บทที่ 45 ตั้งกฎกติกา
ผ่านเที่ยงคืนแล้ว นานานอนอยู่บนเตียง พลิกไป พลิกมานอนไม่หลับ เธออยากไปดูลูกว่าได้ห่มผ้าหรือ เปล่า เธอเปิดประตูออกเบาๆ เดินไปที่ห้องของเด็กๆ
เธอเปิดประตูช้าๆ แล้วเธอก็หยุดชะงัก
เธอเห็นชายร่างใหญ่นอนอยู่ตรงหัวเตียงของเด็กๆ เธอห่มผ้าให้ลูกเบาๆ จากนั้นจับที่หน้าผากของลูกทั้งสอง ดูว่ามีเหงื่อออกไหม
ไฟที่สลัวส่องไปที่ร่างกายของทิว ทำให้ร่างกายดู ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย
ในขณะที่นานาหันหลังกำลังจะเดินออกไป ก็โดน หยุดด้วยคำพูดของทิว “รอก่อน
นานาทำตัวไม่ถูก เขาเห็นเธอได้ไง? เมื่อกี้เธอเงียบ
มากเลยนะไม่มีเสียงเลย
ทิวเคยฝึกมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะด้านต่อสู้ ด้านการ ฟัง หรือดมกลิ่น ก็โดนฝึกมาอย่างดี เมื่อกี้นี้ ถึงแม้นานาจะ เปิดประตูเบาแค่ไหน แต่เขาก็ได้ยินเสียงลมที่พัดเข้ามา พร้อมกับได้กลิ่นหอมของผู้หญิง
ผ่านเที่ยงคืนแล้ว นานานอนอยู่บนเตียง พลิกไป พลิกมานอนไม่หลับ เธออยากไปดูลูกว่าได้ห่มผ้าหรือ เปล่า เธอเปิดประตูออกเบาๆ เดินไปที่ห้องของเด็กๆ
เธอเปิดประตูช้าๆ แล้วเธอก็หยุดชะงัก
เธอเห็นชายร่างใหญ่นอนอยู่ตรงหัวเตียงของเด็กๆ เธอห่มผ้าให้ลูกเบาๆ จากนั้นจับที่หน้าผากของลูกทั้งสอง ดูว่ามีเหงื่อออกไหม
ไฟที่สลัวส่องไปที่ร่างกายของทิว ทำให้ร่างกายดู
ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย
ในขณะที่นานาหันหลังกำลังจะเดินออกไป ก็โดน
หยุดด้วยคำพูดของทิว “รอก่อน
นานาทำตัวไม่ถูก เขาเห็นเธอได้ไง? เมื่อเธอเงียบ
มากเลยนะไม่มีเสียงเลย
ทิวเคยฝึกมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะด้านต่อสู้ ด้านการ
ฟัง หรือดมกลิ่น ก็โดนฝึกมาอย่างดี เมื่อกี้นี้ ถึงแม้นานาจะ เปิดประตูเบาแค่ไหน แต่เขาก็ได้ยินเสียงลมที่พัดเข้ามา
พร้อมกับได้กลิ่นหอมของผู้หญิง
นานายืนอยู่ที่ประตู รอเขาออกมา ทิวปิดประตูเบาๆใชสายตาทแหลมคมมองไปทางเธอ
นานารีบก้มหัวลง พึ่งนึกได้ว่าตนเองใส่แค่ชุดนอ นบางๆ ภายใต้ชุดนอนนั้นไม่ได้ใส่อะไรเลย เธอรีบใช้มือ กอดตัวเองไว้ พูดกับทิวด้วยความโมโหเล็กน้อย “อย่า มองฉันนะ”
ริมฝีปากที่เซ็กซี่ของทิวขยับพูดว่า “เธอคิดว่าหุ่น ของเธอดึงดูดฉันหรอ?”
นานารู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร ถึงแม้เธอจะไม่ ยอมรับ แต่นาราสวยกว่าเธอจริงๆ หุ่นก็ดีกว่า เขาเคยนอน กับนารา ก็คงไม่คิดจะมองเธอแน่นอน
“นายเรียกฉันทำไม?” นานาหันหน้าไปอีกด้านแล้ว
ถาม
“เรามาตั้งกฎกัน ในเมื่อจะอยู่ด้วยกันสองปี ถ้าไม่มี กฎ จะวุ่นวายต่อหน้าลูกได้” ทิวพูดจบก็เดินไปนั่งที่โซฟา ห้องรับแขก เขาใส่ชุดนอนสีเทา ร่างที่ใหญ่โต มีความ กดดันเล็กน้อย
นานาเดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามทิว “ได้ นายตั้งหรือ
ฉันตั้ง”
“นี่เป็นบ้านของฉัน ฉันตั้งเอง” ทิวประกาศความเป็น
เจ้าของ
“โอเค! พูดมาสิ” นานาตัดสินใจฟังกฎของเขาว่ามี อะไรบ้าง
“ข้อหนึ่ง ต้องเอาลูกเป็นศูนย์กลาง ให้พวกเธอได้รับ ความรักจากทั้งพ่อและแม่ ข้อสอง เราสองคนอยู่ด้วยกัน อย่างสงบสุข เธอต้องไม่แสดงนิสัยไม่ดีของเธอออกมา ต้องเป็นแม่ที่ใจกว้าง และถ้าต่อหน้าลูกแล้ว ทำผิดก็ต้อง ยอมรับห้ามหลบหนี”
นานาฟังแล้ว กัดริมฝีปากเล็กน้อย เขาหมายถึงเรื่อง ที่นาราตบตัวเองหรอ? ช่างเถอะ ในเมื่อเธอยอมรับไปแล้ว ว่าตนเองเป็นคนตบ ตอนนี้จะมาอธิบายอีกทำไมล่ะ?
อีกอย่าง เขาเป็นแฟนของนารา ถ้าเธออธิบายตอนนี้ สิ่งที่เธอได้รับคงไม่ใช่คำขอโทษแต่อาจจะเป็นการประชด คืนก็เป็นไปได้
ทิวพูดต่อไปเรื่อยๆ “ข้อสาม เราห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัว ของกันและกัน ที่สำคัญคือ เธอห้ามมาแอบดูฉัน และห้าม นำเรื่องส่วนตัวของฉันไปเปิดเผยหรือขายให้กับสื่อ
นานาทนไม่ไหวตอบกลับไปว่า “นายคิดมากแล้ว ฉันไม่มีความสนใจในตัวนาย
ทิวกระพริบตาเล็กน้อย “นี่เป็นกฎ ทางที่ดีอย่าแหก
กฎนะ”
“แล้วฉันล่ะ ไม่มีกฎข้อไหนที่คุ้มครองฉันหรอ?” นานาถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เธอมีอะไรให้คุ้มครอง ฉันต้องการแค่ เวลาเธออยู่ ในบ้านนี้ ใส่เสื้อให้มิดชิด ห้ามแต่งตัวเปิดเผย แล้วเดินไป เดินมา ”
นานาชะงักทันที หน้าของเธอแดงเล็กน้อย “ฉันไม่ ได้มีโรคที่อยากจะเปิดเผยร่างกายนะ ฉันจะเปิดเผยต่อ หน้านายได้ไง? นายคิดมากแล้ว
ใบหน้าที่หล่อเหลาของทิวมองเธอด้วยสีหน้าไร้ ความรู้สึก “ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ ไม่งั้น ฉันมีบทลงโทษ”
“ลงโทษ? ลงโทษอะไร?”
“ถ้าฝ่ายไหนไม่ทำตามกฎ หรือแหกกฏ จะโดนอีก
ฝ่ายลงโทษ”
“ลงโทษอะไร?” นานาถาม
“แล้วแต่อีกฝ่าย แต่ฝ่ายที่โดนทำโทษห้ามขัดขืน ทิวตั้งกฎอย่างมุ่งมั่น
นานาขมวดคิ้วคิดอยู่นาน “ได้ ฉันรับปาก แต่ว่า ฉัน
ขอเพิ่มอีกสองสามข้อ
“พูดมาสิ!” ทิวรอฟัง
“ข้อแรก ห้ามให้คนบ้านสีธะเข้าใกล้ลูก โดยเฉพาะ
นารา”
“ได้”
“ข้อสอง ฉันจะไม่ไปทำความรู้จักกับคนบ้านพาทิศ
“ฉันกำลังจะพูดเรื่องนี้เหมือนกัน”
“ข้อสาม นายต้องให้เกียรติฉัน พฤติกรรมที่รุนแรง แบบวันนี้ต้องห้ามทำอีก
ริมฝีปากเย็นชาของทิวขยับพูด “ได้ แต่เธอต้องเชื่อ
“ทำไมฉันต้องเชื่อฟังนายด้วย?” นานาถามด้วยน้ำ
เสียงที่ไม่พอใจ
ทิวยิ้มอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าเรามีสิทธิเท่ากันหรอ? เธอผิดแล้ว เธออาศัยอยู่บ้านฉัน อยู่ภายใต้ความดูแลของ ฉัน ฉันปกป้องเธอไม่ให้ถูกรบกวนและทำร้ายจากบ้านสีธะ ดังนั้น ฉันยอมรับแค่สองข้อแรก ส่วนข้อสุดท้ายนี้ดูตาม สถานการณ์ละกัน อย่าลืมสิ เธอเป็นคนขอให้ฉันช่วยนะ
นานาพูดไม่ออก กฏพวกนี้เขาตั้งขึ้นมาคนเดียว พูด ไปพูดมา เขาก็แค่ต้องการจะเน้นว่าเธอไม่มีสิทธิอะไรใน บ้านนี้ต่างหาก
“เรื่องโรงเรียนฉันจัดการให้ลูกแล้ว วันจันทร์นี้ก็ไป เข้าเรียนได้เลย”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความง่วงของนานา จ้องมองไป ทางเขา เหมือนเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่อยากฟังผู้ใหญ่พูด แล้ว “พูดจบยัง? ถ้าจบแล้ว ฉันจะไปนอนแล้ว
ทิวลุกขึ้นก่อนเธอ “จากนี้ไปมากินอาหารเช้าตอน แปดโมงตรง ห้ามขี้เกียจ ห้ามสาย
นานาดูนาฬิกา ตีหนึ่งแล้ว เธอจึงรีบกลับไปนอนที่
ห้อง
พอกลับมาถึงห้อง เธอก็หลับตานอนเลย การตั้งกฎ ในครั้งนี้ ทำให้เธอสบายใจขึ้นเยอะเลย อย่างน้อยเขาและเธอจะอยู่ในบ้าน อย่างสงบสุข ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
ณ เช้าตรู่
ประมาณแปดโมง นานาลงจากบันไดด้วยท่าหาว เดิน มาถึงโต๊ะอาหาร เด็กทั้งสองนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว และข้างๆมี ผู้ชายที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนัก
นานารีบเดินไปนั่งข้างลม ยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีตอน เช้า!”
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ มาเหมือนยังไม่ตื่นเลยค่ะ” ฟ้า พูดขณะที่กำลังแกะเปลือกไข่อยู่
นานาสบัดหัว ตั้งสติแล้วมองหน้าลูก “เปล่านะ มา ตื่นแล้ว สดชื่นมาก
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ทิวจะพาพวกเธอไปรู้จัก กับโรงเรียน นานาก็ไปด้วย นี่คือโรงเรียนอนุบาลสำหรับ คุณหนู ค่าเทอมแพงมาก ก่อตั้งเพื่อลูกหลานของนัก ธุรกิจโดยเฉพาะเลย ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านสิ่ง แวดล้อม ล้วนดีทุกอย่าง ทั้งสองส่งลูกไปเรียนตอนแปด
โมงเช้า และเลิกเรียนตอนหกโมงเย็น มีรถรับส่งอีกด้วย
โรงเรียนใหญ่โตราวกับปราสาท สร้างจากความชอบ
ของเด็กๆทุกอย่าง ฟ้าบ่นว่าไม่อยากมาเรียน ก็เปลี่ยน
เป็นอยากมาเรียนเลยทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ