนารา ถ้าหนูไปถึงบ้านของทิว หนูต้องทำอย่างไงก็ได้ ให้เด็กสองคนนั่นชอบหนูนะ” คุณนายเกรซชี้แนะหนทางให้แก่นาราทันที เพราะวันนี้ หลังจากที่ได้เห็นข่าวของนารากับฟิวเธอก็รู้สึกเป็นกังวล อย่างมาก กลัวว่าแม่ที่ไม่ดีอย่างนานาจะพรากหลานชาย และหลานสาวของตนหนีไปด้วย

เธอหวังว่านาราจะรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

เมื่อนาราได้รับกำลังใจและคำชี้แนะเรียบร้อยแล้ว เธอหยักหน้าตอบรับไปมาด้วยรอยยิ้มพอใจ “คุณป้า วางใจเถอะค่ะ หนูจะดูแลเด็กสองคนนั้นเป็นอย่างดี แล้ว หนูก็จะทำให้ทิวสบายใจแน่นอน”

“ดีเลยจ้ะหนูนารา!” คุณนายเกรซเห็นด้วยแล้วจึง หยักหน้ารัวๆราวกับชื่นชมให้กับนารา

เมื่อเดินทางออกมาจากบ้านพาทิศแล้ว นารา แวะเข้าไปซื้อของในตลาดแถวนั้น เธอจัดการเลือกซื้อ ของขวัญเพื่อจะเอาไปให้เด็กๆ หลังจากเธอจัดการซื้อ โทรศัพท์และนาฬิกาเธอก็จัดการซื้อของเล่นเด็กอย่างอื่น อีกแปดชิ้น ทั้งของเล่นของเด็กผู้ชายและของเล่นเด็กผู้ หญิงอย่างละสี่ชิ้น
เมื่อได้เห็นของเล่นเด็กที่ถูกซื้อมาไว้อย่างเยอะแยะ มากมาย ในใจเธอก็คิดไว้ว่าเด็กๆจะต้องชอบเธอมากแน่ๆ

ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบของเล่นหรอกจริงไหม

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว นานา กับทิวต่างก็ไม่มีความสุข เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องของ ตนเอง

เด็กน้อยทั้งสองคนต่างก็ออกไปวิ่งเล่นกันอย่าง สนุกสนาน ไม่ทิ้งให้อีกฝ่ายโดดเดี่ยว นานาคิดว่านี่ก็เป็น อีกเรื่องหนึ่งที่เธอรู้สึกดีไม่น้อยเพราะลูกของเธอทั้งสอง คนต่างรักใคร่กลมเกลียวกันดี

ทิววางแผนไว้ว่าจะพาลูกทั้งสองคนของเขาไปเที่ยว ที่สวนสาธารณะแถวนี้ ลูกของเขาทั้งสองคนล้วนมีรถ จักรยานคันเล็กๆคนละหนึ่งคัน ตอนนี้เด็กๆก็โตพอที่จะขี่ มันได้ด้วยตัวของตนเองแล้ว ส่วนเขาก็คงจะทำหน้าที่เป็น บอดี้การ์ดในการดูแลความปลอดภัยของเด็กๆทั้งสองคน เพียงเท่านั้น

เส้นทางที่เขากำลังพาลูกๆขี่ไปมันไม่ค่อยมีรถผ่าน สักเท่าไหร่ จึงสะดวกและปลอดภัยในการที่จะให้เด็กๆ

กันเอง
“พี่ลม รอฟ้าก่อน” ฟ้าขี่รถจักรยานคันเล็กตาม หลังลมไป สายตาของทิวก็จับจ้องไปยังลูกชายและ ลูกสาวทั้งสองเพราะกลัวว่าเด็กๆจะขอย่างไม่ระวัง อาจจะ ล้มลงไปจนเกิดอาการบาดเจ็บได้ แต่ยังดีที่จักรยานคัน น้อยทั้งสองคันยังมีล้อที่ป้องกันในกรณีที่รถล้ม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ